ท่านใดเรียนที่ ม.กรุงเทพ โดยเฉพาะคณะวิทคอม หรือคณะใดก็ได้ พี่สาวเราเรียนมาหกปีแล้วไม่จบซักที เลยอยากถามความเห็นค่ะ

สวัสดีค่ะ ขอรบกวนเวลาทุกท่านหน่อยนะคะ

เรื่องมีอยู่ว่า พี่สาวเราเรียนอยู่คณะวิทคอม ม.กรุงเทพค่ะ เขาบอกว่าโปรเจ็คสุดท้ายยังไม่ผ่าน เลยยังจบไม่ได้ ทีแรกบอกแค่นี้ค่ะ จากตามหลักสูตรมาตรฐานที่เค้าจบกันภายในสี่ปี พี่เราฟาดไปหกปีเลยค่ะ ก่อนนี้เขาบอกว่าถ้าโปรเจ็คผ่านก็จบได้ และตอนนี้ก็เพิ่งโทรมาบอกกับที่บ้านว่าโปรเจ็คไม่ผ่านอีกแล้ว แต่ที่บ้านไม่ได้มีเงินเหลือพอจะส่งเสียเขาอีกแล้ว ควักเนื้อจ่ายค่าเทอมให้เขาไปเยอะมากจนเงินเก็บร่อยหรอ ไม่พอจะส่งเขาได้อีกแล้ว เพราะค่าเทอมม.กรุงเทพค่อนข้างสูง และค่าเทอมของคณะพี่สาวเราเพิ่มขึ้นทุกปี เขาอ้างว่าเพิ่มขึ้นหน่วยกิตละ200ในแต่ละปี

ทีนี้เขาเลยจะโอนหน่วยกิตย้ายมาเรียนที่มหาลัยแถวบ้าน ซึ่งคราวนี้เขาบอกว่า เขายังเหลืออีก 6 ตัวที่ยังไม่ได้เก็บ เราก็เลยงง เฮ้ย ไหนตอนนั้นบอกติดแค่โปรเจ็ค แต่นี่เหลืออีกตั้งหกวิชาที่ยังไม่เก็บ ซึ่งพ่อแม่เราก็ไม่ค่อยประสีประสาค่ะ ไม่รู้ว่าระบบมหาลัยเป็นยังไง แต่เรารู้เพราะเรียนอยู่ม.ขอนแก่น ต่างกันแค่เป็นม.รัฐบาล ซึ่งก็ทราบดีว่าแต่ละเทอมเขากำหนดให้เรียนวิชาบังคับกี่ตัว และควรจะเก็บวิชาเสรีหรือวิชาเลือกตัวไหนเพิ่มเพื่อจะได้จบตามหลักสูตร แต่กลายเป็นว่าพี่เราเรียนมาหกปีแล้ว แถมยังเหลืออีกตั้งหกตัว โอย เครียดเลยค่ะงานนี้ สงสารพ่อกับแม่มาก

ทีนี้ปัญหาคือ เขาบอกว่าที่มหาลัยแถวบ้านไม่มีเปิดสอนสองวิชา เขาจึงต้องเรียนที่ม.กรุงเทพต่ออีกเทอมหนึ่ง ซึ่งเขาบอกว่าเทอมนี้จะเรียนสี่ตัว เพราะแต่ละวิชาหนัก และยากมาก

ปัญหาที่สองคือเรากับคุณแม่ไม่ค่อยเชื่อค่ะ คุณพ่อรักพี่สาวเรามากที่สุดในบรรดาลูกสามคน คราวนี้ก็ยังรู้สึกข้องใจว่าตกลงพี่สาวเราได้เรียนจริงๆ รึเปล่า เพราะบ้านเราอยู่ต่างจังหวัดค่ะ ไม่มีใครเป็นหูเป็นตาให้

