ผมเป็นคนต่างจังหวัด อพยพตามหาความเจริญมาร่ำเรียนที่กรุงเทพฯ เรียนจบ ใช้ชีวิตทำงานอยู่ที่กรุงเทพ เพราะที่บ้านนอกไม่ได้มีงานดีๆ ให้ทำ ผ่านมาสิบกว่าปี มีประสบการณ์กับม็อบ ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง เสื้อหลากสี เห็นทีวีจอดำเพราะรัฐประหาร ผ่านวันที่กรุงเทพฯ ลุกเป็นไฟ มีกระสุนจริง กระสุนปลอมว่อนไปทั่ว ผ่านวันที่น้ำท่วม ต้องเดินลุยน้ำไปทำงาน... ชีวิตคนกรุงไม่ได้น่าพิสมัย แต่จะกลับบ้านนอก ลู่ทางทำมาหากินก็ไม่มี... บ้านผมไม่รวย เส้นสายไม่มี...การอยู่กรุงเทพ คงเป็นทางเลือกที่ดีพอรับได้ ดีกว่านี้ คงต้องในฝัน
ผมไม่ได้ติดตามการเมืองมากมาย ทั้งเพราะต้องทำมาหากิน และเห็นว่าการเมืองเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายเกินจะเสียเวลาด้วย แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้อมูลการเมืองพรั่งพรู หลั่งไหลมาผ่านสายตาผมมากมายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนผ่านทางโซเชี่ยลเนตเวิร์คทั้งหลาย มีข้อกล่าวหามากมายต่อตัวนายก ทั้งเรื่องการเป็นตัวแทนพี่ชาย ไม่มีภาวะผู้นำ ความสามารถไม่เพียงพอ ที่สำคัญ มีเรื่องพูดผิดให้ฮาได้ไม่ขาดสาย
ผมมีเพื่อนหลายคนเป็นนักเรียนนอก บ้างก็กำลังเรียนต่อต่างประเทศ อับอายที่สุดกับสำเนียงภาษาอังกฤษ และการพูดผิดของนายก ผมไม่ได้รู้สึกต่างกัน แต่ก็พยายามทำความเข้าใจว่า นี่แหละคือภาพที่สะท้อนการเมืองของประเทศเรา หลังจากที่รัฐบาลบริหารประเทศไปได้ระยะหนึ่ง ข่าวฉาวนโยบาย และการบริหารงานที่ผิดพลาด เช่น จำนำข้าว การบริหารจัดการน้ำ ก็เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ รัฐบาลประคองสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่ง จนผมเชื่อว่า รัฐบาลชุดนี้คงจะอยู่ครบเทอมกระมัง จนกระทั่งมี เรื่อง พรบ. นิรโทษกรรมที่น่าจดจำเกิดขึ้น
ผมเห็นด้วยกับการต่อต้าน พรบ. นี้ รับได้ที่มีการชุมนุม เดินประท้วง และดีใจที่สุดท้ายรัฐบาลยอมถอยเรื่องนี้ ผมไม่ได้ให้อภัยรัฐบาล แต่เชื่อว่า การยุบสภาถือเป็นบทลงโทษที่สมเหตุสมผล และเชื่อว่า คนจะจำไปอีกนานว่า พรรคเพื่อไทย "ทำ" อย่างไรไว้
แต่พอเวลาผ่านมา ผู้ชุมนุมที่ในภายหลังเรียกตัวเองว่า กปปส. ได้ยกระดับการชุมนุม ระดมคน วางแผนขัดขวางการทำงานของราชการ ปิดถนน...ประกาศชัยชนะครั้งแล้ว ครั้งเล่า แต่ไม่เคยหยุดชุมนุม
ต่อมา กปปส. ได้ประกาศจุดยืน "ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง" และได้ใช้ไม้ตาย ชัทดาวน์กรุงเทพฯ ขยายความเดือดร้อน และผลกระทบจากการชุมนุมเป็นวงกว้าง ผมต้องทำงาน แลกเงิน หลังจากเป็นพนักงานบริษัท ผมลาออกมาทำกิจการเป็นของตัวเอง ช่วงก่อนการชุมนุม ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นเป็นไปด้วยดี แต่ระยะหลังมานี้ เหมือนทุกอย่างจะหยุดชะงัก ไม่มีใครเชื่อมั่นสถานการณ์การเมือง หวาดหวั่น ไม่กล้าลงทุน สัญญาค้าขายที่เคยจะเซนต์ ก็ถูกยกเลิกไปหมด บอกเลยว่า นอกจากการชุมนุมในตอนนี้จะเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผมแล้ว ยังกระทบต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของผมด้วย
