
ประวัติวัดสมุหประดิษฐาราม
วัดสมุหประดิษฐ์ เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ เรียกชื่อเต็มว่า “วัดสมุหประดิษฐาราม” ตั้งอยู่เลขที่ ๒ ถนนพิชัยรณรงค์สงคราม หมู่ที่ ๗ ตำบลสวนดอกไม้ อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินที่ตั้งวัดมีเนื้อที่ ๑๕ ไร่ ๓ งาน ๓๓ ตารางวา
เจ้าพระยานิกรบดินทร์ มหินทรมหากัลยาณมิตร (โต) ต้นตระกูลกัลยาณมิตร ได้สร้างวัดนี้ขึ้นเมื่อรัชกาลที่ ๓ เพื่ออุทิศให้มารดา เมื่อสร้างวัดเสร็จแล้ว จึงได้น้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง แต่จะเป็นในรัชกาลไหนไม่แน่ชัดเพราะปรากฏว่า ท่านเจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต) ได้เป็นที่สมุหนายก อยู่ถึง ๒ รัชกาลคาบเกี่ยวกัน คือตอนปลายรัชกาลที่ ๓ และต้นรัชกาลที่ ๔
สันนิษฐานว่าคงจะได้ถวายในรัชกาลที่ ๔ เมื่อสร้างวัดเสร็จแล้วพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดพระราชทานนามว่า “วัดสมุหประดิษฐาราม”
ความสำคัญของวัดในอดีต
เป็นสถานที่สำหรับประชุมข้าราชการจังหวัดสระบุรี เพื่อทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ในพระอุโบสถของทุก ๆ ปี แต่ได้เลิกไปประชุมถือที่อื่นนานแล้ว
เป็นสถานที่ตั้งสำนักงานเจ้าคณะเมืองสระบุรี (เจ้าคณะจังหวัด) ปรากฏหลักฐานตั้งแต่รัชกาลที่ ๔
การศึกษา ได้จัดศาลาโรงธรรม(ศาลาการเปรียญ) ในวัดเป็นโรงเรียนประชาบาลแห่งแรกของจังหวัดสระบุรี นามว่า “โรงเรียนประถมสมุหประดิษฐ์” เปิดสอนเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ร.ศ.๑๒๖ (พ.ศ.๒๔๕๑)
เมื่อยุคพระศีลวิสุทธิดิลก (โต ธมฺมปญฺโญ) ปกครองวัด และในฐานะดำรงตำแหน่งเจ้าคณะเมืองสระบุรี ได้เป็นผู้ริเริ่มวางรากฐานการพัฒนา ทั้งบุคลากร ทั้งถาวรวัตถุ โดยการวางระเบียบแบบแผนการศึกษาพระปริยัติธรรมขึ้นเป็นแห่งแรกของจังหวัดสระบุรี ในวัดนี้
- เปิดเรียนนักธรรม พ.ศ. ๒๔๕๘
- เปิดเรียนบาลี พ.ศ.๒๔๗๗
ทั้งนี้ก็ได้ขยายการศึกษาพระปริยัติธรรมไปยังอำเภอต่างๆ ในเขตจังหวัดสระบุรี ตามลำดับจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ก็ได้มีการจัดการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่องตลอดมา
ปูชนียสถาน ปูชนียวัตถุ
๑. พระประธาน ภายในพระอุโบสถเป็นพระหล่อลงรักปิดทอง ปางมารวิชัยสมัยสุโขทัย หน้าตักกว้าง ๒ ศอก ๑๐ นิ้ว (๑.๒๕ เมตร) สูงแต่พระเพลาถึงพระรัศมี ๓ ศอกคืบ ๓ นิ้ว อัญเชิญมาจากเมืองเก่าสุโขทัย และมีพระอัครสาวกหล่อลงรักปิดทอง ๒ องค์ นั่งพับเพียบประนมมืออยู่เบื้องซ้ายและเบื้องขวา สูง ๑ ศอก ๗ นิ้ว เท่ากันทั้ง ๒ องค์