พี่สาวเราติดนิสัยชอบขโมยเงินของคนในครอบครัวค่ะ จับได้ทุกครั้งเขาก็ยอมรับว่าเอาไป แต่ถ้าไม่ไปคาดคั้นเอาความจริงก็จะไม่ปริปากพูดเลย สมัยราอยู่ม.6 เราไว้ใจพี่สาวเราค่ะเลยให้รู้รหัสบัตรเอทีเอ็ม วันหนึ่งเงินในบัญชีเราหายไปหมดเกลี้ยง เลยไปบอกพ่อกับแม่ ท่านก็ถามว่าเราให้ใครรู้รหัสรึเปล่า ก็เลยบอกว่ามีแค่พี่สาวคนเดียวที่รู้ พอไปถามเขาก็บอกว่าไม่ได้เอาไป สาบานเลย คุณแม่เลยบอกว่า ดี จะได้ไปขอเค้าดูภาพจากกล้องวงจรปิดได้อย่างสบายใจ สุดท้ายพี่สาวเลยยอมบอกว่าตัวเองเป็นคนเอาไป แล้วก็หัวเราะแหะๆ อย่างเดียว

จนตอนนี้เราอยู่ ปี4แล้วค่ะ กำลังจะจบเทอมนี้ เขาก็ยังไม่เลิกนิสัยนี้สักที ล่าสุดปิดเทอมก่อนเขาแอบเอาเงินจากกระปุกน้องสาวคนเล็กไป เอาแบงค์ใหญ่ไปหมดเลย น้องสาวอายุสิบขวบเองค่ะ ก็ยังทำกันได้ลง รับปากว่าจะเลิกนิสัยนี้หลายครั้งแล้วก็ยังเป็นอยู่ เขาบอกว่าเงินคนอื่นเขาไม่เคยคิดจะขโมย แต่เขารู้สึกว่าเงินในบ้านก็คือเงินของตัวเอง หยิบใช้ได้ เราได้ฟังคำนี้ก็โกรธมากเลยบอกไปว่า งั้นลองเก็บออมเงินจากค่าขนม หยอดกระปุกเป็นปีๆ แล้วกุขโมยเอาไปใช้ทั้งหมด จะยังคิดว่าเงินคนในบ้านคือเงินของที่จะหยิบใช้ตามสบายได้อีกมั้ย มันก็เลยเออ เข้าใจแล้ว ขอโทษ แต่สุดท้ายก็ยังทำ คือไม่มาแตะเงินเราแล้ว แต่ไปแตะเงินน้องสาวคนเล็กแทนซะงั้น

นอกจากนิสัยตรงนี้แล้ว เขายังเป็นคนที่ติดแฟน และยอมให้ผู้ชายมากๆ พี่สาวเราหน้าตาดีมากค่ะ สวย หมวย เนื้อหอมตั้งแต่มัธยมแล้ว ตอนแอดมิดชั่น เขาได้มหาวิทยาลัยศิลปากร คณะวิทคอมนี่ล่ะ แต่เป็นวิทยาเขตไหนไม่รู้ ซึงเขาบอกว่ามันทุรกันดานมากๆ ตอนนั้นก็ร้องไห้ใหญ่เลยไม่อยากไป บอกอยากเข้าม.กรุงเทพ ตอนนั้นฐานะที่บ้านเราค่อนข้างดีค่ะ คุณพ่อก็เลยยอมตามใจให้เข้า

ตอนนั้นเราก็ถามเขาค่ะว่า ไม่อยากไปแค่เพราะกันดารจริงๆ หรอ เขาก็บอกใช่ มันไม่มีอะไรเลย เราเลยถามเขาว่าแล้วแฟนเธอน่ะ สอบติดที่ไหน เขาก็บอกว่าแฟนเข้าม.ศรีปทุม เราก็เออ ในเมื่อไม่ได้ตามแฟนก็แล้วไป

ปรากฏว่าทำเรื่องเข้ามหาลัยเสร็จเรียบร้อย อาจารย์มัธยมที่สอนเราเป็นญาติกับแฟนพี่สาว เราก็ได้มีโอกาสคุยกับท่าน เลยได้รู้ว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่ม.ศรีปทุม แต่เป็นม.กรุงเทพ!! เราช็อกแล้วก็ผิดหวังมาก กลับบ้านไปเฉ่งพี่สาวตัวเองทันทีเลยค่ะ แม่ก็เฉ่ง แต่ไม่ได้บอกพ่อ เพราะพ่อเป็นความดันค่ะ สุขภาพร่างกายไม่ค่อยดี แล้วท่านเป็นคนอารมณ์ร้อนด้วย อะไรหลายๆ อย่างที่พี่สาวเราทำไม่ดี ก็ไม่ได้บอกคุณพ่อค่ะ

