อดีตที่ผูกพันของเจ้าสิงห์หนุ่ม
….เมื่อหทัยภัทรกลับมาถึงบ้าน…ก็เป็นเวลาเลยพลบค่ำ ล่วงเข้ายามสองไปแล้ว จันทร์บนฟ้าเพิ่งลอยเด่นเหนือหัว...กำลังเปล่งแสง ฉายรัศมีอวดเดือน หญิงสาวเปิดประตูรั้วบ้านเข้ามา เจ้าแฟรงค์ สุนัขพันธุ์ฝรั่งตัวเล็กน่ารัก อายุเพียงไม่กี่เดือน ที่เธอเลี้ยงไว้ วิ่งกรูเข้ามาหาอย่างดีใจ มันส่งเสียงเห่าทักทายเอ็ดอึง แต่ครั้นพอหญิงสาวก้มลง เอามือตบที่หลังมันเบาๆ พลางลูบหัวอย่างปราณี มันก็เงียบเสียงลงทันที
หญิงสาวจัดแจงถอดรองเท้าคู่โปรด แล้วนำไปวางไว้บนชั้นวางรองเท้า ตรงริมประตูบ้านนั่นเอง...
อันที่จริงที่นี่ก็คือบ้านเดิมของเธอนั้นเอง แต่เจ้าอาร์ทผู้พี่ได้ทำการรื้อถอน ปรับปรุงต่อเติมใหม่หมด แถมซื้อที่ดินว่างเปล่าบริเวณใกล้เคียงไว้หลายตารางวา เพราะต้องการขยายบริเวณเนื้อที่บ้านให้กว้างขึ้น เจ้าอาร์ทเป็นนักศิลปะ มีอารมณ์กวี รักอิสระเสรี หลงใหลในสถาพแวดล้อมแบบธรรมชาติและป่าเขาที่เงียบสงบร่มรื่น เขาไม่ชอบเมืองหลวง แต่อยากมีชีวิตใกล้กับธรรมชาติ สูดอากาศที่บริสุทธิ์ของต่างจังหวัด เลยคิดลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่ไปตลอด...ส่วนหทัยภัทรเมื่อเรียนจบ ก็ได้ย้ายไปอาศัยอยู่กับมารดาและบิดาที่บ้านปลูกใหม่ในกรุงเทพ เพราะที่ทำงานของเธออยู่ที่นั่น....
“อ้าว...พี่อาร์ท ไหงมานอนแผ่อยู่นี่ล่ะคะ คุณแม่ไปไหน” เอ่ยทักเจ้าคนพี่ที่กำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อย่างสบายอารมณ์ในบ้าน...
....หญิงสาวคิดว่าแปลกไป ที่วันนี้พี่เธอกลับอยู่ดึกกว่าเคย ปกติหลังเวลาพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว เขาจะไม่คิดทำสิ่งใดอีก นอกจากเก็บตัวเงียบเชียบ รีบเข้านอนเสียแต่หัวค่ำ เพี่อเก็บแรงกายไว้ตื่นขึ้นมาวาดภาพอีกทีในตอนเช้ามืด-เช้าตรู่ เขาชอบนั่งทอดอารมณ์อยู่ที่เฉลียงบ้าน รับลม ชมทิวไม้ ทุ่งหญ้า ฟังเสียงหมู่สกุณา เก็บภาพของเมฆขาวตอนฟ้าแผ้ว เก็บแสงพระอาทิตย์อ่อนๆ ในยามเช้า ไว้เป็นโลเกชั่นสำหรับงานวาดของเขาเสมอ...