ขณะนี้ มีคนจำนวนมากต้องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ถามคนเหล่านั้น ว่าจะทำอะไร ทำอย่างไร ไม่เคยมีใครตอบผมได้ชัดเจน แต่ข้อความที่ดังและฟังชัด คือ การไม่เอาระบอบทักษิณ แล้วพอถามว่าระบอบทักษิณนี่มันคืออะไร ก็ได้มาแต่สายลมแห่งความโกรธแค้นที่หาสาระไม่ค่อยได้ ผมเอง ไม่เชื่อว่าคุณทักษิณเป็นคนดีครับ แต่ผมว่าการเอาเรื่องแบบนี้มาเรียกร้องว่าต้องตั้งสภาประชาชน และปฏิรูปโดยที่ผมอาจจะไม่มีสิทธิ ไม่มีเสียง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง... แต่ไม่เป็นไรครับ คนเราเป็นต่างกัน เชื่อต่างกันได้ แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจคือ เหตุใดเมื่อเห็นต่างแล้ว ต้องมาปล้นสิทธิของผม
วันนี้ ผมต้องไปเลือกตั้งล่วงหน้าตามประสาคนต่างจังหวัดที่ขอใช้สิทธินอกเขต ผมคิดไว้อยู่แล้วว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นการเลือกตั้งที่มีปัญหามากที่สุดครั้งหนึ่ง แต่ผมก็หวังลึกๆ ว่า ทั้งคนไทย กกต. รัฐบาล จะช่วยกันทำให้การเลือกตั้งผ่านพ้นไปได้ หลังจากตามข่าวอยู่พักใหญ่ก็พบว่ามีหลายเขตเลือกตั้ง รวมทั้งเขตผม ไม่สามารถให้ลงคะแนนได้...
ผมไม่ได้จะไปเลือกพรรคเพื่อไทย ผมเจ็บ ผมเข็ด ผมจำ และผมเบื่อเต็มที่กับรัฐบาลรักษาการที่กะปลกกะเปลี้ย ผมต้องการการเปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นจะต้องเป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย ช้าหน่อยไม่เป็นไร แต่ขอให้เป็นไปตามหลักการที่ผมจะตอบลูก ตอบหลานผมได้ ว่าเมื่อปีนั้น ปีนี้ บ้านเมืองเกิดวิกฤติการเมืองอย่างไร และผ่านพ้นไปได้อย่างที่สังคมโลกยอมรับ... ผมอยากมีนายกเท่ๆ พูดเก่งๆ แต่ถ้าคนส่วนใหญ่เลือกอย่างอื่น ผมก็จะอดทนไว้...
แต่วันนี้ สิทธิที่ผมจะอดทน รอวันที่ประเทศจะเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ได้ถูกปล้นไป.. ประตูเขตปิด บอกว่าเลือกตั้งไม่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีผู้ชุมนุมแม้แต่คนเดียว ด้านหน้าสำนักงานเขตมีแต่ชาวบ้านตาดำๆ ที่รอไปใช้สิทธิ หลายคนโกรธแค้น ขุ่นเคือง
ด่าทอเจ้าหน้าที่ว่าเหตุใดไม่จัดการให้มีการเลือกตั้ง...
ด่าทอ กกต. ที่ไม่พยายาม
ด่าทอรัฐบาลที่ไม่มาปกป้องคุ้มครองสิทธิ...
ที่สำคัญ มีคนแถวนั้นเล่าว่า คนที่มาใช้สิทธิเลือกตั้งคนแรก โดนการ์ด กปปส. เสื้อกันกระสุน พกปืน ปิดหน้า กระทืบ และลากขึ้นรถไป ตลอดระยะเวลาการชุมนุม มีการข่มขู่ ห้ามใครถ่ายภาพ..
ผมมีสิทธิหนึ่งสิทธิ ที่จะออกเสียงหนึ่งเสียง เพื่อเลือกอนาคตของประเทศ แต่วันนี้ ผมโดน กปปส. ปล้นสิทธิ โดย กกต. รัฐบาล หรือคณะกรรมการสิทธิ ไม่เหลียวแล ยื่นมือเข้ามาช่วยปกป้อง พิทักษ์สิทธิของผม...