สรุปคือตอนนั้นเขาตามแฟน แล้วก็เลือกคณะที่ตัวเองบอกว่าอยากเรียน ตอนนี้เลยถามเขาว่าถ้าอยากเรียนทำไมยังไม่จบซักที ถ้าชอบน่ะ เขาก็บอกว่า เขาไม่มีความรู้พื้นฐานอะไรเลย เขียนโค้ดเขียนอะไรก็ไม่เป็น ซึ่งส่วนใหญ่คนที่เขาเรียนคณะนี้จะมีพื้นฐานความรู้ตรงนี้กันอยู่แล้ว เราเลยบอกว่าแค่พื้นฐานน่ะเรียนรู้แปปเดียวก็ได้ป่ะ เขาก็บอกก็พูดได้ซิ ไม่ได้เรียนสายวิชาเดียวกับกุนิ เราเลยบอกก็แล้วทำไมตอนเลือกน่ะไม่หัดเลือกสายวิชาที่หัวไปไหวล่ะ แล้วทำไมตอนแอดมิชชั่น สี่อันดับที่ยื่นไป ทำไมไม่รู้จักตรวจวิทยาเขตให้ดี มันก็บอกว่าคิดว่าจะติดอันดับหนึ่งถึงสาม คือมั่นใจมากว่าติด สุดท้ายผ่ามาได้อันดับสี่ ซึ่งมันบอกว่าใส่ไปงั้นๆ แค่ให้ครบ

เราก็มองว่า มันไม่ใช่เรื่องเลยนะแค่ใส่ไปให้ครบๆ สี่อันดับนั้นควรจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราเลือกแล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ป่วยการจะคุยค่ะ เอาเหตุผลสู้ไม่ได้ อ้างสารพัด สุดท้ายเราเลยบอกว่า สรุปคือแค่อยากตามแฟน ต่อให้ติดอันดับหนึ่งก็งอแงจะตามเขาไปมกรุงเทพอยู่ดี แล้วกุจะรอดูว่าสุดท้ายกับมันจะคบกันได้นานแค่ไหน มันก็เงียบๆ ไป

สรุปแค่ปีแรกมันก็เลิกกันแล้วค่ะ -_-

เรากับพี่สาวสนิทกันมาก มีอะไรคุยกันทุกเรื่อง แต่พี่สาวเรามีข้อเสียแค่ส่วนที่กล่าวขึ้นมาข้างต้นจริงๆ ค่ะ นอกนั้นดีหมด ช่วยงานบ้านงานเรือน ไม่เคยบ่นซักคำ แล้วก็ไม่ได้ใช้ชีวิตหรูหราอะไรเท่าไร แต่ก็ถือไอโฟนอยู่ เป็นสังคมกรุงเทพก็โอเคเราเข้าใจ เขาจะหมดเงินส่วนใหญ่ไปกับเรื่องสัตว์เลี้ยง ซื้อปอมมาเต็มบ้านเป็นสิบตัวแล้วค่ะตอนนี้ เห่าทั้งวัน

++_อีกประเด็น สำคัญ_++

เขาบอกว่าม.กรุงเทพ คณะอื่นเป็นไหมไม่รู้ แต่คณะเขาเนี่ย ต้องการโปรเจ็คจบแบบขั้นเทพมาก ประมาณว่าระดับเด็กจุฬา หัวกะทิทำกัน เราเลยข้องใจถามไปว่า กุไม่ได้ว่านะแต่พูดกันตามจริง คนที่เข้าม.กรุงเทพคือเค้าไม่ได้คัดเกรดเด็ก ขอแค่มีเงินจ่ายเขาก็รับ จริงอยู่ที่ว่ามีเด็กเก่งคละไปบ้างเหมือนกัน แต่เทียบอัตราส่วนแล้วน้อย เด็กเก่งไหลไปอยู่ม.รัฐบาลหมดแหละ นอกจากเอแบ็คก็มองไม่เห็นม.เอกชนไหนที่ดูจะจบยากขนาดนี้ พูดเหมือนกับว่ามกรุงเทพจะรอดูดตังอย่างเดียว เขาก็ตอบว่าทำนองนั้นแหละ