“อืม...กลับมาแล้วเหรอจ๊ะกวาง คุณแม่น่ะ รอเธอจนหลับไปแล้วนะ บอกพี่ด้วยว่าถ้ากวางมา ให้ปลุกท่าน”
เจ้าอาร์ทรีบบอกน้องสาว ถึงผู้เป็นมารดาที่เพิ่งกลับมาจากการทำวิปัสสนาที่วัด เมื่อช่วงสามทุ่ม
“ให้คุณแม่หลับให้สบายเหอะค่ะ มีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้ก็ได้ อย่าไปรบกวนใจท่านเลย”
“แล้วทำไมพี่เองถึงยังไม่นอนล่ะคะ ปกตินอนเร็วนิ ยังไม่ง่วงอีกเหรอ... ดูทีวีดึกเชียวนะ”
“พี่ก็รอน้องไง เป็นห่วง เลยดูทีวีฆ่าเวลาไปพลางๆ ก่อนจ้ะ” อาร์ทพูดพลางเอามือปิดปากหาวบิดขี้เกียจสักสองสามที พอได้สบายตัว จึงผลุนลุกขึ้นจากโซฟา รีบตรงมา คว้าตัวน้องสาวสุดที่รักไปกอดอย่างรักใคร่เอ็นดู…
“เป็นไงบ้าง กาแฟร้านเปิดใหม่ใช้ได้ไหม ว่างๆ พี่จะพาเพื่อนไปดื่มบ้าง”
“โอเคเลยคะ รสนุ่มมาก แล้วก็อาหารว่างหลายอย่าง ก็น่าทาน” หญิงสาวเล่าอย่างอารมณ์ดี
“ไม่เห็นพาเพื่อนใหม่มาให้พี่รู้จักบ้างเลย พี่จะไปรับที่ร้านกาแฟก็ไม่ยอม” หทัยภัทรสะดุ้งนิดหนึ่ง นึกไปถึงเจ้าของรถมอเตอร์ไซด์สีน้ำเงินคันงาม ที่เพิ่งแยกจากเธอไปเมื่อครู่ ถ้าบอกว่าไปกับเจ้าดรีม คงต้องโดนพี่ของเธอสวดยาวทั้งคืนแน่
“ก็...เอ่อ... เมื่อกี้กวางก็ชวนเขาเข้าบ้านมานะ เขาอยากมาไหว้พี่อาร์ท แต่เขาขี้อายน่ะคะ เลยไม่กล้ามา”
“อย่างนี้ก็มีด้วยนะ แต่เอาเหอะ วันหลังชวนเขามาบ้านเราสิจ๊ะ พี่จะทำอาหารเลี้ยงเขา”
หทัยภัทรหยิบถุงน้ำเต้าหู้สามถุงที่เจ้าดรีมซื้อมาให้ ยกขึ้นอวดพี่ของเธอ แล้วก็ชวนคุยสัพเพเหระไปเรื่อย...
“เขามีน้ำใจนะคะ นี่ไง.. ซื้อน้ำเต้าหู้มาฝากพี่อาร์ทด้วยล่ะ” เจ้าหล่อนว่าพลาง เดินไปหยิบแก้วกระเบื้องเคลือบเปล่าใบหนึ่งที่โต๊ะอาหาร แล้วแกะยางมัดถุงน้ำเต้าหูออก ค่อยๆ รินมันอย่างระมัดระวัง นำไปให้พี่ของเธอได้ดื่มที่โต๊ะรับแขกหน้าบ้าน...ส่วนอีกถุงหนึ่งเก็บแช่ไว้ในตู้เย็น เพื่ออุ่นให้มารดาได้ดื่มตอนเช้าๆ หลังตื่นนอน เพราะเจ้าดรีมสั่งเสียมาแบบนั้น
“ค่อยๆ ดื่มนะคะ พี่อาร์ท มันร้อนน่ะค่ะ”
“อืม...ดีเหมือนกัน ได้ดื่มอะไรร้อนๆ ก่อนนอนคงสบายท้อง หลับดี”
เจ้าอาร์ทยกซดน้ำเต้าหูแก้วนั้นดื่มจนหมด ด้วยความอร่อย เมื่ออิ่มสบาย ก็ทำท่าจะนอนแผ่หลาไปกับพื้นบ้านอีกรอบ พยายามจะข่มตาไม่ให้สะลึมสะลือ เพราะอยากคุยกับน้องนานๆ แต่ทำไม่ได้ด้วยความง่วงที่เริ่มมาเยือน...
