อาจจะไม่ผิดที่จะกล่าวว่า ผู้ที่มีฝันย่อมต้องการที่จะยืนอยู่ บนจุดสูงสุด เพื่อต้องการความเป็นที่หนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชีพนักกีฬาด้วยแล้ว การเป็นที่หนึ่ง นั่นหมายถึง เงินทอง ชื่อเสียง และเกียรติยศ ดังนั้นจึงมีผู้คนมากมายที่ฝันจะเป็นผู้ยืนบนจุดสูงสุด และจุดสูงสุดของวงการอเมริกันฟุตบอลนั้นก็คือ
การเป็นแชมป์ซุปเปอร์โบว์ล
"Men, I want you just thinking of one word all season. One word and one word only: Super Bowl."
- Houston Oilers Head Coach Bill Peterson
ซุปเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 48 (Super Bowl XLVIII)
เป็นการพบกันของสองสุดยอดทีมที่ผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟมาด้วยตำแหน่ง Seed No.1 ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 20 ปีเลยทีเดียว นั่นก็คือการพบกันระหว่างเจ้าม้าป่า เดนเวอร์ บรองโก้ส์ และเจ้าเหยี่ยวทะเลแห่ง ซีแอตเทิ่ล ซีฮอกส์ นอกจากนั้นยังเป็นการพบกันของสองสุดยอดทีม ทีมรุก(ที่ทำระยะได้มากที่สุด)อันดับ 1บรองโก้ส์ และทีมรับ(ที่เสียระยะน้อยที่สุด)อันดับ 1 ซีฮอกส์ เป็นการพบครั้งที่ 5 นับตั้งแต่ที่มีการรวมลีก AFL กับ NFL ที่ทีมรุกอันดับที่ 1 พบกับทีมรับอันดับ 1อีกด้วย ทำให้ซุปเปอร์โบว์ลครั้งที่ 48 นี้ คือ
การพบกันของเกมรุกที่พร้อมทะลวงทุกสิ่ง และ เกมรับที่ไม่เคยหวั่นไหวต่อสิ่งใด โดยแท้จริง !!!
เกมรุกของบรองโก้ส์ vs เกมรับของซีฮอกส์
ถือเป็นจุดไคล์แม็กซ์ของเกมนี้เลยทีเดียวสำหรับ เกมรุกอันดับ 1 และทีมรับอันดับ 1 ของลีก ขอเริ่มจากเกมรุกของเจ้าม้าลำพอง นำทัพโดย ควอเตอร์แบ็คที่สุดร้อนแรง ที่ปีนี้เพิ่งทำลายสถิติจำนวนทัชดาวน์(55 ทัชดาวน์)และระยะหลา(5,477 หลา)ต่อฤดูกาล อย่าง เพย์ตัน แมนนิ่ง ซึ่งกำลังพยายามเป็นควอเตอร์แบ็คคนแรกที่ได้แชมป์ซูเปอร์โบว์ล กับ 2 ทีม หลังจากที่เคยได้แชมป์หนึ่งสมัยกับ อินเดียนาโปลิส โคลต์ส ในส่วนเป้าของของในนัดนี้นั้น อุดมไปด้วยปีกระดับโปรโบว์ลอย่าง เดมาเรียส โธมัส, จูเลียส โธมัส, เวส เวลเกอร์ และปีกมากประสบการณ์ เอริค เด็คเกอร์ ซึ่งปีกของ เดนเวอร์ บรองโกส์ ต่างก็รับลูกเกิน 60 ครั้ง และเกิน 10 ทัชดาวน์ นอกจากนั้นบรองโกส์ยังมีผู้เล่น 9 คนที่รับลูกอย่างน้อย 10 ครั้ง โดย เดมาเรียส โธมัส และเด็คเกอร์รับลูกเกิน 1,000 หลา เป็นปีที่สองติดต่อกัน ส่วนเวลเกอร์ และ จูเลียส โธมัส รับลูกมากกว่า 750 หลา ในด้านเกมภาคพื้นดินก็ใช้ ตัววิ่งอย่าง โนว์ชอว์น โมเรโน่ ที่ปีนี้เขาวิ่งทะลวงไปถึง 1,038 หลา 10 ทัชดาวน์หลังจากสี่ปีที่ผ่านมาเขาทำได้รวมเพียง 27 ทัชดาวน์เท่านั้น ดังนั้นจึงจัดได้ว่าเกมรุกของเดนเวอร์สมบูรณ์ทุกองค์ประกอบ
