จากกระทู้แนะนำแกแลกซี่ของคุณ Partita ซึ่งได้มีการพูดถึงแกแลกซี่ต่าง ๆ ว่าอยู่ในกลุ่มดาวอะไร ก็เลยคิดว่าอาจจะมีคนสงสัยอยู่ว่า กลุ่มดาวนั้น ๆ มันอยู่ตรงไหนกันบ้าง เพราหลายกลุ่มก็แทบไม่มีคนรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อมาก่อน (โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ใกล้ขั้วฟ้าใต้) วันนี้ก็เลยถือโอกาสพาไปทำความรู้จักกับกลุ่มดาวแต่ละกลุ่มอย่างคร่าว ๆ ดีกว่าว่ามีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไรกันบ้าง และอยู่ตรงไหนบนท้องฟ้า
แต่ก่อนจะไปรู้จักกับกลุ่มดาว คงต้องแนะนำคำศัพท์บางคำกันก่อน
ขนาด : หมายถึงขนาดพื้นที่ของกลุ่มดาวนั้น ๆ ที่แบ่งโดย IAU เพื่อให้รู้ว่าแต่ละกลุ่มมีขอบเขตอยู่แค่ไหน และดาวที่อยู่ตรงนี้จะต้องอยู่ในกลุ่มดาวอะไร ซึ่งอาจจะแตกต่างไปจากที่เคยกำหนดอย่างคร่าว ๆ ในอดีต เช่น กลุ่มดาวแมงป่อง แต่เดิมเคยอยู่ในแนวสุริยวิถีเกือบทั้งกลุ่ม แต่เมื่อมีการแบ่งใหม่ ปรากฎว่าเหลือแค่เฉพาะส่วนหัวแมงป่องเท่านั้นที่ยังอยู่ ส่วนที่เหลือถูกตัดไปอยู่ในกลุ่มดาวคนแบกงูแทน
ไรท์แอสเซนชั่น และเดคลิเนชั่น : เป็นการบอกตำแหน่งของดาว/กลุ่มดาว ว่าอยู่ตรงไหน
เดคลิเนชั่น = ละติจูดของโลก คือเป็นค่าที่บอกว่าดาว/กลุ่มดาวนั้น อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรฟ้า (เส้นที่แบ่งท้องฟ้าเป็นซีกเหนือและใต้ เหมือนเส้นศูนย์สูตรของโลก) ไปทางทิศเหนือหรือใต้มากน้อยเพียงใด มีหน่วยเป็นองศา โดยที่เส้นศูนย์สูตรฟ้าจะมีค่าเป็น 0 หรือจะขึ้นตกที่ทิศตะวันออกพอดี ส่วนดาวอื่นก็จะขึ้นตกเฉียงไปทางเหนือหรือใต้ตามค่าเดคลิเนชั่น และที่ขั้วฟ้าจะมีค่าเดคลิเนชั่นเป็น 90 องศา
(บางครั้งอาจจะมีเครื่องหมาย + หรือ - ข้างหน้า + จะเป็นเหนือ และ - จะเป็นใต้)
เดคลิเนชั่นยังใช้บอกด้วยว่าเราจะเห็นดาว/กลุ่มดาวใดได้บ้าง โดยเทียบกับละติจูดของโลก เอา 90 ตั้ง ลบด้วยละติจูดนั้น ได้ค่าเท่าไหร่ก็จะเป็นตัวบอกว่าจะเห็นดาว/กลุ่มดาวได้ถึงเท่าไหร่ เช่น กรุงเทพฯ ละติจูด 14 องศาเหนือ ลบ 90 ได้ 76 แสดงว่าคนกรุงเทพฯ จะเห็นดาวที่มีเดคลิเนชั่น 76 เหนือขึ้นไปได้ตลอดเวลาไม่มีขึ้นตก แต่จะไม่เห็นดาวที่มีเดคลิเนชั่น 76 ใต้ลงไปเลย เพราะจะไม่โผล่ขึ้นมาพ้นขอบฟ้าของกรุงเทพ