“ฮั่นแน่...พี่อาร์ทของกวางตาปรือแล้ว อย่าฝืนเลย ไปนอนเหอะคะ ส่วนของที่รื้อไว้ เดี๋ยวกวางจัดการเก็บให้เอง”
หญิงสาวมองไปที่กองหนังสือกับแผ่นซีดีที่พี่ของเธอ รื้อออกมาจากตู้ มันถูกวางไว้ระเกะระกะที่หน้าโทรทัศน์ ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็น แล้วได้แต่ยิ้มๆ พลางส่ายหน้าอย่างอ่อนระอา นึกห่วงว่าถ้าเธอออกเรือนไป จะมีผู้หญิงคนไหนมาคอยดูแล จัดบ้านช่องให้เขาแทนเธอ ผู้เป็นน้องสาว...
“เฮ้อ....นี่ตั้งแต่กวางออกไปข้างนอก ยังไม่เก็บอีกเรอะคะคุณพี่ขา...”
“จ๊ะ...คือว่าพี่มันขี้เกียจอ่ะจ๊ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเก็บนะจ๊ะ ไม่ต้องห่วง แหะๆ”
เจ้าคนพี่หันมามองน้องสาวตัวเอง พลางหัวเราะเก้อๆ ยกมือเกาหัวด้วยความกระดากอาย....
หทัยภัทธยิ้ม แอบก้มหน้าหัวเราะเบาๆ นึกขันในนิสัยอันเคยชินของพี่ชาย ที่แม้จะโตจนมีการงานทำแล้ว เขาก็ยังมีนิสัยความเป็นระเบียบระบอบ ต่างกันกับเธอ ราวหน้ามือกับหลังมือ...
“อะไรกันนักหนา พวกชายโสดนี่นะ รกกันจริงเชียว เก็บของไม่เป็นระเบียบกันเล้ย....”
หญิงสาวบ่นไปพลางเก็บของที่พี่เธอรื้อรกไป ไม่นานก็เสร็จ บ้านช่องกลับมาเรียบร้อย เป็นระเบียบ น่ามองดังเดิม ในใจไม่ใคร่จะถือสาอะไรในพี่ของเธอนัก นึกไปในทางเอ็นดูเสียมากกว่า หญิงสาวนึกในใจ พวกหนุ่มโสดมันก็แบบนี้แหละ รกเป็นกิจวัตร ตราบใดที่ยังหาผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านแม่เรือนมาจัดแจงให้บ้านเป็นระเบียบเข้าที่เข้าทางไม่ได้ คนที่อาสาเก็บให้ก็คงเหนื่อยอยู่ บ้านก็ไม่ต่างอะไรกับรังหนู เวลาจะเดินที ต้องหาทางแหวกๆ เอา อีตาดรีม เพื่อนรักของเธอ เจ้าก็คงไม่ต่างอะไรกับพี่เธอเช่นกัน...
หลังจากราตรีสวัสดิ์ ส่งผู้เป็นพี่เข้านอนไปเรียบร้อยแล้วหทัยภัทร จึงมีเวลาคิดเรื่องของตัวเองบ้าง หญิงสาวอาบน้ำฝักบัวจนรู้สึกเย็นชื่นสบายกาย ทอดตัวเอนกายนอนลงบนเตียงใหญ่หนานุ่มอบอุ่น หยิบรูปถ่ายตั้งโต๊ะที่หัวเตียงมาพิศดู เป็นรูปเก่าๆ สมัยมัธยมของเธอ ที่ถ่ายโดยนายช่างผู้ชำนาญ ถูกหญิงสาวใส่กรอบไม้เก็บรักษาไว้อย่างดี เพื่อชะลอความเก่าแก่ของรูปและกาลเวลาที่ล่วงพ้นไป
มันคือภาพหมู่ของนักเรียนคาทอลิกทุกคนในห้อง 6/7 ที่ถ่ายไว้ก่อนจบการศึกษา และแจกจ่ายให้กันคนละใบสองใบเก็บไว้เป็นที่ระลึกเวลาคิดถึงเพื่อนๆ และเจ้าหนุ่มน้อยหน้าหยกที่ยืนยิ้มเพียบแป้ลอยู่ข้างกายเธอ จะเป็นใครเสียไม่ได้ นอกจาก "เจ้าดรีมองครักษ์ประจำตัวประจำใจ" เพื่อนตายของเธอ