๒. พระเจดีย์ ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกห่างจากกำแพงแก้วพระอุโบสถประมาณ ๑๐ วาเศษ ฐานล่างมีกำแพงแก้วล้อมรอบกว้างยาวด้านละ ๑๐ วา ๒ ศอกคืบ ๓ นิ้วเท่ากัน เป็นเจดีย์ชนิด ๘ เหลี่ยม ๆ ละ ๗ ศอกคืบ มีบันได ๔ ด้าน องค์พระเจดีย์ สูงประมาณ ๗ วาเศษ
๓. รูปหล่อโลหะ รูปเหมือนพระศีลวิสุทธิดิลก (เจ้าคุณโต ธมฺมปญฺโญ) ขนาดหน้าตัก ๖๐ เซนติเมตร ปัจจุบันประดิษฐานไว้ที่ อาคารโสภณปริยัติกิจ
โบราณสถาน โบราณวัตถุ
๑.พระอุโบสถ สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๐๔ และมีการบูรณะครั้งใหญ่ใน ร.ศ.๑๑๘ (พ.ศ.๒๔๔๓) มีลักษณะทั่วไป ทรงไทยเฉลียง ๒ ชั้น มีช่อฟ้า ใบระกาหางหงส์ หน้าบันเป็นปูนปั้นลวดลายดอกไม้และรูปสิงห์ ทั้ง ๒ หน้า หน้าต่าง ๕ ช่อง ภายในมีจิตรกรรมฝาผนัง เพดานเป็นไม้ระบายด้วยสีมีลายเป็นดอก มีกำแพงแก้วล้อมรอบทั้งสี่ด้านมีซุ้มของกำแพงทั้ง ๔ ด้านครบถ้วน
๒.จิตรกรรมฝาผนัง ภายในพระอุโบสถ ผนังด้านทิศเหนือ เป็นภาพขบวนแห่ในงานพิธีถวายกระทงเสียหัว ซึ่งเป็นประเพณีพื้นบ้านท้องถิ่นและภาพกลุ่มสตรีชาวล้านนา การแต่งกาย สภาพสังคมและชีวิตของคนไทยในอดีตประมาณ พ.ศ. ๒๔๐๐ เป็นภาพที่งดงามและมีเสน่ห์ ทั้งยังให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม
เรื่อง พระสมุทรโฆษ หลวิชัย - คาวี เขียนเมื่อ ร.ศ. ๑๑๘ (พ.ศ. ๒๔๔๓) ในสมัยนั้นค่าจ้างเขียน ๒๕๐ บาท
๓. ตุ๊กตาจีน ตุ๊กตาหินเขียวแกะสลัก ลักษณะแบบเซียนจีน ยืนทั้งคู่ สูง ๑.๑๖ เมตร มีมาในยุคเดียวกับการสร้างวัด ไม่ปรากฏชัดว่าได้มาจาก ณ ที่ใด
นอกจากนี้ก็มี สังหาริมวัตถุ ซึ่งได้พระราชทานและมีผู้ให้ไว้สำหรับวัด คือ ธรรมาสน์ลายทอง มีอักษรพระปรมาภิไธยย่อ จปร. , พระไตรปิฎกฉบับพิมพ์ในรัชกาลที่ ๕ พร้อมทั้งตู้สำหรับบรรจุ และอื่น ๆ อีก
การบูรณปฏิสังขรณ์วัดก็ได้อาศัยตระกูลกัลยาณมิตร อาทิ พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าภัทรายุวดี และพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าเจริญศรีชนมายุ พระลูกเธอในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งเป็นหลานปู่สร้างวัด ทั้งสองพระองค์ จนกระทั่งคนในตระกูลกัลยาณมิตร และบุคคลทั่วไปที่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา
ขอบคุณข้อมูลจาก : เว็บสำนักงานวัดสมุหประดิษฐาราม
http://www.watsamuha.com