เราก็เฮ้ย ระดับมหาลัยแบบนี้แล้วไม่น่าจะขาดจรรยาบรรณขนาดนั้นนะ ซึ่งเราข้องใจตรงนี้มากแต่ไม่ถาม เพราะพี่เรามีนิสัยโกหกอยู่ คาดคั้นไปก็คงไม่บอก เราไม่มีเพื่อนเรียนที่ม.กรุงเทพเลยค่ะ มีก็แต่คณะอื่น ซึ่งเขาก็บอกว่าไม่เคยได้ยินนะ ถามใครก็ไม่เคยได้ยินกันทั้งนั้น ถ้ามหาลัยทำงั้นจริงเรื่องต้องแดงบ้างล่ะ เราก็ไม่เคยได้มีโอกาสคุยกับคนที่เรียนวิทคอม มกรุงเทพด้วย

เลยอยากเรียนถามท่านทั้งที่เรียนอยู่ และจบไปแล้วว่าความจริงมันเป็นยังไงกันแน่
พล่ามมายาวมากจริงๆ ขอโทษนะคะถ้าทำให้หงุดหงิดกัน
สุดท้ายนี้ ขอบคุณนะคะที่สละเวลาอ่านและช่วยเหลือ ขอบคุณมากค่ะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 27
ขอตอบบ้าง จริง ๆ ข้างบนเค้าก็ตอบไปหมดแล้วแหล่ะ 55
เราก็เรียน ม.กรุงเทพ คณะเดียวกับพี่คุณ แต่คนละสาขา (จบแล้ว) (พี่คุณน่าจะเรียนคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ หรือชื่อย่อที่เรียก ๆ กัน คือ CS)
เท่าที่อ่านรู้อย่างแรกเลยคือพี่สาวคุณโกหกที่ว่าค่าหน่วยกิตเพิ่มขึ้น 200 ทุกปี ซึ่งตรงนี้ไม่จริงเลย มหาลัยไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น
ค่าเทอมปีที่เข้าเท่าไหร่ ก็จะเท่านั้นไปตลอดจนคุณเรียนจบ ไม่ขึ้นแม้แต่บาทเดียว
   ยกตัวอย่าง เราเข้าปี 53 ค่าหน่วยกิตปีนั้นตัวละ 1500 ตัวเมเจอร์ 1700 เราก็จ่ายที่ราคาเท่านี้ตลอดจนปีสี่ แม้ว่าเด็กที่เข้ามาทีหลัง คือปี 54 จะปรับหน่วยกิตเป็น 1600 เมเจอร์ 1800 ก็ตาม
เท่ากับว่าพี่สาวคุณได้เงินจากทางบ้านเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะอ้างว่าหน่วยกิตขึ้น ซึ่งมันไม่ใช่เงินน้อย ๆ เลย ลงเรียนปกติก็ 21 ตัว 21*200 = 4200 บาท เป็นปีละ 8400 บาท (ไม่รวมซัมเมอร์นะนี่ เด็ก มกท ชอบเรียนซัมเมอร์) นี่แค่ปีสองนะคะ พอขึ้นปี 3 ก็จะคูณสองอีก เป็น 16800 ปี 4 = 25200 ปี 5 33600 ปี 6 = 42000 ทีนี้เอาเงินทั้งหมด มารวมกันก็จะเท่ากับ 126,000 บาท นี่คือจำนวนเงินที่พี่คุณได้เอาไปนอนใช้เล่น ๆ และเราคิดว่านี่คืออย่างน้อย เพราะบางทีเค้าอาจมี F มี W ซัมเมอร์ อะไร ๆ อีก จริง ๆ วิธีแก้ปัญหาก็คือให้เค้าเอาใบลงทะเบียนเรียนมาให้ดูทุกเทอมก็จะทราบค่ะ เพราะเค้าบอกรายละเอียดทุกอย่างอยู่แล้ว ค่าหน่วยกิต ค่าแลป ค่าไฟ ค่าบำรุงรักษา...ค่าเทอมที่เราเคยจ่ายจะประมาณ 38,000 บาท ถูกสุดที่เคยจ่ายคือลงซัมเมอร์ตัวเดียวประมาณ 6,000 บาท และแพงที่สุดคือ 42,000 ลงเต็มอัตรา และเป็นตัวเมเจอร์ (ลืมบอกอีกเรื่อง โปรเจคต์จบจะแพงกว่าตัวอื่น คือของเราหน่วยกิตละ 3,000 บาท โหดมาก จึงไม่มีใครอยากลงทะเบียนตัวนี้หลายรอบ มันแพง 3000*3 = 9,000 เชียวนะคุณ)