ไรท์แอสเซนชั่น = ลองจิจูดของโลก คือเป็นค่าที่บอกว่าดาว/กลุ่มดาวนั้น อยู่ห่างจุดอ้างอิง คือจุดวสันตวิษุวัต (Vernal Equinox = จุดที่แนวสุริยวิถีตัดกับเส้นศูนย์สูตรฟ้าจากใต้ไปเหนือ อยู่ในวันที่ 20-21 มีนาคม) ไปทางทิศตะวันออกหรือตกมากน้อยเพียงใด มีหน่วยเป็นชั่วโมง กล่าวคือจะบอกว่า ดาว/กลุ่มดาวนั้นจะผ่านเมอริเดียน (เส้นที่ลากจากขั้วฟ้าเหนือไปขั้วฟ้าใต้โดยผ่านจุดกลางฟ้า) หลังจากจุดวสันตวิษุวัตนานแค่ไหน เช่น ไรท์แอสเซนชั่น 1 ชั่วโมง ก็จะผ่านเมอริเดียนทีหลังจุดวสันตวิษุวัต 1 ชั่วโมงเป็นต้น
ไรท์แอสเซนชั่นจะสามารถบอกได้ว่าจะเห็นดาวนั้นได้ในเวลาใดของวันนั้น โดยเทียบกับไรท์แอสเซนชั่นของดวงอาทิตย์ในวันนั้น เช่น ในวันนี้ (29 ม.ค. 2014) ดวงอาทิตย์มีไรท์แอสเซนชั่น 20:48 ชั่วโมง แสดงว่าดาวที่มีไรท์แอสเซนชั่นเท่านี้ จะขึ้นพร้อมดวงอาทิตย์ และดาวที่มีไรท์แอสเซนชั่นห่าง 12 ชั่วโมง (8:48 ชั่วโมง) จะขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ตก
ตารางไรท์แอสเซนชั่นและเดคลิเนชั่นของดวงอาทิตย์ในปี 2014 (น่าจะเป็นขณะที่ผ่านเมอริเดียน ณ ลองจิจูด 0 องศา) ดูจากลิงค์นี้ได้
http://people.physics.tamu.edu/krisciunas/ra_dec_sun_2014.html
Date RA Decl.
JAN 1, 2014 18:48 -22:58
JAN 29, 2014 20:48 -17:48 (Today)
FEB 1, 2014 21:01 -16:58
MAR 1, 2014 22:50 -7:25
MAR 20, 2014 0:00 0:01 (Vernal Equinox)
APR 1, 2014 0:43 4:43
MAY 1, 2014 2:35 15:12
JUN 1, 2014 4:38 22:07
JUN 21, 2014 6:01 23:26 (Summer Solstice)
JUL 1, 2014 6:42 23:04
AUG 1, 2014 8:47 17:54
SEP 1, 2014 10:43 8:07
SEP 22, 2014 11:58 0:08 (Autumn Equinox)
OCT 1, 2014 12:31 -3:22
NOV 1, 2014 14:27 -14:34
DEC 1, 2014 16:31 -21:52
DEC 21, 2014 17:59 -23:26 (Winter Solstice)
DEC 31, 2014 18:43 -23:04
ชื่อดาวที่สว่างที่สุด : จะเรียกตาม SIMBAD ซึ่งโดยมากจะยึดตามระบบของเบเยอร์ คือใช้ชื่อคุณศัพท์ของกลุ่มดาว นำหน้าด้วยตัวอักษรกรีก โดยเรียงตามความสว่าง ดาวที่สว่างที่สุดจะเป็น alpha รองลงไปคือ beta gamma delta... ตามลำดับ แต่เนื่องจากนายเบเยอร์ใช้ตาเปล่าวัด ก็เลยทำให้มีความผิดพลาดอยู่เยอะโดยเฉพาะดาวที่สว่างพอกัน หรือดาวบางส่วนก็อาจจะมีความสว่างไม่คงที่ ทำให้บางกลุ่มดาวสว่างสุดไม่ได้เป็น alpha เสมอไป เช่นกลุ่มนายพราน (Orion) ดาวที่สว่างสุดอย่าง Rigel กลายเป็น Beta เฉย