เหตุใดคืนนี้จึงรู้สึกอิ่มใจเป็นพิเศษ เป็นเหตุผลลี้ลับที่เธอเองก็หาคำตอบไม่ได้ ข่าวใหม่ของดรีม อลงกต ที่เล่าให้เธอฟังเมื่อตอนหัวค่ำ ว่าตัวเขาเพิ่งเลิกกับแฟนสาวมาหมาดๆ หลังจากดูใจกันมาหลายปี แต่ค้นพบว่าไปกันไม่ได้ เธอเองจะยินดีหรือยินร้ายกับเขาดีนะ ใจหนึ่งก็อดสงสารเจ้าเพื่อนรักคนนี้เสียไม่ได้ ที่ไม่เคยทันเล่ห์เหลี่ยมมารยาของผู้หญิงสมัยนี้จนพาลอกหัก ช้ำรักอยู่บ่อยๆ อีกใจหนึ่งก็รู้สึกยินดีปรีดา ที่คนอย่างเขา ได้ก้าวข้ามผ่านหลุมพรางแห่งรักที่หลอกลวงของเจ้าหล่อนคนนั้นมาได้
หทัยภัทรอยากเข้าไปอยู่ใกล้ๆ และกระซิบปลอบเจ้าของใจช้ำนั้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า อดทนหน่อยนะดรีม ตอนนี้คุณอาจจะเหงาบ้าง ท้อบ้าง แต่สักวันคุณจะเจอคนที่ดี ที่ดูแลและรักคุณอย่างจริงใจ ผู้หญิงเราไม่ได้ร้ายกาจ โชกโชน เจ้าเล่ห์เหมือนกันไปเสียหมดทุกคน หากเจ้าดรีมของเธอจะยังศรัทธาในรักแท้ รักที่ครั้งหนึ่ง เขาเคยบอกเธอว่า มันเป็นสิ่งสูงค่า น่าถนอม เป็นพรอันประเสริฐของพระเจ้า และเขาเองก็เชื่อมั่นบูชามันนักหนา ถ้าเจ้าหมอนี่ ไม่พาลเอาความผิดหวังขึ้นตั้งหน้า มันก็จะไม่มีเวรมาแทรก แต่สิ่งที่หญิงสาวกลัวใจที่สุดในเพลานี้คือ พิษรักกลัดหนองในอก จะพาลให้มันเกลียดผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ไปเสียหมด แล้วผลักไสผู้หญิงดีดีไปจากชีวิตมัน โดยไม่มีความไว้วางใจในสตรีเพศหลงเหลืออยู่เลย หากนายทำแบบนั้น นายจะเป็นคนใจแคบและมองโลกในแง่ร้ายอย่างที่สุดเลย ดรีม อลงกต
ความเป็นเพื่อนรักรู้ใจมาแต่เยาว์วัย ทำให้หญิงสาวตระหนักในความเป็นเขาอย่างดี เจ้าดรีมที่เธอรู้จัก มันเป็นคนอ่อนไหวก็จริง แต่ทว่าเมื่อสลักคำว่ารักแล้วหัวใจมันแกร่ง เหลือเชื่อ เจ้าดรีมมันเป็นชายใจเด็ด เมื่อเสียใจถึงที่สุด มีดที่มือมันเกลือกจะฆ่ามันเองเสียก็ได้ บ่อยครั้ง หทัยภัทรจะได้รับรู้เรื่องราวในชีวิตของดรีม อลงกต ผ่านตัวอักษรที่เขาระบายมาทางจดหมาย เรื่องงาน เรื่องเพื่อน เรื่องรักที่ลุ่มๆ ดอนๆ ของเขา เธอนึกไปถึงงานเลี้ยงรุ่น ม.6 ที่เหล่าผองเพื่อน รวมตัวกันจัดขึ้น เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว....