[SR] ท่องเที่ยววัดเก่า "วัดสมุหประดิษฐาราม อ.เสาไห้ จ.สระบุรี
วัดสมุหประดิษฐ์ เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ เรียกชื่อเต็มว่า “วัดสมุหประดิษฐาราม” ตั้งอยู่เลขที่ ๒ ถนนพิชัยรณรงค์สงคราม หมู่ที่ ๗ ตำบลสวนดอกไม้ อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินที่ตั้งวัดมีเนื้อที่ ๑๕ ไร่ ๓ งาน ๓๓ ตารางวา
เจ้าพระยานิกรบดินทร์ มหินทรมหากัลยาณมิตร (โต) ต้นตระกูลกัลยาณมิตร ได้สร้างวัดนี้ขึ้นเมื่อรัชกาลที่ ๓ เพื่ออุทิศให้มารดา เมื่อสร้างวัดเสร็จแล้ว จึงได้น้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง แต่จะเป็นในรัชกาลไหนไม่แน่ชัดเพราะปรากฏว่า ท่านเจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต) ได้เป็นที่สมุหนายก อยู่ถึง ๒ รัชกาลคาบเกี่ยวกัน คือตอนปลายรัชกาลที่ ๓ และต้นรัชกาลที่ ๔
สันนิษฐานว่าคงจะได้ถวายในรัชกาลที่ ๔ เมื่อสร้างวัดเสร็จแล้วพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดพระราชทานนามว่า “วัดสมุหประดิษฐาราม”
ความสำคัญของวัดในอดีต
เป็นสถานที่สำหรับประชุมข้าราชการจังหวัดสระบุรี เพื่อทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ในพระอุโบสถของทุก ๆ ปี แต่ได้เลิกไปประชุมถือที่อื่นนานแล้ว
เป็นสถานที่ตั้งสำนักงานเจ้าคณะเมืองสระบุรี (เจ้าคณะจังหวัด) ปรากฏหลักฐานตั้งแต่รัชกาลที่ ๔
การศึกษา ได้จัดศาลาโรงธรรม(ศาลาการเปรียญ) ในวัดเป็นโรงเรียนประชาบาลแห่งแรกของจังหวัดสระบุรี นามว่า “โรงเรียนประถมสมุหประดิษฐ์” เปิดสอนเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ร.ศ.๑๒๖ (พ.ศ.๒๔๕๑)
เมื่อยุคพระศีลวิสุทธิดิลก (โต ธมฺมปญฺโญ) ปกครองวัด และในฐานะดำรงตำแหน่งเจ้าคณะเมืองสระบุรี ได้เป็นผู้ริเริ่มวางรากฐานการพัฒนา ทั้งบุคลากร ทั้งถาวรวัตถุ โดยการวางระเบียบแบบแผนการศึกษาพระปริยัติธรรมขึ้นเป็นแห่งแรกของจังหวัดสระบุรี ในวัดนี้
- เปิดเรียนนักธรรม พ.ศ. ๒๔๕๘
- เปิดเรียนบาลี พ.ศ.๒๔๗๗
ทั้งนี้ก็ได้ขยายการศึกษาพระปริยัติธรรมไปยังอำเภอต่างๆ ในเขตจังหวัดสระบุรี ตามลำดับจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ก็ได้มีการจัดการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่องตลอดมา
ปูชนียสถาน ปูชนียวัตถุ
๑. พระประธาน ภายในพระอุโบสถเป็นพระหล่อลงรักปิดทอง ปางมารวิชัยสมัยสุโขทัย หน้าตักกว้าง ๒ ศอก ๑๐ นิ้ว (๑.๒๕ เมตร) สูงแต่พระเพลาถึงพระรัศมี ๓ ศอกคืบ ๓ นิ้ว อัญเชิญมาจากเมืองเก่าสุโขทัย และมีพระอัครสาวกหล่อลงรักปิดทอง ๒ องค์ นั่งพับเพียบประนมมืออยู่เบื้องซ้ายและเบื้องขวา สูง ๑ ศอก ๗ นิ้ว เท่ากันทั้ง ๒ องค์
