ช่วงกลางค่อนไปทางปลายปีที่แล้ว ผมได้เดินทางมาศึกษาต่อที่ญี่ปุ่น พร้อมพกพาความหวังมาด้วยหลายอย่าง
หนึ่งในนั้น ก็คือการได้จับมือและพูดคุยกับไอดอลคนโปรด "โอชิมา ยูโกะ" สักครั้ง
ที่จริง ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยพิสมัยการไปพบไปเจอดารานักร้องตัวเป็นๆ เท่าไรนัก ตั้งแต่เด็กมา ก็ไม่ค่อยมีดารานักร้องที่ชื่นชอบมากๆซะด้วย
แต่โอชิมา ยูโกะกลับเป็นข้อยกเว้น สำหรับผมแล้ว เธอไม่ได้เป็นเพียงไอดอลที่มีรูปร่างหน้าตาน่าพึงใจ แต่เป็นผู้หญิงที่มีอะไรหลายอย่างที่ผมชื่นชม ไม่ว่าจะเป็นความสามารถที่มีอยู่รอบด้าน ความทุ่มเทพยายาม และความคิดความอ่านที่เป็นผู้ใหญ่ ผมจึงอยากที่จะได้เข้าไปเจอตัวจริงของเธอสักครั้งหนึ่งก่อนที่เธอจะสำเร็จการศึกษาออกจากวงให้ได้ ถึงแม้เธอจะยังคงอยู่ในวงการบันเทิงก็ตาม แต่เธอก็คงไม่ได้ปรากฎตัวให้เห็นได้บ่อยๆเหมือนตอนอยู่ AKB48 อีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่เดินทางมาถึงญี่ปุ่นเป็นต้นมา ผมจึงกันเงินรายรับส่วนหนึ่งไว้ทะยอยซื้อซิงเกิ้ลพร้อมบัตรจับมือไว้
จากการเช็คข้อมูลในเว็บของ AKB นั้น บัตรจากซิงเกิ้ลที่ผมซื้อนั้นจะสามารถใช้ได้ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้
ซึ่งเป็นวันที่ทาง AKB48 ได้เดินทางมาจัดงานจับมือในภูมิภาคที่ผมอยู่ ซึ่งก็ถือว่าได้เจอเธอทันเวลาพอดี เพราะเธอจะสำเร็จการศึกษาในคอนเสิร์ตที่ National Olympic Stadium ในเดือนมีนาคมนี้
ปัจจุบันผมมีบัตรจับมืออยู่ 5 ใบได้ และตั้งใจจะใช้จับมือเธอทั้งหมดเลย
(หมายเหตุ: ในงานจับมือแต่ละครั้งนั้น จะมีการระบุไว้ชัดเจนว่า
ตั๋วจับมือที่ใช้เข้างานได้นั้น ต้องเป็นตั๋วจากซิงเกิ้ลไหน ยกตัวอย่างเช่น ในงานจับมือที่ใช้ตั๋วของซิงเกิ้ล Koisuru Fortune Cookie นั้น จะใช้ตั๋วของซิงเกิ้ล Heart Ereki เข้างานไม่ได้ เป็นต้น ที่รู้ก็เพราะเคยไปเก้อมาหนหนึ่งแล้ว)
อย่างไรก็ตาม เร็วๆนี้ ผมได้รับแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์จากทางมหาวิทยาลัยว่า จะมีงาน Job fair สำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติที่เกียวโตในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้เช่นกัน โดยทางผู้จัดงานจะมีรถรับส่งไปกลับเกียวโตฟรี
ข่าวนี้ทำเอาผมลำบากใจขึ้นมาทันที เพราะสำหรับผมแล้ว จุดประสงค์สำคัญอีกอย่างหนึ่งของการมาญี่ปุ่นคราวนี้ก็คือ การหางานทำและลองลงหลักปักฐานที่ญี่ปุ่น เพราะผมเองเคยมาใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นมาแล้วหนึ่งปีแล้วรู้สึกชอบการใช้ชีวิตที่นี่มาก ทำให้เกิดแรงฮึดให้ดั้นด้นมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่นในคราวนี้เป็นผลสำเร็จ อย่างไรก็ตามเนื่องจากหลักสูตรที่ผมเรียนเป็นหลักสูตรระยะสั้นปีเดียว ผมจึงต้องหางานให้ได้ทันเดือนก