+++++++++++++++++
หน้ากากสิง (สิงห์ผยอง) ตอน จดหมายจากคนสวย
อดีตที่ผูกพันของเจ้าสิงห์หนุ่ม
….เมื่อหทัยภัทรกลับมาถึงบ้าน…ก็เป็นเวลาเลยพลบค่ำ ล่วงเข้ายามสองไปแล้ว จันทร์บนฟ้าเพิ่งลอยเด่นเหนือหัว...กำลังเปล่งแสง ฉายรัศมีอวดเดือน หญิงสาวเปิดประตูรั้วบ้านเข้ามา เจ้าแฟรงค์ สุนัขพันธุ์ฝรั่งตัวเล็กน่ารัก อายุเพียงไม่กี่เดือน ที่เธอเลี้ยงไว้ วิ่งกรูเข้ามาหาอย่างดีใจ มันส่งเสียงเห่าทักทายเอ็ดอึง แต่ครั้นพอหญิงสาวก้มลง เอามือตบที่หลังมันเบาๆ พลางลูบหัวอย่างปราณี มันก็เงียบเสียงลงทันที
หญิงสาวจัดแจงถอดรองเท้าคู่โปรด แล้วนำไปวางไว้บนชั้นวางรองเท้า ตรงริมประตูบ้านนั่นเอง...
อันที่จริงที่นี่ก็คือบ้านเดิมของเธอนั้นเอง แต่เจ้าอาร์ทผู้พี่ได้ทำการรื้อถอน ปรับปรุงต่อเติมใหม่หมด แถมซื้อที่ดินว่างเปล่าบริเวณใกล้เคียงไว้หลายตารางวา เพราะต้องการขยายบริเวณเนื้อที่บ้านให้กว้างขึ้น เจ้าอาร์ทเป็นนักศิลปะ มีอารมณ์กวี รักอิสระเสรี หลงใหลในสถาพแวดล้อมแบบธรรมชาติและป่าเขาที่เงียบสงบร่มรื่น เขาไม่ชอบเมืองหลวง แต่อยากมีชีวิตใกล้กับธรรมชาติ สูดอากาศที่บริสุทธิ์ของต่างจังหวัด เลยคิดลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่ไปตลอด...ส่วนหทัยภัทรเมื่อเรียนจบ ก็ได้ย้ายไปอาศัยอยู่กับมารดาและบิดาที่บ้านปลูกใหม่ในกรุงเทพ เพราะที่ทำงานของเธออยู่ที่นั่น....
“อ้าว...พี่อาร์ท ไหงมานอนแผ่อยู่นี่ล่ะคะ คุณแม่ไปไหน” เอ่ยทักเจ้าคนพี่ที่กำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อย่างสบายอารมณ์ในบ้าน...
....หญิงสาวคิดว่าแปลกไป ที่วันนี้พี่เธอกลับอยู่ดึกกว่าเคย ปกติหลังเวลาพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว เขาจะไม่คิดทำสิ่งใดอีก นอกจากเก็บตัวเงียบเชียบ รีบเข้านอนเสียแต่หัวค่ำ เพี่อเก็บแรงกายไว้ตื่นขึ้นมาวาดภาพอีกทีในตอนเช้ามืด-เช้าตรู่ เขาชอบนั่งทอดอารมณ์อยู่ที่เฉลียงบ้าน รับลม ชมทิวไม้ ทุ่งหญ้า ฟังเสียงหมู่สกุณา เก็บภาพของเมฆขาวตอนฟ้าแผ้ว เก็บแสงพระอาทิตย์อ่อนๆ ในยามเช้า ไว้เป็นโลเกชั่นสำหรับงานวาดของเขาเสมอ...