จะพบกับเกมรับของซีฮอกส์ที่ขึ้นชื่อว่าโหดที่สุดในลีก เจ้าของฉายา“The Legion Of Boom” ที่นำโดย ตัวคุมปีกฝีปากกล้า ริชาร์ด เชอร์แมน โดยตลอดทั้งฤดูกาลควอเตอร์แบ็คขว้างใส่ด้านเขาน้อยที่สุดเพียง 49 ครั้ง โดยขว้างสำเร็จเพียง16 ครั้งแต่โดนอินเทอร์เซ็ปต์ไป 8 ครั้ง นอกเหนือจากนั้นในสองฤดูกาลที่ผ่านมามีเพียงปีกแค่คนเดียวเท่านั้นที่ประกบกับเขาแล้วรับเกิน 3 ครั้งในหนึ่งเกม อีกหนึ่งตัวคุมปีกในเกมนี้ก็คือ ไบรอน แม็กซ์เวลล์ กับสถิติ 1 ฟอร์ซฟัมเบิ้ล 4 อินเตอร์เซ็ปต์ ซึ่งทำให้เรตติ้งควอเตอร์แบ็คที่ขว้างใส่เขามีเพียง 47.8 เป็นอันดับ 2 ในบรรดากองหลังทั้งหมด(รองจากเชอร์แมน 47.3) สองเซฟตี้ระดับออลโปว์ล ฟรีเซฟตี้ เอิร์ล โธมัส ฉายาส่วนตัวคือ “Area 29(พื้นที่ทางทหารที่ห้ามอากาศยานบินผ่าน)” กับสตรองเซฟตี้ แคม แชมสเลอร์ กองหน้ามีดีเฟนซีฟไลน์ ไมเคิล เบนเน็ต สถิติแซค 8.5 ครั้งเป็นผู้นำของทีม และ คลิฟฟ์ เอฟริล 8.0 ครั้ง
คาดหากสภาพอากาศไม่เป็นใจ หิมะตกหนักในเม็ตไลฟ์ สเตเดี่ยมเดนเวอร์อาจใช้เกมบอล คอนโทรลเป็นหลักร่วมกับใช้เกมวิ่ง ซึ่งอาจเป็นจุดอ่อนเดียวของเกมรับซีฮอกส์อันไร้เทียมทานนี้ โดยพวกเขามีการป้องกันเกมรับเป็นอันดับ 8 ของลีกซึ่งดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งมาก แต่หากมองลึกลงไปแล้วการป้องกันเกมวิ่งทางด้านขวาของพวกเขาแย่ถึงอันดับที่ 24 ของลีก ในขณะที่ทางด้านซ้ายอยู่ที่อันดับ 5 ของลีกและในขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องกดดันแมนนิ่งให้ได้มากที่สุดด้วย ซึ่งอาจเป็นงานช้างของพวกเขาที่ต้องเจอแนวไลน์เกมบุกของเดนเวอร์ที่มีเปอร์เซ็นต์การโดนแซ็คน้อยที่สุดในลีก ในขณะที่พวกเขามีเปอร์เซ็นต์การแซ็คเป็นที่ 6 ในลีกแต่หากพวกเขาทะลวงเจ้าม้าป่าได้โมเมนตัมของเกมจะตกแก่ซีฮอกส์ทันที ส่วนเกมขว้าง ฝั่งแมนนิ่งนิยมการใช้ฟอร์เมชั่นแบบ 3×1 โดยให้ปีกนอกทั้ง 3 คนอยู่ฝั่งหนึ่งของสนามและให้จูเลียส โธมัส อยู่อีกฝั่งหนึ่งต่างหาก(หรือ “X-iso”) นิยมการขว้างโดยการอ่านเกมรุกก่อนสแน็ปลูก ถ้าฝ่ายตรงข้ามเล่นแมนทูแมนก็จะใช้แผนหลอกขว้างทางฝั่งแนวแข็ง(strongside) แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามเล่นโซน ก็จะเล่นใช้แผนให้ฝ่ายตรงข้ามหลุดจากโซน โดยให้ปีกฉีกออกไปรับด้านนอกหรือแผนแบบ สกรีน ซึ่งยากที่จะหยุดเขาผู้นี้จริงๆ คงต้องวัดกันที่ความเก๋าของทีมรับของเจ้าเหยี่ยวทะเลว่าจะดีพอที่จะหยุดแมนนิ่งได้หรือไม่ ?