๒. พระเจดีย์ ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกห่างจากกำแพงแก้วพระอุโบสถประมาณ ๑๐ วาเศษ ฐานล่างมีกำแพงแก้วล้อมรอบกว้างยาวด้านละ ๑๐ วา ๒ ศอกคืบ ๓ นิ้วเท่ากัน เป็นเจดีย์ชนิด ๘ เหลี่ยม ๆ ละ ๗ ศอกคืบ มีบันได ๔ ด้าน องค์พระเจดีย์ สูงประมาณ ๗ วาเศษ
๓. รูปหล่อโลหะ รูปเหมือนพระศีลวิสุทธิดิลก (เจ้าคุณโต ธมฺมปญฺโญ) ขนาดหน้าตัก ๖๐ เซนติเมตร ปัจจุบันประดิษฐานไว้ที่ อาคารโสภณปริยัติกิจ
โบราณสถาน โบราณวัตถุ
๑.พระอุโบสถ สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๐๔ และมีการบูรณะครั้งใหญ่ใน ร.ศ.๑๑๘ (พ.ศ.๒๔๔๓) มีลักษณะทั่วไป ทรงไทยเฉลียง ๒ ชั้น มีช่อฟ้า ใบระกาหางหงส์ หน้าบันเป็นปูนปั้นลวดลายดอกไม้และรูปสิงห์ ทั้ง ๒ หน้า หน้าต่าง ๕ ช่อง ภายในมีจิตรกรรมฝาผนัง เพดานเป็นไม้ระบายด้วยสีมีลายเป็นดอก มีกำแพงแก้วล้อมรอบทั้งสี่ด้านมีซุ้มของกำแพงทั้ง ๔ ด้านครบถ้วน
๒.จิตรกรรมฝาผนัง ภายในพระอุโบสถ ผนังด้านทิศเหนือ เป็นภาพขบวนแห่ในงานพิธีถวายกระทงเสียหัว ซึ่งเป็นประเพณีพื้นบ้านท้องถิ่นและภาพกลุ่มสตรีชาวล้านนา การแต่งกาย สภาพสังคมและชีวิตของคนไทยในอดีตประมาณ พ.ศ. ๒๔๐๐ เป็นภาพที่งดงามและมีเสน่ห์ ทั้งยังให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม
เรื่อง พระสมุทรโฆษ หลวิชัย - คาวี เขียนเมื่อ ร.ศ. ๑๑๘ (พ.ศ. ๒๔๔๓) ในสมัยนั้นค่าจ้างเขียน ๒๕๐ บาท
๓. ตุ๊กตาจีน ตุ๊กตาหินเขียวแกะสลัก ลักษณะแบบเซียนจีน ยืนทั้งคู่ สูง ๑.๑๖ เมตร มีมาในยุคเดียวกับการสร้างวัด ไม่ปรากฏชัดว่าได้มาจาก ณ ที่ใด
นอกจากนี้ก็มี สังหาริมวัตถุ ซึ่งได้พระราชทานและมีผู้ให้ไว้สำหรับวัด คือ ธรรมาสน์ลายทอง มีอักษรพระปรมาภิไธยย่อ จปร. , พระไตรปิฎกฉบับพิมพ์ในรัชกาลที่ ๕ พร้อมทั้งตู้สำหรับบรรจุ และอื่น ๆ อีก
การบูรณปฏิสังขรณ์วัดก็ได้อาศัยตระกูลกัลยาณมิตร อาทิ พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าภัทรายุวดี และพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าเจริญศรีชนมายุ พระลูกเธอในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งเป็นหลานปู่สร้างวัด ทั้งสองพระองค์ จนกระทั่งคนในตระกูลกัลยาณมิตร และบุคคลทั่วไปที่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา
ขอบคุณข้อมูลจาก : เว็บสำนักงานวัดสมุหประดิษฐาราม http://www.watsamuha.com