“อืม...กลับมาแล้วเหรอจ๊ะกวาง คุณแม่น่ะ รอเธอจนหลับไปแล้วนะ บอกพี่ด้วยว่าถ้ากวางมา ให้ปลุกท่าน”
เจ้าอาร์ทรีบบอกน้องสาว ถึงผู้เป็นมารดาที่เพิ่งกลับมาจากการทำวิปัสสนาที่วัด เมื่อช่วงสามทุ่ม
“ให้คุณแม่หลับให้สบายเหอะค่ะ มีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้ก็ได้ อย่าไปรบกวนใจท่านเลย”
“แล้วทำไมพี่เองถึงยังไม่นอนล่ะคะ ปกตินอนเร็วนิ ยังไม่ง่วงอีกเหรอ... ดูทีวีดึกเชียวนะ”
“พี่ก็รอน้องไง เป็นห่วง เลยดูทีวีฆ่าเวลาไปพลางๆ ก่อนจ้ะ” อาร์ทพูดพลางเอามือปิดปากหาวบิดขี้เกียจสักสองสามที พอได้สบายตัว จึงผลุนลุกขึ้นจากโซฟา รีบตรงมา คว้าตัวน้องสาวสุดที่รักไปกอดอย่างรักใคร่เอ็นดู…
“เป็นไงบ้าง กาแฟร้านเปิดใหม่ใช้ได้ไหม ว่างๆ พี่จะพาเพื่อนไปดื่มบ้าง”
“โอเคเลยคะ รสนุ่มมาก แล้วก็อาหารว่างหลายอย่าง ก็น่าทาน” หญิงสาวเล่าอย่างอารมณ์ดี
“ไม่เห็นพาเพื่อนใหม่มาให้พี่รู้จักบ้างเลย พี่จะไปรับที่ร้านกาแฟก็ไม่ยอม” หทัยภัทรสะดุ้งนิดหนึ่ง นึกไปถึงเจ้าของรถมอเตอร์ไซด์สีน้ำเงินคันงาม ที่เพิ่งแยกจากเธอไปเมื่อครู่ ถ้าบอกว่าไปกับเจ้าดรีม คงต้องโดนพี่ของเธอสวดยาวทั้งคืนแน่
“ก็...เอ่อ... เมื่อกี้กวางก็ชวนเขาเข้าบ้านมานะ เขาอยากมาไหว้พี่อาร์ท แต่เขาขี้อายน่ะคะ เลยไม่กล้ามา”
“อย่างนี้ก็มีด้วยนะ แต่เอาเหอะ วันหลังชวนเขามาบ้านเราสิจ๊ะ พี่จะทำอาหารเลี้ยงเขา”
หทัยภัทรหยิบถุงน้ำเต้าหู้สามถุงที่เจ้าดรีมซื้อมาให้ ยกขึ้นอวดพี่ของเธอ แล้วก็ชวนคุยสัพเพเหระไปเรื่อย...
“เขามีน้ำใจนะคะ นี่ไง.. ซื้อน้ำเต้าหู้มาฝากพี่อาร์ทด้วยล่ะ” เจ้าหล่อนว่าพลาง เดินไปหยิบแก้วกระเบื้องเคลือบเปล่าใบหนึ่งที่โต๊ะอาหาร แล้วแกะยางมัดถุงน้ำเต้าหูออก ค่อยๆ รินมันอย่างระมัดระวัง นำไปให้พี่ของเธอได้ดื่มที่โต๊ะรับแขกหน้าบ้าน...ส่วนอีกถุงหนึ่งเก็บแช่ไว้ในตู้เย็น เพื่ออุ่นให้มารดาได้ดื่มตอนเช้าๆ หลังตื่นนอน เพราะเจ้าดรีมสั่งเสียมาแบบนั้น
“ค่อยๆ ดื่มนะคะ พี่อาร์ท มันร้อนน่ะค่ะ”
“อืม...ดีเหมือนกัน ได้ดื่มอะไรร้อนๆ ก่อนนอนคงสบายท้อง หลับดี”
เจ้าอาร์ทยกซดน้ำเต้าหูแก้วนั้นดื่มจนหมด ด้วยความอร่อย เมื่ออิ่มสบาย ก็ทำท่าจะนอนแผ่หลาไปกับพื้นบ้านอีกรอบ พยายามจะข่มตาไม่ให้สะลึมสะลือ เพราะอยากคุยกับน้องนานๆ แต่ทำไม่ได้ด้วยความง่วงที่เริ่มมาเยือน...