กันยายนนี้
ที่จริง ผมมีบริษัทที่เล็งๆไว้จำนวนหนึ่งและลองลงมือสมัครไปแล้วอยู่บ้างเหมือนกัน แต่การได้มีตัวเลือกสำรองไว้ให้มากที่สุด นั้นย่อมทำให้อุ่นใจได้มากกว่า หากสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ นอกจากนี้การได้ไปงาน Job Fair สำหรับนักศึกษาต่างประเทศนั้น ย่อมทำให้เราได้เจอตำแหน่งงานที่เรามีแต้มต่อมากกว่าการไปงาน Job fair ทั่วไปที่เน้นเปิดรับคนญี่ปุ่นเป็นหลักเสียมากกว่า ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังงาน Job Fair ที่เกียวโตคราวนี้ จะมี Job fairสำหรับนักศึกษาต่างประเทศมาอีกครั้งหรือเปล่า (ผมเองก็ติดตามเว็บหางานในญี่ปุ่นมาเป็นระยะๆเหมือนกัน แต่งานสำหรับนักศึกษาต่างชาตินั้นก็ไม่ได้โผล่ขึ้นมาในเว็บบ่อยๆ )
หากคุณตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายกัน คุณจะเลือกอะไรดี ระหว่างสิ่งที่ดูเหมือนเป็นความฝันเล็กๆน้อยๆของแฟนคลับคนหนึ่ง กับสิ่ง
ที่"มีสาระ"มากกว่าเมื่อดูตามเหตุผล
[AKB48]ระหว่างการได้จับมือกับ idol ที่ตัวเองชอบเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย กับการไป Job Fair คุณจะเลือกอะไร
หนึ่งในนั้น ก็คือการได้จับมือและพูดคุยกับไอดอลคนโปรด "โอชิมา ยูโกะ" สักครั้ง
ที่จริง ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยพิสมัยการไปพบไปเจอดารานักร้องตัวเป็นๆ เท่าไรนัก ตั้งแต่เด็กมา ก็ไม่ค่อยมีดารานักร้องที่ชื่นชอบมากๆซะด้วย
แต่โอชิมา ยูโกะกลับเป็นข้อยกเว้น สำหรับผมแล้ว เธอไม่ได้เป็นเพียงไอดอลที่มีรูปร่างหน้าตาน่าพึงใจ แต่เป็นผู้หญิงที่มีอะไรหลายอย่างที่ผมชื่นชม ไม่ว่าจะเป็นความสามารถที่มีอยู่รอบด้าน ความทุ่มเทพยายาม และความคิดความอ่านที่เป็นผู้ใหญ่ ผมจึงอยากที่จะได้เข้าไปเจอตัวจริงของเธอสักครั้งหนึ่งก่อนที่เธอจะสำเร็จการศึกษาออกจากวงให้ได้ ถึงแม้เธอจะยังคงอยู่ในวงการบันเทิงก็ตาม แต่เธอก็คงไม่ได้ปรากฎตัวให้เห็นได้บ่อยๆเหมือนตอนอยู่ AKB48 อีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่เดินทางมาถึงญี่ปุ่นเป็นต้นมา ผมจึงกันเงินรายรับส่วนหนึ่งไว้ทะยอยซื้อซิงเกิ้ลพร้อมบัตรจับมือไว้
จากการเช็คข้อมูลในเว็บของ AKB นั้น บัตรจากซิงเกิ้ลที่ผมซื้อนั้นจะสามารถใช้ได้ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้