อีกเรื่องที่ว่าโปรเจคต์จบยากมาก จะเอาแบบเทพ คือจะว่าไงดีล่ะ ก็ไม่ได้ง่าย และไม่ได้ยากขนาดนั้น ให้เราเดา โปรเจคต์จบพี่คุณจะเป็นงานคู่ ก็มักจะเป็นงานประเภทเขียนโปรแกรมบนเว็บ บน device ต่าง ๆ บอกได้เลยเหอะว่าทำจริง ๆ สามเดือนก็เสร็จละ (แต่ก็ต้องไม่ใช่แอปง่าย ๆ ไร้ประโยชน์นะ ต้องใช้งานได้จริง และใช้งานได้ดีด้วย) ของยากไม่ไช่ software แต่เป็นรายงานต่างหาก ขอยกตัวอย่างเราเองละกัน เราทำงานเป็นกลุ่ม 5 คน ซึ่งแน่นอนว่าโปรเจคต์จะต้องยากกว่าคนอื่นหลายเท่า โปรแกรมเราแก้แล้วแก้อีกต้องติดต่ออาจารย์ที่ปรึกษาตลอดเวลา คือทุกอาทิตย์ บางทีก็มีนอกรอบอีก งานโค๊ดอย่างเดียวเลือดตาแทบกระเด็น ยังต้องเทส(แบบจริงจัง ต้องมีเทสเพลน เทสรีพอร์ตอีก วุ่นวายมาก ไม่มีตรงไหนทำแบบลวก ๆ ได้เลย อาจารย์เคี่ยวมาก) และนี่คือครึ่งทางเท่านั้น อีกครึ่งหนึ่งคือการทำรายงาน กลุ่มเราหมดเวลาไปกับการทำรายงานสองเดือนได้ พิมพ์ ๆ แก้ ๆ หมดกระดาษไปทั้งสิ้น 4 รีม อาจารย์พรูป 5 รอบ จัดหน้ากระดาษเป็นสิบ ๆ รอบ ไม่ได้หลับไม่ได้นอนหลายคืน กว่าจะได้รายงานสามร้อยกว่าหน้า ลำบากมาก ถึงมากที่สุด วันพรีเซนต์ อาจารย์ 4 คนจัดเต็ม บอกได้เลยว่าไม่ง่ายแน่นอนค่ะ แต่ถ้าพี่คุณตั้งใจทำงานพบอาจารย์บ่อย ๆ ต้องจบแน่นอนอ่ะ แล้ว CS เค้าเน้นผลลัพธ์ คือโค๊ดโอเค อัลกอลิธึมใช้ได้ ทำงานรวดเร็ว และประมวลผลได้ถูกต้อง มันก็โอเคแล้วอ่ะ

เด็ก BU หลายคนมักตามเพื่อน เด็กที่มาเรียนที่นี่ฐานะค่อนข้างไปทางดี ถ้าไม่เป็นตัวของตัวเองมากพอก็จะอยู่ลำบากหน่อย เห็นคนนู้นคนนี้มีอะไร ใช้อะไร ก็อยากทำบ้างอย่างเขา ทั้งที่ไม่จำเป็น หลาย ๆ คนที่เรารู้จักเอาเงินค่าเทอมไปทำอย่างอื่นจนต้องออกไปเรียนที่อื่นก็มีให้เห็นบ่อย ๆ

เอ่อ เหมือนเรียงความเลยอ่ะ 55 โทษทีค่ะ อินจัด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่