“ฮั่นแน่...พี่อาร์ทของกวางตาปรือแล้ว อย่าฝืนเลย ไปนอนเหอะคะ ส่วนของที่รื้อไว้ เดี๋ยวกวางจัดการเก็บให้เอง”
หญิงสาวมองไปที่กองหนังสือกับแผ่นซีดีที่พี่ของเธอ รื้อออกมาจากตู้ มันถูกวางไว้ระเกะระกะที่หน้าโทรทัศน์ ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็น แล้วได้แต่ยิ้มๆ พลางส่ายหน้าอย่างอ่อนระอา นึกห่วงว่าถ้าเธอออกเรือนไป จะมีผู้หญิงคนไหนมาคอยดูแล จัดบ้านช่องให้เขาแทนเธอ ผู้เป็นน้องสาว...
“เฮ้อ....นี่ตั้งแต่กวางออกไปข้างนอก ยังไม่เก็บอีกเรอะคะคุณพี่ขา...”
“จ๊ะ...คือว่าพี่มันขี้เกียจอ่ะจ๊ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเก็บนะจ๊ะ ไม่ต้องห่วง แหะๆ”
เจ้าคนพี่หันมามองน้องสาวตัวเอง พลางหัวเราะเก้อๆ ยกมือเกาหัวด้วยความกระดากอาย....
หทัยภัทธยิ้ม แอบก้มหน้าหัวเราะเบาๆ นึกขันในนิสัยอันเคยชินของพี่ชาย ที่แม้จะโตจนมีการงานทำแล้ว เขาก็ยังมีนิสัยความเป็นระเบียบระบอบ ต่างกันกับเธอ ราวหน้ามือกับหลังมือ...
“อะไรกันนักหนา พวกชายโสดนี่นะ รกกันจริงเชียว เก็บของไม่เป็นระเบียบกันเล้ย....”
หญิงสาวบ่นไปพลางเก็บของที่พี่เธอรื้อรกไป ไม่นานก็เสร็จ บ้านช่องกลับมาเรียบร้อย เป็นระเบียบ น่ามองดังเดิม ในใจไม่ใคร่จะถือสาอะไรในพี่ของเธอนัก นึกไปในทางเอ็นดูเสียมากกว่า หญิงสาวนึกในใจ พวกหนุ่มโสดมันก็แบบนี้แหละ รกเป็นกิจวัตร ตราบใดที่ยังหาผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านแม่เรือนมาจัดแจงให้บ้านเป็นระเบียบเข้าที่เข้าทางไม่ได้ คนที่อาสาเก็บให้ก็คงเหนื่อยอยู่ บ้านก็ไม่ต่างอะไรกับรังหนู เวลาจะเดินที ต้องหาทางแหวกๆ เอา อีตาดรีม เพื่อนรักของเธอ เจ้าก็คงไม่ต่างอะไรกับพี่เธอเช่นกัน...
หลังจากราตรีสวัสดิ์ ส่งผู้เป็นพี่เข้านอนไปเรียบร้อยแล้วหทัยภัทร จึงมีเวลาคิดเรื่องของตัวเองบ้าง หญิงสาวอาบน้ำฝักบัวจนรู้สึกเย็นชื่นสบายกาย ทอดตัวเอนกายนอนลงบนเตียงใหญ่หนานุ่มอบอุ่น หยิบรูปถ่ายตั้งโต๊ะที่หัวเตียงมาพิศดู เป็นรูปเก่าๆ สมัยมัธยมของเธอ ที่ถ่ายโดยนายช่างผู้ชำนาญ ถูกหญิงสาวใส่กรอบไม้เก็บรักษาไว้อย่างดี เพื่อชะลอความเก่าแก่ของรูปและกาลเวลาที่ล่วงพ้นไป
มันคือภาพหมู่ของนักเรียนคาทอลิกทุกคนในห้อง 6/7 ที่ถ่ายไว้ก่อนจบการศึกษา และแจกจ่ายให้กันคนละใบสองใบเก็บไว้เป็นที่ระลึกเวลาคิดถึงเพื่อนๆ และเจ้าหนุ่มน้อยหน้าหยกที่ยืนยิ้มเพียบแป้ลอยู่ข้างกายเธอ จะเป็นใครเสียไม่ได้ นอกจาก "เจ้าดรีมองครักษ์ประจำตัวประจำใจ" เพื่อนตายของเธอ