ซึ่งเป็นวันที่ทาง AKB48 ได้เดินทางมาจัดงานจับมือในภูมิภาคที่ผมอยู่ ซึ่งก็ถือว่าได้เจอเธอทันเวลาพอดี เพราะเธอจะสำเร็จการศึกษาในคอนเสิร์ตที่ National Olympic Stadium ในเดือนมีนาคมนี้
ปัจจุบันผมมีบัตรจับมืออยู่ 5 ใบได้ และตั้งใจจะใช้จับมือเธอทั้งหมดเลย
(หมายเหตุ: ในงานจับมือแต่ละครั้งนั้น จะมีการระบุไว้ชัดเจนว่า
ตั๋วจับมือที่ใช้เข้างานได้นั้น ต้องเป็นตั๋วจากซิงเกิ้ลไหน ยกตัวอย่างเช่น ในงานจับมือที่ใช้ตั๋วของซิงเกิ้ล Koisuru Fortune Cookie นั้น จะใช้ตั๋วของซิงเกิ้ล Heart Ereki เข้างานไม่ได้ เป็นต้น ที่รู้ก็เพราะเคยไปเก้อมาหนหนึ่งแล้ว)
อย่างไรก็ตาม เร็วๆนี้ ผมได้รับแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์จากทางมหาวิทยาลัยว่า จะมีงาน Job fair สำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติที่เกียวโตในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้เช่นกัน โดยทางผู้จัดงานจะมีรถรับส่งไปกลับเกียวโตฟรี
ข่าวนี้ทำเอาผมลำบากใจขึ้นมาทันที เพราะสำหรับผมแล้ว จุดประสงค์สำคัญอีกอย่างหนึ่งของการมาญี่ปุ่นคราวนี้ก็คือ การหางานทำและลองลงหลักปักฐานที่ญี่ปุ่น เพราะผมเองเคยมาใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นมาแล้วหนึ่งปีแล้วรู้สึกชอบการใช้ชีวิตที่นี่มาก ทำให้เกิดแรงฮึดให้ดั้นด้นมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่นในคราวนี้เป็นผลสำเร็จ อย่างไรก็ตามเนื่องจากหลักสูตรที่ผมเรียนเป็นหลักสูตรระยะสั้นปีเดียว ผมจึงต้องหางานให้ได้ทันเดือนก
กันยายนนี้
ที่จริง ผมมีบริษัทที่เล็งๆไว้จำนวนหนึ่งและลองลงมือสมัครไปแล้วอยู่บ้างเหมือนกัน แต่การได้มีตัวเลือกสำรองไว้ให้มากที่สุด นั้นย่อมทำให้อุ่นใจได้มากกว่า หากสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ นอกจากนี้การได้ไปงาน Job Fair สำหรับนักศึกษาต่างประเทศนั้น ย่อมทำให้เราได้เจอตำแหน่งงานที่เรามีแต้มต่อมากกว่าการไปงาน Job fair ทั่วไปที่เน้นเปิดรับคนญี่ปุ่นเป็นหลักเสียมากกว่า ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังงาน Job Fair ที่เกียวโตคราวนี้ จะมี Job fairสำหรับนักศึกษาต่างประเทศมาอีกครั้งหรือเปล่า (ผมเองก็ติดตามเว็บหางานในญี่ปุ่นมาเป็นระยะๆเหมือนกัน แต่งานสำหรับนักศึกษาต่างชาตินั้นก็ไม่ได้โผล่ขึ้นมาในเว็บบ่อยๆ )
หากคุณตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายกัน คุณจะเลือกอะไรดี ระหว่างสิ่งที่ดูเหมือนเป็นความฝันเล็กๆน้อยๆของแฟนคลับคนหนึ่ง กับสิ่ง
ที่"มีสาระ"มากกว่าเมื่อดูตามเหตุผล