ชื่อข้างหลัง / คือชื่อเฉพาะตัวของดาวดวงนั้น เช่น Alpha Canis Majoris มีชื่อเฉพาะว่า Sirius เป็นต้น
ส่วนดาวที่มีเลขนำหน้า เช่น 61 cygni เป็นระบบของแฟลมสตีด ซึ่งเรียกต่อจากระบบของเบเยอร์อีกที
ส่วนความสว่าง เทียบเป็นแมกนิจูด โดยยิ่งค่าน้อยก็จะยิ่งสว่างมาก เช่น Sirius -1.46 สว่างที่สุด สว่างกว่าดาวเหนือ 1.97 เป็นต้น
ดาวที่มีความสว่างต่างกันหนึ่งแมกนิจูด จะสว่างต่างกันประมาณ 2.5 เท่า
การเรียงลำดับกลุ่มดาวในกระทู้นี้ จะเรียงตามตำแหน่งไรท์แอสเซนชั่นโดยประมาณ (น่าจะเป็นจุดกึ่งกลางของกลุ่ม) ของกลุ่มดาวนั้น โดยแบ่งเป็น 12 ช่วง ๆ ละ 2 ชั่วโมงเท่ากัน (แต่จำนวนกลุ่มจะไม่เท่ากัน) ซึ่งจะบอกได้คร่าว ๆ ว่าน่าจะเห็นกลุ่มดาวนั้นได้ตรงไหนเวลาใดในแต่ละช่วงของปี
และเช่นเคย ถ้ามีอะไรที่ผิดพลาดขาดตกบกพร่อง ก็ต้องขออภัยด้วย และขอขอบคุณล่วงหน้าด้วยสำหรับผู้ที่เข้ามาแก้ไขหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติม
ปล. กระทู้นี้จะมี 12 หัวข้อ 12 คห ดังนั้นจึงขอความกรุณาอย่าเพิ่งเป็น "นักปาด" จนกว่าจะลงครบ 12 คห ถ้าต้องการจะพูดคุยก่อน ขอให้ใช้ช่อง "ตอบกลับ" ใน คห แทนนะครับ
มีอะไรบ้างอยู่บนท้องฟ้า : แนะนำกลุ่มดาวทั้ง 88 กลุ่ม
แต่ก่อนจะไปรู้จักกับกลุ่มดาว คงต้องแนะนำคำศัพท์บางคำกันก่อน
ขนาด : หมายถึงขนาดพื้นที่ของกลุ่มดาวนั้น ๆ ที่แบ่งโดย IAU เพื่อให้รู้ว่าแต่ละกลุ่มมีขอบเขตอยู่แค่ไหน และดาวที่อยู่ตรงนี้จะต้องอยู่ในกลุ่มดาวอะไร ซึ่งอาจจะแตกต่างไปจากที่เคยกำหนดอย่างคร่าว ๆ ในอดีต เช่น กลุ่มดาวแมงป่อง แต่เดิมเคยอยู่ในแนวสุริยวิถีเกือบทั้งกลุ่ม แต่เมื่อมีการแบ่งใหม่ ปรากฎว่าเหลือแค่เฉพาะส่วนหัวแมงป่องเท่านั้นที่ยังอยู่ ส่วนที่เหลือถูกตัดไปอยู่ในกลุ่มดาวคนแบกงูแทน
ไรท์แอสเซนชั่น และเดคลิเนชั่น : เป็นการบอกตำแหน่งของดาว/กลุ่มดาว ว่าอยู่ตรงไหน
เดคลิเนชั่น = ละติจูดของโลก คือเป็นค่าที่บอกว่าดาว/กลุ่มดาวนั้น อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรฟ้า (เส้นที่แบ่งท้องฟ้าเป็นซีกเหนือและใต้ เหมือนเส้นศูนย์สูตรของโลก) ไปทางทิศเหนือหรือใต้มากน้อยเพียงใด มีหน่วยเป็นองศา โดยที่เส้นศูนย์สูตรฟ้าจะมีค่าเป็น 0 หรือจะขึ้นตกที่ทิศตะวันออกพอดี ส่วนดาวอื่นก็จะขึ้นตกเฉียงไปทางเหนือหรือใต้ตามค่าเดคลิเนชั่น และที่ขั้วฟ้าจะมีค่าเดคลิเนชั่นเป็น 90 องศา
(บางครั้งอาจจะมีเครื่องหมาย + หรือ - ข้างหน้า + จะเป็นเหนือ และ - จะเป็นใต้)
เดคลิเนชั่นยังใช้บอกด้วยว่าเราจะเห็นดาว/กลุ่มดาวใดได้บ้าง โดยเทียบกับละติจูดของโลก เอา 90 ตั้ง ลบด้วยละติจูดนั้น ได้ค่าเท่าไหร่ก็จะเป็นตัวบอกว่าจะเห็นดาว/กลุ่มดาวได้ถึงเท่าไหร่ เช่น กรุงเทพฯ ละติจูด 14 องศาเหนือ ลบ 90 ได้ 76 แสดงว่าคนกรุงเทพฯ จะเห็นดาวที่มีเดคลิเนชั่น 76 เหนือขึ้นไปได้ตลอดเวลาไม่มีขึ้นตก แต่จะไม่เห็นดาวที่มีเดคลิเนชั่น 76 ใต้ลงไปเลย เพราะจะไม่โผล่ขึ้นมาพ้นขอบฟ้าของกรุงเทพ
ไรท์แอสเซนชั่น = ลองจิจูดของโลก คือเป็นค่าที่บอกว่าดาว/กลุ่มดาวนั้น อยู่ห่างจุดอ้างอิง คือจุดวสันตวิษุวัต (Vernal Equinox = จุดที่แนวสุริยวิถีตัดกับเส้นศูนย์สูตรฟ้าจากใต้ไปเหนือ อยู่ในวันที่ 20-21 มีนาคม) ไปทางทิศตะวันออกหรือตกมากน้อยเพียงใด มีหน่วยเป็นชั่วโมง กล่าวคือจะบอกว่า ดาว/กลุ่มดาวนั้นจะผ่านเมอริเดียน (เส้นที่ลากจากขั้วฟ้าเหนือไปขั้วฟ้าใต้โดยผ่านจุดกลางฟ้า) หลังจากจุดวสันตวิษุวัตนานแค่ไหน เช่น ไรท์แอสเซนชั่น 1 ชั่วโมง ก็จะผ่านเมอริเดียนทีหลังจุดวสันตวิษุวัต 1 ชั่วโมงเป็นต้น
ไรท์แอสเซนชั่นจะสามารถบอกได้ว่าจะเห็นดาวนั้นได้ในเวลาใดของวันนั้น โดยเทียบกับไรท์แอสเซนชั่นของดวงอาทิตย์ในวันนั้น เช่น ในวันนี้ (29 ม.ค. 2014) ดวงอาทิตย์มีไรท์แอสเซนชั่น 20:48 ชั่วโมง แสดงว่าดาวที่มีไรท์แอสเซนชั่นเท่านี้ จะขึ้นพร้อมดวงอาทิตย์ และดาวที่มีไรท์แอสเซนชั่นห่าง 12 ชั่วโมง (8:48 ชั่วโมง) จะขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ตก
ตารางไรท์แอสเซนชั่นและเดคลิเนชั่นของดวงอาทิตย์ในปี 2014 (น่าจะเป็นขณะที่ผ่านเมอริเดียน ณ ลองจิจูด 0 องศา) ดูจากลิงค์นี้ได้
http://people.physics.tamu.edu/krisciunas/ra_dec_sun_2014.html
Date RA Decl.
JAN 1, 2014 18:48 -22:58
JAN 29, 2014 20:48 -17:48 (Today)
FEB 1, 2014 21:01 -16:58
MAR 1, 2014 22:50 -7:25
MAR 20, 2014 0:00 0:01 (Vernal Equinox)
APR 1, 2014 0:43 4:43
MAY 1, 2014 2:35 15:12
JUN 1, 2014 4:38 22:07
JUN 21, 2014 6:01 23:26 (Summer Solstice)
JUL 1, 2014 6:42 23:04
AUG 1, 2014 8:47 17:54
SEP 1, 2014 10:43 8:07
SEP 22, 2014 11:58 0:08 (Autumn Equinox)
OCT 1, 2014 12:31 -3:22
NOV 1, 2014 14:27 -14:34
DEC 1, 2014 16:31 -21:52
DEC 21, 2014 17:59 -23:26 (Winter Solstice)
DEC 31, 2014 18:43 -23:04
ชื่อดาวที่สว่างที่สุด : จะเรียกตาม SIMBAD ซึ่งโดยมากจะยึดตามระบบของเบเยอร์ คือใช้ชื่อคุณศัพท์ของกลุ่มดาว นำหน้าด้วยตัวอักษรกรีก โดยเรียงตามความสว่าง ดาวที่สว่างที่สุดจะเป็น alpha รองลงไปคือ beta gamma delta... ตามลำดับ แต่เนื่องจากนายเบเยอร์ใช้ตาเปล่าวัด ก็เลยทำให้มีความผิดพลาดอยู่เยอะโดยเฉพาะดาวที่สว่างพอกัน หรือดาวบางส่วนก็อาจจะมีความสว่างไม่คงที่ ทำให้บางกลุ่มดาวสว่างสุดไม่ได้เป็น alpha เสมอไป เช่นกลุ่มนายพราน (Orion) ดาวที่สว่างสุดอย่าง Rigel กลายเป็น Beta เฉย
ชื่อข้างหลัง / คือชื่อเฉพาะตัวของดาวดวงนั้น เช่น Alpha Canis Majoris มีชื่อเฉพาะว่า Sirius เป็นต้น
ส่วนดาวที่มีเลขนำหน้า เช่น 61 cygni เป็นระบบของแฟลมสตีด ซึ่งเรียกต่อจากระบบของเบเยอร์อีกที
ส่วนความสว่าง เทียบเป็นแมกนิจูด โดยยิ่งค่าน้อยก็จะยิ่งสว่างมาก เช่น Sirius -1.46 สว่างที่สุด สว่างกว่าดาวเหนือ 1.97 เป็นต้น
ดาวที่มีความสว่างต่างกันหนึ่งแมกนิจูด จะสว่างต่างกันประมาณ 2.5 เท่า
การเรียงลำดับกลุ่มดาวในกระทู้นี้ จะเรียงตามตำแหน่งไรท์แอสเซนชั่นโดยประมาณ (น่าจะเป็นจุดกึ่งกลางของกลุ่ม) ของกลุ่มดาวนั้น โดยแบ่งเป็น 12 ช่วง ๆ ละ 2 ชั่วโมงเท่ากัน (แต่จำนวนกลุ่มจะไม่เท่ากัน) ซึ่งจะบอกได้คร่าว ๆ ว่าน่าจะเห็นกลุ่มดาวนั้นได้ตรงไหนเวลาใดในแต่ละช่วงของปี
และเช่นเคย ถ้ามีอะไรที่ผิดพลาดขาดตกบกพร่อง ก็ต้องขออภัยด้วย และขอขอบคุณล่วงหน้าด้วยสำหรับผู้ที่เข้ามาแก้ไขหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติม
ปล. กระทู้นี้จะมี 12 หัวข้อ 12 คห ดังนั้นจึงขอความกรุณาอย่าเพิ่งเป็น "นักปาด" จนกว่าจะลงครบ 12 คห ถ้าต้องการจะพูดคุยก่อน ขอให้ใช้ช่อง "ตอบกลับ" ใน คห แทนนะครับ