เหตุใดคืนนี้จึงรู้สึกอิ่มใจเป็นพิเศษ เป็นเหตุผลลี้ลับที่เธอเองก็หาคำตอบไม่ได้ ข่าวใหม่ของดรีม อลงกต ที่เล่าให้เธอฟังเมื่อตอนหัวค่ำ ว่าตัวเขาเพิ่งเลิกกับแฟนสาวมาหมาดๆ หลังจากดูใจกันมาหลายปี แต่ค้นพบว่าไปกันไม่ได้ เธอเองจะยินดีหรือยินร้ายกับเขาดีนะ ใจหนึ่งก็อดสงสารเจ้าเพื่อนรักคนนี้เสียไม่ได้ ที่ไม่เคยทันเล่ห์เหลี่ยมมารยาของผู้หญิงสมัยนี้จนพาลอกหัก ช้ำรักอยู่บ่อยๆ อีกใจหนึ่งก็รู้สึกยินดีปรีดา ที่คนอย่างเขา ได้ก้าวข้ามผ่านหลุมพรางแห่งรักที่หลอกลวงของเจ้าหล่อนคนนั้นมาได้
หทัยภัทรอยากเข้าไปอยู่ใกล้ๆ และกระซิบปลอบเจ้าของใจช้ำนั้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า อดทนหน่อยนะดรีม ตอนนี้คุณอาจจะเหงาบ้าง ท้อบ้าง แต่สักวันคุณจะเจอคนที่ดี ที่ดูแลและรักคุณอย่างจริงใจ ผู้หญิงเราไม่ได้ร้ายกาจ โชกโชน เจ้าเล่ห์เหมือนกันไปเสียหมดทุกคน หากเจ้าดรีมของเธอจะยังศรัทธาในรักแท้ รักที่ครั้งหนึ่ง เขาเคยบอกเธอว่า มันเป็นสิ่งสูงค่า น่าถนอม เป็นพรอันประเสริฐของพระเจ้า และเขาเองก็เชื่อมั่นบูชามันนักหนา ถ้าเจ้าหมอนี่ ไม่พาลเอาความผิดหวังขึ้นตั้งหน้า มันก็จะไม่มีเวรมาแทรก แต่สิ่งที่หญิงสาวกลัวใจที่สุดในเพลานี้คือ พิษรักกลัดหนองในอก จะพาลให้มันเกลียดผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ไปเสียหมด แล้วผลักไสผู้หญิงดีดีไปจากชีวิตมัน โดยไม่มีความไว้วางใจในสตรีเพศหลงเหลืออยู่เลย หากนายทำแบบนั้น นายจะเป็นคนใจแคบและมองโลกในแง่ร้ายอย่างที่สุดเลย ดรีม อลงกต
ความเป็นเพื่อนรักรู้ใจมาแต่เยาว์วัย ทำให้หญิงสาวตระหนักในความเป็นเขาอย่างดี เจ้าดรีมที่เธอรู้จัก มันเป็นคนอ่อนไหวก็จริง แต่ทว่าเมื่อสลักคำว่ารักแล้วหัวใจมันแกร่ง เหลือเชื่อ เจ้าดรีมมันเป็นชายใจเด็ด เมื่อเสียใจถึงที่สุด มีดที่มือมันเกลือกจะฆ่ามันเองเสียก็ได้ บ่อยครั้ง หทัยภัทรจะได้รับรู้เรื่องราวในชีวิตของดรีม อลงกต ผ่านตัวอักษรที่เขาระบายมาทางจดหมาย เรื่องงาน เรื่องเพื่อน เรื่องรักที่ลุ่มๆ ดอนๆ ของเขา เธอนึกไปถึงงานเลี้ยงรุ่น ม.6 ที่เหล่าผองเพื่อน รวมตัวกันจัดขึ้น เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว....