มาดูกันชัดๆ.....นาย ปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา

กระทู้สนทนา
ที่มา :  Wikipedia  :      http://th.wikipedia.org/wiki/ปีย์_มาลากุล_ณ_อยุธยา



   นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ เครือแปซิฟิก ผู้รับสัมปทานดำเนินการ สถานีวิทยุ จส.100 และประธานกรรมการ บริษัท แอดวานซ์ พับลิชชิ่ง จำกัด ผู้ผลิตนิตยสารดิฉัน และ คอสโมโพลิแทน (Cosmopolitan)


     นายปีย์ เกิดเมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2480 (76 ปี)[1] เป็นบุตรชายคนรองของหม่อมหลวงปีกทิพย์ มาลากุล กับนางชนัฏ มาลากุล ณ อยุธยา บุตรีของพระยาประกิตกลสาร มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน พี่ชายคือ ปนัดดา มาลากุล ณ อยุธยา น้องชายคือ พลเอกแป้ง มาลากุล ณ อยุธยา อดีตผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (สมรสกับ คุณหญิงศิริรัตน์ (สกุลเดิม เอื้อวิทยา) มาลากุล ณ อยุธยา) และน้องสาวอีก 2 คนคือ คุณหญิงทิพยวดี ปราโมช ณ อยุธยา สมรสกับ หม่อมหลวงเสรี ปราโมช, นางทับทิม มาลากุล ณ อยุธยา สมรสกับ นายอลาสแตร์ เลน (Alastair Lane) ชาวอังกฤษ มีบุตรีคือ ซาร่า มาลากุล เลน นักแสดง นายปีย์ สมรสกับ ท่านผู้หญิงอารียา มาลากุล ณ อยุธยา มีบุตรชายคือ นายธรรมา มาลากุล ณ อยุธยา

การศึกษาและการงาน

นายปีย์จบการศึกษาชั้นมัธยมจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ปริญญาตรีด้านการเงินการธนาคาร จากประเทศอังกฤษ ทำงานที่ธนาคารกรุงเทพ สาขากรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระหว่าง พ.ศ. 2502-พ.ศ. 2506 และกลับเข้ามาทำงานที่สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร ช่วงปี พ.ศ. 2506-พ.ศ. 2511  จากนั้นจึงหันมาทำงานด้านสิ่งพิมพ์ โดยเริ่มจากเป็นบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย ต่อจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล ราวปี พ.ศ. 2518-พ.ศ. 2519 หลังจากนั้นในปีเดียวกัน จึงเข้าซื้อกิจการนิตยสารดิฉันจากนายสนธิ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 นายปีย์ ร่วมกับ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในขณะนั้น ก่อตั้งบริษัท แปซิฟิค อินเตอร์คอมมูนิเคชั่น จำกัด เข้าไปปรับปรุงการนำเสนอข่าวภาคค่ำประจำวัน ทางไทยทีวีสีช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ทั้งรูปแบบการนำเสนอ และเนื้อหาข่าว ให้เป็นรูปแบบสมัยใหม่ ไม่น่าเบื่อหน่าย
จากนั้นในปี พ.ศ. 2534 นายปีย์ทำสัญญาสัมปทานกับกรมการทหารสื่อสาร เพื่อจัดตั้งสถานีวิทยุข่าวสาร และการจราจร ให้ชื่อว่า จส.100 [3] ช่วงเดียวกันนั้น ได้ก่อตั้ง ศูนย์ข่าวแปซิฟิก เพื่อผลิตข่าวต้นชั่วโมงให้กับสถานีวิทยุกระจายเสียงเครือกองทัพบก (ปัจจุบัน สถานีวิทยุกองทัพบกเรียกคืนเวลากลับไปผลิตเอง) นอกจากนั้น ยังเริ่มผลิตรายการบ้านเลขที่ ๕ ให้กับ ททบ.5 ด้วย (ระยะหลัง บริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด (มหาชน) เข้าผลิตรายการดังกล่าวแทน และปัจจุบันยุติการออกอากาศแล้ว)

ถูกพาดพิงทางการเมือง

    ในช่วงวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2552 นายปีย์กล่าวกับนายประมวล รุจนเสรี ผู้เขียนหนังสือ พระราชอำนาจ อ้างว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสในทำนองว่า ทรงอ่านหนังสือเล่มดังกล่าว และโปรดอย่างยิ่ง เนื่องจากเขียนได้ดีและถูกต้อง พร้อมทั้งยังอ้างต่อไปอีกว่า รับสั่งให้เชิญกระแสพระราชดำรัสดังกล่าว ลงในบทอาเศียรวาทของหนังสือ อนึ่ง หนังสือพระราชอำนาจนี้ เป็นที่แพร่หลายในขณะนั้น โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จนถึงระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
จนกระทั่งในราวต้นปี พ.ศ. 2551 เมื่อนายสมัคร สุนทรเวช ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่กลุ่มพันธมิตรฯ กลับมาชุมนุมกันอีกครั้ง นายสมัครได้เอ่ยถึง ไอ้หัวเถิก หลายต่อหลายครั้งในสื่อต่างๆ ว่า เป็นบุคคลที่ปล่อยข่าวในทำนองปลุกปั่น ทำให้บ้านเมืองเกิดความไม่สงบเรียบร้อย ซึ่งแม้ไม่ได้เอ่ยชื่อโดยตรง แต่ก็มีหลายคน เช่น นายคำนูณ สิทธิสมาน คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ก็เชื่อว่าหมายถึงนายปีย์
    ต่อมา ในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2552 พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวระหว่างการปราศรัยกับกลุ่มคนเสื้อแดง ผ่านระบบวิดีโอลิงก์ว่า พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้เล่าให้ตนฟังว่า เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2549 พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี, นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกา (ปัจจุบันเป็นองคมนตรี), นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด, นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม (ปัจจุบันเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ), นายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ ผู้เขียนบทความในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ อ้างว่า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ วางแผนที่จะใช้ ปฏิญญาฟินแลนด์ และนายปีย์ ร่วมปรึกษาหารือกัน ที่บ้านพักของนายปีย์ ถนนสุขุมวิท ในอันที่จะวางแผนจัดตั้งขบวนการขับไล่ตน โดยเฉพาะการลอบสังหารตน และวางแผนสำรอง หากดำเนินการไม่สำเร็จ ซึ่งก็คือการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 แต่ทั้งพล.อ. สุรยุทธ์ และนายปีย์ ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่