ผมเคยมีความหวังว่าการเลือกตั้งจะทำให้สถานการณ์การเมืองคลี่คลาย เป็นทางออกหนึ่งของประเทศ แต่ตอนนี้ ผมความหวังนั้น ริบหรี่ลงเรื่อยๆๆ ได้แต่ภาวนาว่าขอให้อย่าได้มีการสูญเสียอีกเลย
เช้านี้ผมโดนปล้นสิทธิ.. ความในใจที่อัดอั้น อยากให้คนไทยด้วยกันได้ยิน..
ผมไม่ได้ติดตามการเมืองมากมาย ทั้งเพราะต้องทำมาหากิน และเห็นว่าการเมืองเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายเกินจะเสียเวลาด้วย แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้อมูลการเมืองพรั่งพรู หลั่งไหลมาผ่านสายตาผมมากมายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนผ่านทางโซเชี่ยลเนตเวิร์คทั้งหลาย มีข้อกล่าวหามากมายต่อตัวนายก ทั้งเรื่องการเป็นตัวแทนพี่ชาย ไม่มีภาวะผู้นำ ความสามารถไม่เพียงพอ ที่สำคัญ มีเรื่องพูดผิดให้ฮาได้ไม่ขาดสาย
ผมมีเพื่อนหลายคนเป็นนักเรียนนอก บ้างก็กำลังเรียนต่อต่างประเทศ อับอายที่สุดกับสำเนียงภาษาอังกฤษ และการพูดผิดของนายก ผมไม่ได้รู้สึกต่างกัน แต่ก็พยายามทำความเข้าใจว่า นี่แหละคือภาพที่สะท้อนการเมืองของประเทศเรา หลังจากที่รัฐบาลบริหารประเทศไปได้ระยะหนึ่ง ข่าวฉาวนโยบาย และการบริหารงานที่ผิดพลาด เช่น จำนำข้าว การบริหารจัดการน้ำ ก็เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ รัฐบาลประคองสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่ง จนผมเชื่อว่า รัฐบาลชุดนี้คงจะอยู่ครบเทอมกระมัง จนกระทั่งมี เรื่อง พรบ. นิรโทษกรรมที่น่าจดจำเกิดขึ้น
ผมเห็นด้วยกับการต่อต้าน พรบ. นี้ รับได้ที่มีการชุมนุม เดินประท้วง และดีใจที่สุดท้ายรัฐบาลยอมถอยเรื่องนี้ ผมไม่ได้ให้อภัยรัฐบาล แต่เชื่อว่า การยุบสภาถือเป็นบทลงโทษที่สมเหตุสมผล และเชื่อว่า คนจะจำไปอีกนานว่า พรรคเพื่อไทย "ทำ" อย่างไรไว้
แต่พอเวลาผ่านมา ผู้ชุมนุมที่ในภายหลังเรียกตัวเองว่า กปปส. ได้ยกระดับการชุมนุม ระดมคน วางแผนขัดขวางการทำงานของราชการ ปิดถนน...ประกาศชัยชนะครั้งแล้ว ครั้งเล่า แต่ไม่เคยหยุดชุมนุม
ต่อมา กปปส. ได้ประกาศจุดยืน "ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง" และได้ใช้ไม้ตาย ชัทดาวน์กรุงเทพฯ ขยายความเดือดร้อน และผลกระทบจากการชุมนุมเป็นวงกว้าง ผมต้องทำงาน แลกเงิน หลังจากเป็นพนักงานบริษัท ผมลาออกมาทำกิจการเป็นของตัวเอง ช่วงก่อนการชุมนุม ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นเป็นไปด้วยดี แต่ระยะหลังมานี้ เหมือนทุกอย่างจะหยุดชะงัก ไม่มีใครเชื่อมั่นสถานการณ์การเมือง หวาดหวั่น ไม่กล้าลงทุน สัญญาค้าขายที่เคยจะเซนต์ ก็ถูกยกเลิกไปหมด บอกเลยว่า นอกจากการชุมนุมในตอนนี้จะเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผมแล้ว ยังกระทบต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของผมด้วย
