ในตอนเช้าโคเบนิพึ่งตื่นนอนก็ได้ครุ่นคิดถึงเรื่องฮาคุยะว่าตนควรจะไปขอโทษหรือจะไปขอบคุณเค้าดี ขณะที่คิดอยู่นั้นพอรู้สึกตัวอีกทีรู้สึกว่าตื่นสายแล้ว แต่พอจะพยายามลุกขึ้นมาก็รู้สึกเวียนหัว
ตัดมาอีกทางเบนิโอะกำลังคุยกับมาชิโระ มาชิโระเลยรู้ว่าคุณพี่ได้บอกความลับเรื่องฮาคุยะไปแล้ว คุณพี่บอกว่าโคเบนิคงกำลังคิดมากเรื่องนี้อยู่ มาชิโระบอกว่าฮาคุยะไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก และถามว่าทำไมคุณพี่ถึงพึ่งมาเล่าให้โคเบนิฟังตอนนี้
คุณพี่เลยบอกว่าไม่อยากบอก และคิดว่าคงดีที่สุดแล้วถ้าโคเบนิจำอะไรไม่ได้ เพราะคิดว่าเป็นความผิดของตนที่ทำให้โคเบนิความจำเสื่อม
โคเบนิที่พึ่งลงมาถึงห้องครัวได้ยินเข้าก็ค้านทันทีว่าไม่ใช่ความผิดของพี่หรอก และไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น
เมื่อทั้งสามคนมาคุยกัน ฮาคุยะเลยรู้เรื่องที่คุณพี่เล่าให้โคเบนิฟังแล้ว ส่วนคุณพี่ก็คิดว่าทำไมสองพี่น้องถึงไม่เป็นคนบอกเจ้าตัว มาชิโระเลยบอกว่าฮาคุยะห้ามเอาไว้ไม่ให้บอก
พอโคเบนิป่วย ท่านพี่เลยต้องทำอาหารเช้า สภาพก็...

อย่างที่เห็น
โคเบนิยามโลลิ
คุณพี่เลยโทรหานาเดชิโกะเพื่อระบายความในใจ(อีกละ) ว่าตนเป็นคนผิด แต่นาเดชิโกะก็บอกว่าโคเบนิคงไม่โทษว่าเป็นความผิดของเธอหรอก
ฉันว่าเธอน่าจะหยุดโทษตัวเองได้แล้ว ให้ปล่อยวางเรื่องนี้ไป
มาชิโระมาช่วยเฝ้าไข้ เช็ดตัวให้
อยากลงรูปต่อจากนี้จริงเหวย แต่กลัวบิน
พอมาชิโระเปิดประตูก็พบว่าฮาคุยะเฝ้าดูอยู่ พอเห็นฮาคุยะ โคเบนิรู้สึกว่าเหมือนจะนึกอะไรได้บางอย่างเกี่ยวกับสุนัขตัวใหญ่ๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น โคเบนิหายป่วย พอเจอฮาคุยะเลยรู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี พอฮาคุยะเห็นว่าถูกหลบหน้าแถมโคเบนิมีน้ำตาซึมออกมา ดูเหมือนฮาคุยะจะมีอะไรแปลกๆจนมาชิโระร้องเตือนว่าอย่า ปรากฏว่าฮาคุยะกลายเป็นเงาดำเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีลมปะทะใส่ทั้งสาม จนเบนิโอะและโคเบนิสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
ภาพคั่น~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

[Mikakunin de Shinkoukei] ตอนที่ 4 (spoil)
ตัดมาอีกทางเบนิโอะกำลังคุยกับมาชิโระ มาชิโระเลยรู้ว่าคุณพี่ได้บอกความลับเรื่องฮาคุยะไปแล้ว คุณพี่บอกว่าโคเบนิคงกำลังคิดมากเรื่องนี้อยู่ มาชิโระบอกว่าฮาคุยะไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก และถามว่าทำไมคุณพี่ถึงพึ่งมาเล่าให้โคเบนิฟังตอนนี้
คุณพี่เลยบอกว่าไม่อยากบอก และคิดว่าคงดีที่สุดแล้วถ้าโคเบนิจำอะไรไม่ได้ เพราะคิดว่าเป็นความผิดของตนที่ทำให้โคเบนิความจำเสื่อม
โคเบนิที่พึ่งลงมาถึงห้องครัวได้ยินเข้าก็ค้านทันทีว่าไม่ใช่ความผิดของพี่หรอก และไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น
เมื่อทั้งสามคนมาคุยกัน ฮาคุยะเลยรู้เรื่องที่คุณพี่เล่าให้โคเบนิฟังแล้ว ส่วนคุณพี่ก็คิดว่าทำไมสองพี่น้องถึงไม่เป็นคนบอกเจ้าตัว มาชิโระเลยบอกว่าฮาคุยะห้ามเอาไว้ไม่ให้บอก
พอโคเบนิป่วย ท่านพี่เลยต้องทำอาหารเช้า สภาพก็...
อย่างที่เห็น
โคเบนิยามโลลิ
คุณพี่เลยโทรหานาเดชิโกะเพื่อระบายความในใจ(อีกละ) ว่าตนเป็นคนผิด แต่นาเดชิโกะก็บอกว่าโคเบนิคงไม่โทษว่าเป็นความผิดของเธอหรอก
ฉันว่าเธอน่าจะหยุดโทษตัวเองได้แล้ว ให้ปล่อยวางเรื่องนี้ไป
มาชิโระมาช่วยเฝ้าไข้ เช็ดตัวให้
อยากลงรูปต่อจากนี้จริงเหวย แต่กลัวบิน
พอมาชิโระเปิดประตูก็พบว่าฮาคุยะเฝ้าดูอยู่ พอเห็นฮาคุยะ โคเบนิรู้สึกว่าเหมือนจะนึกอะไรได้บางอย่างเกี่ยวกับสุนัขตัวใหญ่ๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น โคเบนิหายป่วย พอเจอฮาคุยะเลยรู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี พอฮาคุยะเห็นว่าถูกหลบหน้าแถมโคเบนิมีน้ำตาซึมออกมา ดูเหมือนฮาคุยะจะมีอะไรแปลกๆจนมาชิโระร้องเตือนว่าอย่า ปรากฏว่าฮาคุยะกลายเป็นเงาดำเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีลมปะทะใส่ทั้งสาม จนเบนิโอะและโคเบนิสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น