เกมรุกซีฮอกส์ vs เกมรับบรองโก้ส์
เกมบุกของซีแอตเทิ่ล ซีฮอกส์ จะนำโดยควอเตอร์แบ็คหนุ่ม รัสเซลล์ วิลสัน ที่ทำสถิติเป็นควอเตอร์แบ็คที่ชนะมากที่สุดในฤดูกาลปกติ จากการลงเล่นสองฤดูกาลแรก และเมื่อรวมรอบเพลย์ออฟด้วย เขานำทีมชนะ 27 นัด มากที่สุดเท่ากับสถิติเดิมนับตั้งแต่ปี 1950 นอกจากนั้นเขายังเป็น ควอเตอร์แบ็คคนแรกในประวัติศาสตร์ที่มีเรตติ้งการขว้างเกินร้อยทั้งในฤดูกาลแรกและฤดูกาลที่สอง โดยปีนี้เขาขว้างไปทั้งหมด 3,357 หลากับอีก 26 ทัชดาวน์ แถมวิ่งไปได้อีก 539 หลากับอีก1 ทัชดาวน์ ในฤดูกาลปกติ ร่วมด้วยซุปตาร์ตัววิ่ง เจ้าอสูร ‘Beast Mode’ มาร์ชอว์น ลิ้นช์ ที่จะเป็นกำลังหลักในเกมนี้อย่างแน่นอนโดยปีนี้เขาวิ่งไปแล้ว 1,257 หลากับอีก 12 ทัชดาวน์ และยังรับไปอีก 316 หลากับอีก 2 ทัชดาวน์ โดยเขาได้สำแดงพลังบีสต์โหมดให้คู่แข่งแท็คเกิ้ลพลาดทั้งหมด 7 ครั้งในนัดที่แล้วรวม 106 ครั้งตลอดอาชีพของเขา ส่วนปีกตัวหลักได้แก่ เพอร์ซี่ ฮาร์วิ่น ที่ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันในฤดูกาลนี้ กับดั๊ก บราวน์วิ่น ที่ทำระยะการรับไป 778 หลากับอีก 5 ทัชดาวน์ไปในฤดูกาลปกติ โดยเขามักจะเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของวิลสันในการเปลี่ยนดาวน์ที่ 3 เป็นดาวน์ที่ 1จะพบกับทีมรับอันดับที่ 19 ของลีกของเดนเวอร์ บรองโก้ส์(ขณะที่ซีฮอกส์มีเกมบุกเป็นอันดับที่ 17 ของลีก)ที่นำโดยดีเฟนซีฟไลน์ ชอร์น ฟิลิปส์(10 แซ็ค 2 ฟอร์ซฟัมเบิ้ล 1 อินเตอร์เซ็ปต์) ไลน์แบ็คเกอร์ เวสลีย์ วู้ดยาร์ด(84 แท็คเกิ้ล 1.5 แซ็ค 2 ฟอร์ซฟัมเบิ้ล 1 อินเตอร์เซ็ปต์)กับแดนนี่ เทรวธาน ที่มาแทนวอน มิลเลอร์ ที่เจ็บไป ตัวคุมปีกความหวังของทีม โดมินิค ร็อดเจอร์ส-โครมาร์ตี้ (3 อินเตอร์เซ็ปต์)
อาจจะกล่าวได้ว่าเกมบุกทางอากาศของซีแอตเทิ่ลโดย รัสเซลล์ วิลสัน นั้นเล่นไม่ดีในช่วงเดือนที่ผ่านมาโดยเรตติ้งเขาในเพลย์ออฟคือ 89.1 ลดลงจากฤดูกาลปกติที่มีเรตติ้ง 101.2 เช่นเดียวกับ แนวไลน์ป้องกันของเขาที่แย่เป็นอันดับที่ 3 ของลีก(ปีนี้วิลสันโดนแซ็คไปถึง 44 ครั้ง)ดังนั้นยังไงซะเกมบุกของซีฮอกส์คงอาศัยการวิ่งของลิ้นซ์และการบอมย์ยาวเป็นหลัก ซึ่งหากม้าป่าเล่นได้ตามฟอร์มทำให้วิลสันออกจากแนวป้องกัน เปอร์เซ็นต์การขว้างก็คงจะลดลง และสร้างเกมมิติเดียวให้กับซีฮอกส์
ทีมพิเศษของทั้งสองทีม
เตะทั้ง สตีฟ ฮัชค์ก้า ผู้เป็นคนที่เตะเปอร์เซ็นต์เข้าสูงที่สุดในลีค โดยเตะเข้า 33 จาก 35 ครั้ง ของซีแอตเทิ่ล หรือ แม็ท เพร์เตอร์ ผู้มีสถิติเตะไกลสุดในประวัติศาสตร์ NFL ผู้นี้ ซึ่งเตะฟิลโกลไปได้ 64 หลาในฤดูกาลนี้ ของเดนเวอร์ ต่างก็เก่งและสามารถพึ่งพาได้ยามที่ต้องการ 3 แต้ม แต่หากเกมสูสีกันมากๆ ทีมพิเศษคงเป็นจุดตัดสินที่ดีของเกมอย่างแน่นอน
โดยสรุปแล้วฝ่ายของเดนเวอร์ บรองโก้ส์จะดูเหนือกว่าซีแอตเทิ่ล ซีฮอกส์อยู่เล็กน้อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่เจ้าเหยี่ยวทะเลมาถึงจุดนี้เพราะมีเกมรับที่แกร่งที่สุดในลีก แต่เมื่อต้องเจอกับทีมรุกจัดจ้านก่อนหน้านี้อย่าง โคลต์ส หรือทีมที่ขว้างแหลกอย่าง คาดินัลด์ พวกเขาก็ต้องพ่ายไป และเมื่อต้องเจอกับทีมรุกที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างบรองโก้ส์ จะเป็นบทพิสูจน์อย่างดีว่า ซีฮอกส์มีดีพอที่จะคว้า วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี่ ไปครอบครองหรือไม่ คงต้องตามลุ้นกันในเช้าวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ๋นี้ตามเวลาประเทศไทย
บทความโดย Nezumaru
เครดิต nfl.com, bleacherreport.com, siamsport.co.th, soccersuck.com, mmqb.si.com, sbrforum.com
สามารถรับข่าวสารหรือพูดคุยเพิ่มเติมได้ทาง facebook.com/nflthailand และ nflthailand.com
ปล.การเขียนบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น แล้วเพื่อนๆ คิดเห็นอย่างไรกับซุปเปอร์โบว์ลครั้งนี้กันบ้าง ร่วมกันแชร์ความรู้สึกได้เลยครับ
Super Bowl XLVIII Preview
- Houston Oilers Head Coach Bill Peterson
ซุปเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 48 (Super Bowl XLVIII)
เป็นการพบกันของสองสุดยอดทีมที่ผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟมาด้วยตำแหน่ง Seed No.1 ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 20 ปีเลยทีเดียว นั่นก็คือการพบกันระหว่างเจ้าม้าป่า เดนเวอร์ บรองโก้ส์ และเจ้าเหยี่ยวทะเลแห่ง ซีแอตเทิ่ล ซีฮอกส์ นอกจากนั้นยังเป็นการพบกันของสองสุดยอดทีม ทีมรุก(ที่ทำระยะได้มากที่สุด)อันดับ 1บรองโก้ส์ และทีมรับ(ที่เสียระยะน้อยที่สุด)อันดับ 1 ซีฮอกส์ เป็นการพบครั้งที่ 5 นับตั้งแต่ที่มีการรวมลีก AFL กับ NFL ที่ทีมรุกอันดับที่ 1 พบกับทีมรับอันดับ 1อีกด้วย ทำให้ซุปเปอร์โบว์ลครั้งที่ 48 นี้ คือ การพบกันของเกมรุกที่พร้อมทะลวงทุกสิ่ง และ เกมรับที่ไม่เคยหวั่นไหวต่อสิ่งใด โดยแท้จริง !!!
เกมรุกของบรองโก้ส์ vs เกมรับของซีฮอกส์
ถือเป็นจุดไคล์แม็กซ์ของเกมนี้เลยทีเดียวสำหรับ เกมรุกอันดับ 1 และทีมรับอันดับ 1 ของลีก ขอเริ่มจากเกมรุกของเจ้าม้าลำพอง นำทัพโดย ควอเตอร์แบ็คที่สุดร้อนแรง ที่ปีนี้เพิ่งทำลายสถิติจำนวนทัชดาวน์(55 ทัชดาวน์)และระยะหลา(5,477 หลา)ต่อฤดูกาล อย่าง เพย์ตัน แมนนิ่ง ซึ่งกำลังพยายามเป็นควอเตอร์แบ็คคนแรกที่ได้แชมป์ซูเปอร์โบว์ล กับ 2 ทีม หลังจากที่เคยได้แชมป์หนึ่งสมัยกับ อินเดียนาโปลิส โคลต์ส ในส่วนเป้าของของในนัดนี้นั้น อุดมไปด้วยปีกระดับโปรโบว์ลอย่าง เดมาเรียส โธมัส, จูเลียส โธมัส, เวส เวลเกอร์ และปีกมากประสบการณ์ เอริค เด็คเกอร์ ซึ่งปีกของ เดนเวอร์ บรองโกส์ ต่างก็รับลูกเกิน 60 ครั้ง และเกิน 10 ทัชดาวน์ นอกจากนั้นบรองโกส์ยังมีผู้เล่น 9 คนที่รับลูกอย่างน้อย 10 ครั้ง โดย เดมาเรียส โธมัส และเด็คเกอร์รับลูกเกิน 1,000 หลา เป็นปีที่สองติดต่อกัน ส่วนเวลเกอร์ และ จูเลียส โธมัส รับลูกมากกว่า 750 หลา ในด้านเกมภาคพื้นดินก็ใช้ ตัววิ่งอย่าง โนว์ชอว์น โมเรโน่ ที่ปีนี้เขาวิ่งทะลวงไปถึง 1,038 หลา 10 ทัชดาวน์หลังจากสี่ปีที่ผ่านมาเขาทำได้รวมเพียง 27 ทัชดาวน์เท่านั้น ดังนั้นจึงจัดได้ว่าเกมรุกของเดนเวอร์สมบูรณ์ทุกองค์ประกอบ
จะพบกับเกมรับของซีฮอกส์ที่ขึ้นชื่อว่าโหดที่สุดในลีก เจ้าของฉายา“The Legion Of Boom” ที่นำโดย ตัวคุมปีกฝีปากกล้า ริชาร์ด เชอร์แมน โดยตลอดทั้งฤดูกาลควอเตอร์แบ็คขว้างใส่ด้านเขาน้อยที่สุดเพียง 49 ครั้ง โดยขว้างสำเร็จเพียง16 ครั้งแต่โดนอินเทอร์เซ็ปต์ไป 8 ครั้ง นอกเหนือจากนั้นในสองฤดูกาลที่ผ่านมามีเพียงปีกแค่คนเดียวเท่านั้นที่ประกบกับเขาแล้วรับเกิน 3 ครั้งในหนึ่งเกม อีกหนึ่งตัวคุมปีกในเกมนี้ก็คือ ไบรอน แม็กซ์เวลล์ กับสถิติ 1 ฟอร์ซฟัมเบิ้ล 4 อินเตอร์เซ็ปต์ ซึ่งทำให้เรตติ้งควอเตอร์แบ็คที่ขว้างใส่เขามีเพียง 47.8 เป็นอันดับ 2 ในบรรดากองหลังทั้งหมด(รองจากเชอร์แมน 47.3) สองเซฟตี้ระดับออลโปว์ล ฟรีเซฟตี้ เอิร์ล โธมัส ฉายาส่วนตัวคือ “Area 29(พื้นที่ทางทหารที่ห้ามอากาศยานบินผ่าน)” กับสตรองเซฟตี้ แคม แชมสเลอร์ กองหน้ามีดีเฟนซีฟไลน์ ไมเคิล เบนเน็ต สถิติแซค 8.5 ครั้งเป็นผู้นำของทีม และ คลิฟฟ์ เอฟริล 8.0 ครั้ง