ขณะนี้ มีคนจำนวนมากต้องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ถามคนเหล่านั้น ว่าจะทำอะไร ทำอย่างไร ไม่เคยมีใครตอบผมได้ชัดเจน แต่ข้อความที่ดังและฟังชัด คือ การไม่เอาระบอบทักษิณ แล้วพอถามว่าระบอบทักษิณนี่มันคืออะไร ก็ได้มาแต่สายลมแห่งความโกรธแค้นที่หาสาระไม่ค่อยได้ ผมเอง ไม่เชื่อว่าคุณทักษิณเป็นคนดีครับ แต่ผมว่าการเอาเรื่องแบบนี้มาเรียกร้องว่าต้องตั้งสภาประชาชน และปฏิรูปโดยที่ผมอาจจะไม่มีสิทธิ ไม่มีเสียง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง... แต่ไม่เป็นไรครับ คนเราเป็นต่างกัน เชื่อต่างกันได้ แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจคือ เหตุใดเมื่อเห็นต่างแล้ว ต้องมาปล้นสิทธิของผม
วันนี้ ผมต้องไปเลือกตั้งล่วงหน้าตามประสาคนต่างจังหวัดที่ขอใช้สิทธินอกเขต ผมคิดไว้อยู่แล้วว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นการเลือกตั้งที่มีปัญหามากที่สุดครั้งหนึ่ง แต่ผมก็หวังลึกๆ ว่า ทั้งคนไทย กกต. รัฐบาล จะช่วยกันทำให้การเลือกตั้งผ่านพ้นไปได้ หลังจากตามข่าวอยู่พักใหญ่ก็พบว่ามีหลายเขตเลือกตั้ง รวมทั้งเขตผม ไม่สามารถให้ลงคะแนนได้...
ผมไม่ได้จะไปเลือกพรรคเพื่อไทย ผมเจ็บ ผมเข็ด ผมจำ และผมเบื่อเต็มที่กับรัฐบาลรักษาการที่กะปลกกะเปลี้ย ผมต้องการการเปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นจะต้องเป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย ช้าหน่อยไม่เป็นไร แต่ขอให้เป็นไปตามหลักการที่ผมจะตอบลูก ตอบหลานผมได้ ว่าเมื่อปีนั้น ปีนี้ บ้านเมืองเกิดวิกฤติการเมืองอย่างไร และผ่านพ้นไปได้อย่างที่สังคมโลกยอมรับ... ผมอยากมีนายกเท่ๆ พูดเก่งๆ แต่ถ้าคนส่วนใหญ่เลือกอย่างอื่น ผมก็จะอดทนไว้...
แต่วันนี้ สิทธิที่ผมจะอดทน รอวันที่ประเทศจะเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ได้ถูกปล้นไป.. ประตูเขตปิด บอกว่าเลือกตั้งไม่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีผู้ชุมนุมแม้แต่คนเดียว ด้านหน้าสำนักงานเขตมีแต่ชาวบ้านตาดำๆ ที่รอไปใช้สิทธิ หลายคนโกรธแค้น ขุ่นเคือง
ด่าทอเจ้าหน้าที่ว่าเหตุใดไม่จัดการให้มีการเลือกตั้ง...
ด่าทอ กกต. ที่ไม่พยายาม
ด่าทอรัฐบาลที่ไม่มาปกป้องคุ้มครองสิทธิ...
ที่สำคัญ มีคนแถวนั้นเล่าว่า คนที่มาใช้สิทธิเลือกตั้งคนแรก โดนการ์ด กปปส. เสื้อกันกระสุน พกปืน ปิดหน้า กระทืบ และลากขึ้นรถไป ตลอดระยะเวลาการชุมนุม มีการข่มขู่ ห้ามใครถ่ายภาพ..
ผมมีสิทธิหนึ่งสิทธิ ที่จะออกเสียงหนึ่งเสียง เพื่อเลือกอนาคตของประเทศ แต่วันนี้ ผมโดน กปปส. ปล้นสิทธิ โดย กกต. รัฐบาล หรือคณะกรรมการสิทธิ ไม่เหลียวแล ยื่นมือเข้ามาช่วยปกป้อง พิทักษ์สิทธิของผม...
ผมเคยมีความหวังว่าการเลือกตั้งจะทำให้สถานการณ์การเมืองคลี่คลาย เป็นทางออกหนึ่งของประเทศ แต่ตอนนี้ ผมความหวังนั้น ริบหรี่ลงเรื่อยๆๆ ได้แต่ภาวนาว่าขอให้อย่าได้มีการสูญเสียอีกเลย