สุดปลายฝัน บทที่ ๑๗ + อวดปกและแจกหนังสือ "บ่มไวน์ใส่รัก"

บทก่อนหน้า
บทนำ   http://pantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑ http://pantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒ http://pantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓ http://pantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔ http://pantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕ http://pantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖ http://pantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗ http://pantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘ http://pantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙ http://pantip.com/topic/31377764
บทที่ ๑๐ http://pantip.com/topic/31398623
บทที่ ๑๑ http://pantip.com/topic/31409848
บทที่ ๑๒ http://pantip.com/topic/31428977
บทที่ ๑๓ http://pantip.com/topic/31455877
บทที่ ๑๔ http://pantip.com/topic/31481664
บทที่ ๑๕ http://pantip.com/topic/31529577
บทที่ ๑๖ http://pantip.com/topic/31556525

ณัฐญาณ์ถูกตรึงอยู่บนสะพานท่าเรือราวกับรูปปั้น สายตาจับนิ่งอยู่ที่กลุ่มคนบนเรือที่กำลังเดินตรงมาทางเธอ ก่อนที่จะหยุดลงตรงหน้า มองเห็นชายหนุ่มสบตากับเธอด้วยสายตาเป็นกังวล

“นาทาย่าห์ครับ มารดาของผม” ชายหนุ่มแนะนำสตรีสูงวัยให้เธอรู้จัก เป็นมารดาของเขาอย่างที่คิดจริงเสียด้วย ณัฐญาณ์ถอนสายบัวอ่อนช้อยแสดงความเคารพ

“ยินดีที่ได้พบค่ะ คุณนายแคมพ์เบลล์ ดิฉันหวังว่าการเดินทางคงจะเรียบร้อยดี” กล่าวทักทายตามมารยาท มองเห็นสุภาพสตรีที่ยืนด้วยท่วงท่าสง่างามตรงหน้าค้อมหัวลงเล็กน้อยรับการทักทาย ก่อนที่จะเชิดใบหน้าขึ้นตามเดิม ใบหน้าที่ยังมีเค้าความงามแม้อายุจะล่วงเลยวัยสาวไปแล้วนั้นเรียบเฉย ไม่เปิดเผยถึงอารมณ์ใด ๆ มีเพียงท่าทางยืนตัวตรง ใบหน้าเชิดเท่านั้นที่แสดงออกว่า ‘ไว้ตัว’  

“ท่านเทศมนตรีเมืองซิดนีย์ เอดเวิร์ด โรบินสัน และธิดา เฮนเรียตต้า โรบินสัน” คู่หมั้นของเธอกล่าวแนะนำบุรุษสูงวัยที่เดินเคียงมารดาของเขา และหญิงสาวที่ยังเกี่ยวแขนเขาอยู่ ณัฐญาณ์ถอนสายบัวทักทายอีกครั้ง

“ท่านเทศมนตรี ยินดีที่ได้พบค่ะ” ก่อนจะหันไปค้อมหัวให้สตรีที่ตนรู้สึกมีปัญหาด้วยมากที่สุด

“คุณเฮนเรียตต้า” ซึ่งหญิงสาวผู้อ่อนวัยกว่าก็ค้อมหัวกลับ และมองเธอด้วยสายตาแสดงความสนใจ ปนสงสัย

“นี่คือนาทาย่าห์” ชายหนุ่มแนะนำเธอกับทุกคนแต่เพียงเท่านั้น เธอเป็นเพียงนาทาย่าห์ ไม่ใช่คนรัก ไม่ใช่คู่หมั้น ไม่ใช่คนที่กำลังจะแต่งงานกัน และเมื่อหญิงสาวจ้องมองไปยังใบหน้าของคนรักเพื่อหาคำอธิบายกับการแนะนำเธอห้วน ๆ เช่นนั้น ก็เห็นเพียงชายหนุ่มที่ทำท่าขบกรามราวกับไม่พอใจอะไรบางอย่าง

นี่มันเรื่องอะไรกัน...

เมื่อหญิงสาวละสายตาจากใบหน้าของชายหนุ่ม ก็มองเห็นท่านเทศมนตรีมองมาที่เธออย่างคลางแคลงเช่นกัน ท่านคงจะสงสัยกระมังว่าเธอเป็นใคร และอยู่ที่สถานีแปรรูปวาฬแห่งนี้ในฐานะอะไรกันแน่ แต่เมื่อเจ้าของสถานีไม่บอก ตามมารยาท เขาก็คงไม่ถาม

วิลเลียมกล่าวเชื้อเชิญให้คณะเดินทางย่อม ๆ เดินตรงไปยังอาคารสถานี สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีสูงวัยเดินเคียงกันนำไปก่อน ตามมาด้วยเจ้าของสถานีและหญิงสาวอ่อนวัยที่ยังคงเกี่ยวแขนเขาอยู่แนบแน่น ตามมาติด ๆ ด้วยณัฐญาณ์โดยมีเอลานอร์รั้งท้าย หญิงสาวพยายามก้าวเดินตามไปอย่างมั่นคง ไม่ล้มฟาดไปเสียก่อน เพราะตอนนี้เธอแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงจะก้าวเดิน ด้วยรู้สึกถึงสถานการณ์อันน่าเคลือบแคลง จนกว่าจะได้รับคำอธิบายจากชายหนุ่ม เธอคงไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างปรกติสุขแน่ แต่ณัฐญาณ์ก็ไม่ทราบเลยว่า เธอจะได้รับคำอธิบายนั้นเมื่อไร เพราะนับตั้งแต่กลับมาถึงสถานีพร้อมกับคนพวกนี้ เขาก็ยังไม่พูดกับเธอสักคำ

วิลเลียมขบกรามจนเป็นสันนูน เขาโกรธตนเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่สามารถปกป้องคนรักจากความเจ็บปวด และที่แย่ที่สุด ดูเหมือนความเจ็บปวดนั้นจะมีสาเหตุมาจากเขาด้วยซ้ำ

ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหญิงสาวกำลังรู้สึกอย่างไร ด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง ใบหน้าซีดเผือด สายตาที่ปรายลงมายังท่อนแขนของเขาที่มีมือของธิดาของท่านเทศมนตรีเกาะเกี่ยวอยู่หลายครั้ง เขารู้ว่าเธอต้องการคำอธิบาย แต่เขาให้เธอไม่ได้... ในตอนนี้... ให้เธอไม่ได้แม้แต่จะกระซิบบอกว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่เธอกำลังกังวล เขาหวังเพียงให้หญิงสาวอดทน เมื่อมีโอกาสเขาจะอธิบายทั้งหมดให้เธอฟังเอง

ชายหนุ่มทอดสายตามองแผ่นหลังระหงของมารดาพลางถอนหายใจ เพราะสัญญาที่ให้ไว้กับมารดาแท้ ๆ จึงทำให้เขาต้องแนะนำณัฐญาณ์ต่อท่านเทศมนตรีและธิดาราวกับว่าหญิงสาวไม่มีความสำคัญอันใด และเพราะข้อแลกเปลี่ยนที่เขาตกลงไว้กับมารดาเท่านั้นหรอก จึงทำให้เขายอมทำเช่นนี้

ในตอนที่เข้าไปที่คฤหาสน์แคมพ์เบลล์เมื่อไปถึงซิดนีย์นั้น วิลเลียม แคมพ์เบลล์เข้าไปพร้อมข่าวที่เขาคิดเอาเองว่าบิดามารดาคงจะยินดีไปกับเขา เพราะเขากำลังจะแต่งงาน หลังจากที่ถูกมารดารบเร้ามานานหลายปี แต่เมื่อเขาบอกข่าวออกไป ปฏิกริยาของมารดากลับไม่ใช่สิ่งที่เขาคาด

“ลูกจะแต่งงานกับผู้หญิงผิวเหลืองไม่ได้นะ” มารดาพูดน้ำเสียงเฉียบขาด หลังจากทราบว่าคู่หมั้นของเขาไม่ใช่คนเชื้อชาติเดียวกัน ชายหนุ่มลอบผ่อนลมหายใจ ก่อนจะตอบมารดาด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“คุณแม่ครับ ผมมาเรียนให้ทราบ” เขาไม่ได้พูดต่อว่า ‘ไม่ได้มาขออนุญาต’ แต่มารดาย่อมรู้จักเขาดีว่าเขาหมายความว่าอย่างไร

“วิล ลูกก็รู้ว่ารัฐบาลของเรารู้สึกอย่างไรกับคนจีนผิวเหลือง” มารดาไม่ยอมแพ้ ใช่... เขารู้ว่ารัฐบาลกีดกันคนจีนอพยพเข้ามาในประเทศ...

“นาทาย่าห์ไม่ใช่คนจีน”

“ก็เผ่าพันธุ์เดียวกันนั่นล่ะ พวกผิวเหลือง” ผู้เป็นมารดาเถียง พลางทำเสียงขึ้นจมูกอย่างรังเกียจ

“ผมรักนาทาย่าห์ครับแม่ และผมจะแต่งงานกับเธอ ผมเพียงมาเรียนให้คุณแม่กับคุณพ่อทราบเท่านั้น” ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงราบเรียบเป็นการตัดบท เขาไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากบิดามารดาจึงจะแต่งงานกับคนที่เขารักได้ น่าเสียดายที่บิดามารดาของเขาจะไม่รักนาทาย่าห์เหมือนอย่างที่เขารัก แต่นั่นก็เป็นปัญหาของพวกท่านเอง และมันไม่สามารถทำให้เขาเปลี่ยนใจได้

“วิล” ผู้เป็นแม่เรียกเสียงอ่อนโยน ดูเหมือนมารดาของเขาจะรู้ว่าใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล จึงเปลี่ยนมาใช้ไม้นวมบ้าง

“ถ้าลูกรักลูกชอบแม่ก็ไม่ว่าอะไรหรอก หากจะเก็บไว้เป็นเพียงเพื่อนนอน มันเป็นเรื่องปกติของผู้ชายนี่นะ แต่แม่อยากให้ลูกพิจารณาอีกสักนิดกับการที่จะยกย่องคนต่างชาติต่างภาษาให้เป็นคุณผู้หญิงของลูก ตระกูลแคมพ์เบลล์ของเราเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ สืบสายเลือดผิวขาวอันบริสุทธิ์ต่อกันมาหลายชั่วอายุคน แม่ไม่อยากให้สายเลือดอันบริสุทธิ์ของเราต้องมาแปดเปื้อนเอาในรุ่นของลูก”

“คุณแม่” ชายหนุ่มครางอย่างเจ็บปวด ไม่อยากจะเชื่อว่ามารดาของเขากำลังกล่าวถ้อยคำที่สุดแสนจะน่ารังเกียจนี้ออกมาได้

“ผมคิดดีแล้วครับคุณแม่ และไม่มีอะไรจะเปลี่ยนใจผมได้” ชายหนุ่มตอบเสียงหนัก เขาไม่ต้องการถกเถียงเรื่องนี้กับมารดาอีกต่อไป หากแต่ดูเหมือนคุณนายแคมพ์เบลล์จะไม่ยอมแพ้

“เอาเถอะวิล ถ้าลูกตัดสินใจแล้วแม่ก็คงจะทำอะไรไม่ได้ แต่วิลช่วยแม่สักครั้งได้ไหมลูก ตอนที่ลูกโทรเลขมาบอกว่าจะเข้ามาที่บ้าน แม่ได้ไปเรียนเชิญท่านเทศมนตรีโรบินสันกับหนูเฮนเรียตต้าให้ไปเที่ยวที่สถานีแปรรูปวาฬของลูก และท่านก็ตอบตกลงมาแล้ว ลูกก็ทราบว่าการเชิญท่านไปพร้อมบุตรสาวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร และตอนนี้ก็สายเกินไปแล้วที่จะยกเลิก วิลจะช่วยใช้เวลากับน้องได้ไหมลูก อย่าให้ท่านรู้ว่าลูกมีคู่หมั้นแล้วได้ไหม เพื่อเห็นแก่แม่เถอะนะ หากท่านทราบว่าแม่เชิญธิดาของท่านให้ไปรู้จักลูกชายที่มีคู่หมั้นแล้ว เห็นทีจะเกิดผลร้ายต่อธุรกิจของพ่ออย่างใหญ่หลวงทีเดียว”

“คุณแม่ครับ ผมจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร นาทาย่าห์จะรู้สึกอย่างไรหากผมจะต้องใช้เวลาแสร้งเรียนรู้ผู้หญิงคนอื่น ในขณะที่มีเธออยู่ทนโท่ ผมทำไม่ได้หรอกครับ”

“ลูกก็อธิบายให้คู่หมั้นของลูกเข้าใจสิ ถ้าเธอรักลูกเธอจะต้องเข้าใจความจำเป็นที่ลูกจะต้องทำ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดกับธุรกิจของพ่อ หากจะเข้ามาเป็นคนในตระกูลของเราแล้ว เรื่องเพียงเท่านี้ทำไมจะทำไม่ได้เล่า”

“หมายความว่าคุณแม่ยอมรับให้เธอเป็นคนในตระกูลแล้วหรือครับ”

“แม่ไม่รับรู้หรอกนะวิล แต่เมื่อแม่ห้ามไม่ได้ ก็คงต้องปล่อยให้ลูกจัดการตามอำเภอใจ” มารดาของเขาตอบน้ำเสียงสะบัด อย่างจะให้รู้ว่ายังคงไม่เห็นดีเห็นงามกับการที่เขาจะยกย่องคนต่างเชื้อชาติให้เป็นคุณผู้หญิงของเขา

“คุณแม่ให้สัญญากับผมได้หรือไม่ครับ ว่าหากผมยอมทำตามที่คุณแม่ขอ คุณแม่จะยอมให้ผมจัดการตามอำเภอใจ” ชายหนุ่มต่อรองกับมารดา

“เอาเถอะ แม่สัญญาว่าจะไม่ยุ่งเรื่องแต่งงานของลูกอีก แต่จะให้แม่ยอมรับผู้หญิงต่างชาติเป็นสะใภ้ออกนอกหน้าแม่ทำไม่ได้หรอกนะ ขอให้ลูกรับรู้เอาไว้ด้วย”

“ไม่เป็นไรครับคุณแม่ แค่คุณแม่รับทราบว่าผมแต่งงานแล้ว และไม่ไปเชิญลูกสาวใครมาเที่ยวที่บ้านผมโดยไม่ปรึกษาก่อนก็พอแล้ว” เขาอดเหน็บมารดาไม่ได้ หากท่านบอกเขาก่อนสักนิด เขาคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเช่นนี้

“หมายความว่าลูกจะยอมทำตามที่แม่ขอใช่ไหม” มารดาถามอย่างจะให้แน่ใจ

“ครับ”

“ขอบคุณนะลูก แม่หวังว่าระยะเวลาที่ลูกได้รู้จักกับเฮนเรียตต้า ลูกจะได้รู้ว่ากรวดกับเพชรต่างกันอย่างไร”

หากมารดาของเขาคิดว่าการที่เขาต้องแสร้งใช้เวลาเรียนรู้กันและกันกับธิดาของท่านเทศมนตรีแล้วจะทำให้เขาเปลี่ยนใจจากนาทาย่าห์ล่ะก็ ท่านกำลังคิดผิดอย่างมหันต์ทีเดียว

และตอนนี้เขาก็หวังเพียงว่า เขาจะได้มีโอกาสอธิบายทุกอย่างให้หญิงสาวฟังโดยเร็วที่สุด ก่อนที่เธอจะเข้าใจผิดไปไกล

ผมรักคุณนะแนท คุณคงไม่คิดว่าผมจะพาคนอื่นมาแทนที่คุณใช่ไหม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่