คาดหากสภาพอากาศไม่เป็นใจ หิมะตกหนักในเม็ตไลฟ์ สเตเดี่ยมเดนเวอร์อาจใช้เกมบอล คอนโทรลเป็นหลักร่วมกับใช้เกมวิ่ง ซึ่งอาจเป็นจุดอ่อนเดียวของเกมรับซีฮอกส์อันไร้เทียมทานนี้ โดยพวกเขามีการป้องกันเกมรับเป็นอันดับ 8 ของลีกซึ่งดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งมาก แต่หากมองลึกลงไปแล้วการป้องกันเกมวิ่งทางด้านขวาของพวกเขาแย่ถึงอันดับที่ 24 ของลีก ในขณะที่ทางด้านซ้ายอยู่ที่อันดับ 5 ของลีกและในขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องกดดันแมนนิ่งให้ได้มากที่สุดด้วย ซึ่งอาจเป็นงานช้างของพวกเขาที่ต้องเจอแนวไลน์เกมบุกของเดนเวอร์ที่มีเปอร์เซ็นต์การโดนแซ็คน้อยที่สุดในลีก ในขณะที่พวกเขามีเปอร์เซ็นต์การแซ็คเป็นที่ 6 ในลีกแต่หากพวกเขาทะลวงเจ้าม้าป่าได้โมเมนตัมของเกมจะตกแก่ซีฮอกส์ทันที ส่วนเกมขว้าง ฝั่งแมนนิ่งนิยมการใช้ฟอร์เมชั่นแบบ 3×1 โดยให้ปีกนอกทั้ง 3 คนอยู่ฝั่งหนึ่งของสนามและให้จูเลียส โธมัส อยู่อีกฝั่งหนึ่งต่างหาก(หรือ “X-iso”) นิยมการขว้างโดยการอ่านเกมรุกก่อนสแน็ปลูก ถ้าฝ่ายตรงข้ามเล่นแมนทูแมนก็จะใช้แผนหลอกขว้างทางฝั่งแนวแข็ง(strongside) แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามเล่นโซน ก็จะเล่นใช้แผนให้ฝ่ายตรงข้ามหลุดจากโซน โดยให้ปีกฉีกออกไปรับด้านนอกหรือแผนแบบ สกรีน ซึ่งยากที่จะหยุดเขาผู้นี้จริงๆ คงต้องวัดกันที่ความเก๋าของทีมรับของเจ้าเหยี่ยวทะเลว่าจะดีพอที่จะหยุดแมนนิ่งได้หรือไม่ ?
เกมรุกซีฮอกส์ vs เกมรับบรองโก้ส์
เกมบุกของซีแอตเทิ่ล ซีฮอกส์ จะนำโดยควอเตอร์แบ็คหนุ่ม รัสเซลล์ วิลสัน ที่ทำสถิติเป็นควอเตอร์แบ็คที่ชนะมากที่สุดในฤดูกาลปกติ จากการลงเล่นสองฤดูกาลแรก และเมื่อรวมรอบเพลย์ออฟด้วย เขานำทีมชนะ 27 นัด มากที่สุดเท่ากับสถิติเดิมนับตั้งแต่ปี 1950 นอกจากนั้นเขายังเป็น ควอเตอร์แบ็คคนแรกในประวัติศาสตร์ที่มีเรตติ้งการขว้างเกินร้อยทั้งในฤดูกาลแรกและฤดูกาลที่สอง โดยปีนี้เขาขว้างไปทั้งหมด 3,357 หลากับอีก 26 ทัชดาวน์ แถมวิ่งไปได้อีก 539 หลากับอีก1 ทัชดาวน์ ในฤดูกาลปกติ ร่วมด้วยซุปตาร์ตัววิ่ง เจ้าอสูร ‘Beast Mode’ มาร์ชอว์น ลิ้นช์ ที่จะเป็นกำลังหลักในเกมนี้อย่างแน่นอนโดยปีนี้เขาวิ่งไปแล้ว 1,257 หลากับอีก 12 ทัชดาวน์ และยังรับไปอีก 316 หลากับอีก 2 ทัชดาวน์ โดยเขาได้สำแดงพลังบีสต์โหมดให้คู่แข่งแท็คเกิ้ลพลาดทั้งหมด 7 ครั้งในนัดที่แล้วรวม 106 ครั้งตลอดอาชีพของเขา ส่วนปีกตัวหลักได้แก่ เพอร์ซี่ ฮาร์วิ่น ที่ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันในฤดูกาลนี้ กับดั๊ก บราวน์วิ่น ที่ทำระยะการรับไป 778 หลากับอีก 5 ทัชดาวน์ไปในฤดูกาลปกติ โดยเขามักจะเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของวิลสันในการเปลี่ยนดาวน์ที่ 3 เป็นดาวน์ที่ 1จะพบกับทีมรับอันดับที่ 19 ของลีกของเดนเวอร์ บรองโก้ส์(ขณะที่ซีฮอกส์มีเกมบุกเป็นอันดับที่ 17 ของลีก)ที่นำโดยดีเฟนซีฟไลน์ ชอร์น ฟิลิปส์(10 แซ็ค 2 ฟอร์ซฟัมเบิ้ล 1 อินเตอร์เซ็ปต์) ไลน์แบ็คเกอร์ เวสลีย์ วู้ดยาร์ด(84 แท็คเกิ้ล 1.5 แซ็ค 2 ฟอร์ซฟัมเบิ้ล 1 อินเตอร์เซ็ปต์)กับแดนนี่ เทรวธาน ที่มาแทนวอน มิลเลอร์ ที่เจ็บไป ตัวคุมปีกความหวังของทีม โดมินิค ร็อดเจอร์ส-โครมาร์ตี้ (3 อินเตอร์เซ็ปต์)
อาจจะกล่าวได้ว่าเกมบุกทางอากาศของซีแอตเทิ่ลโดย รัสเซลล์ วิลสัน นั้นเล่นไม่ดีในช่วงเดือนที่ผ่านมาโดยเรตติ้งเขาในเพลย์ออฟคือ 89.1 ลดลงจากฤดูกาลปกติที่มีเรตติ้ง 101.2 เช่นเดียวกับ แนวไลน์ป้องกันของเขาที่แย่เป็นอันดับที่ 3 ของลีก(ปีนี้วิลสันโดนแซ็คไปถึง 44 ครั้ง)ดังนั้นยังไงซะเกมบุกของซีฮอกส์คงอาศัยการวิ่งของลิ้นซ์และการบอมย์ยาวเป็นหลัก ซึ่งหากม้าป่าเล่นได้ตามฟอร์มทำให้วิลสันออกจากแนวป้องกัน เปอร์เซ็นต์การขว้างก็คงจะลดลง และสร้างเกมมิติเดียวให้กับซีฮอกส์
ทีมพิเศษของทั้งสองทีม
เตะทั้ง สตีฟ ฮัชค์ก้า ผู้เป็นคนที่เตะเปอร์เซ็นต์เข้าสูงที่สุดในลีค โดยเตะเข้า 33 จาก 35 ครั้ง ของซีแอตเทิ่ล หรือ แม็ท เพร์เตอร์ ผู้มีสถิติเตะไกลสุดในประวัติศาสตร์ NFL ผู้นี้ ซึ่งเตะฟิลโกลไปได้ 64 หลาในฤดูกาลนี้ ของเดนเวอร์ ต่างก็เก่งและสามารถพึ่งพาได้ยามที่ต้องการ 3 แต้ม แต่หากเกมสูสีกันมากๆ ทีมพิเศษคงเป็นจุดตัดสินที่ดีของเกมอย่างแน่นอน
โดยสรุปแล้วฝ่ายของเดนเวอร์ บรองโก้ส์จะดูเหนือกว่าซีแอตเทิ่ล ซีฮอกส์อยู่เล็กน้อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่เจ้าเหยี่ยวทะเลมาถึงจุดนี้เพราะมีเกมรับที่แกร่งที่สุดในลีก แต่เมื่อต้องเจอกับทีมรุกจัดจ้านก่อนหน้านี้อย่าง โคลต์ส หรือทีมที่ขว้างแหลกอย่าง คาดินัลด์ พวกเขาก็ต้องพ่ายไป และเมื่อต้องเจอกับทีมรุกที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างบรองโก้ส์ จะเป็นบทพิสูจน์อย่างดีว่า ซีฮอกส์มีดีพอที่จะคว้า วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี่ ไปครอบครองหรือไม่ คงต้องตามลุ้นกันในเช้าวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ๋นี้ตามเวลาประเทศไทย
บทความโดย Nezumaru
เครดิต nfl.com, bleacherreport.com, siamsport.co.th, soccersuck.com, mmqb.si.com, sbrforum.com
สามารถรับข่าวสารหรือพูดคุยเพิ่มเติมได้ทาง facebook.com/nflthailand และ nflthailand.com
ปล.การเขียนบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น แล้วเพื่อนๆ คิดเห็นอย่างไรกับซุปเปอร์โบว์ลครั้งนี้กันบ้าง ร่วมกันแชร์ความรู้สึกได้เลยครับ