คำถามซึ่ง(ยาก)ไร้คนตอบ เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับการณ์เมือง

ผมขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่าผมไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใดทั้งนั้นนะครับ เลยมีเรื่องมาระบายหน่อย
ขอเริ่มคำถามด้วยคำว่า "ทำไม" นะครับ
เป็นคำถามที่ถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ สำหรับกลุ่มการเมืองทั้งสองฝ่ายในปัจจุบัน

คำถามสำหรับกลุ่มที่สนับสนุนพรรคประชาธิปปัตย์
1. ทำไมตอนน้ำมันพืชแพง, ไข่แพง (ต้องชั่งกิโลขาย)  (ในช่วงที่พรรคประชาธิปปัตย์เป็นรัฐบาล) ถึงมีแต่คนเสื้อแดงออกมาโวยวาย
2. ทำไมโรงพักทั้งสามร้อยกว่าแห่งที่ยังสร้างไม่เสร็จ ถึงมีแต่คนเสื้อแดงพูดถึงอยู่ฝ่ายเดียว
***(เอาแค่นี้พอเดี๋ยวเยอะไป)***

คำถามสำหรับกลุ่มที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย
1. ทำไมช่วงที่ยางพารา ราคาตกต่ำ (ในช่วงที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล) ทำไมคนเสื้อแดงไม่ออกมาชุมนุมเรียกร้องเหมือนอย่างภาคใต้ (ทั้งที่ภาคอีสานก็ปลูกยางเหมือนกัน)
2. นโยบายจำนำข้าวในปัจจุบัน รัฐยังจ่ายเงินให้ไม่ครบ ทำไมคนเสื้อแดงไม่ออกมาเรียกร้อง (มีแต่อีกฝ่ายหนึ่งออกมาเรียกร้อง ซึ่งแน่นอนว่าอยู่ตรงข้ามกับคนเสื้อแดง)
***(เอาแค่นี้พอเดี๋ยวเยอะไป)***

จะมีสักเหตุการณ์ไหมที่ทั้งสองฝ่ายจะเห็นพ้องต้องกัน อย่างคำว่า "ประชาธิปไตย" นี่อาจจะเขียนเหมือนกัน แต่ทั้งสองฝ่ายนี่เข้าใจความหมายเหมือนกันไหม

ประชาชนที่ออกมาไม่ได้ต้องการที่จะพิทักษ์ปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตัวเอง แต่กลายเป็นว่าออกมาเพื่อคุ้มกันรรคการเมืองที่ตัวเองชอบ และหากมีโอกาสแม้เพียงเรื่องที่เล็กน้อย ก็จะพยายามโจมตีอีกผู้สนับสนุนและพรรคการเมืองอีกฝ่ายหนึ่ง

อย่างที่เห็นในทีวีช่องของทั้ง 2 ฝ่าย เวลาพิธีกรข่าวต้องการโทรศัพท์ไปสัมภาษณ์ ก็จะสามารถสัมภาษณ์ได้แค่เฉพาะคนของฝ่ายตัวเอง, และก็ไม่ยอมรับรู้เรื่องอีกฝ่ายหนึ่ง, หรือแม้กระทั่งคนที่พูดแบบกลางก็เถอะ

เวลาปราศรัย หรือเวลารายงานข่าวก็จะใช้คำพูดที่ค่อนข้างหยาบ กระแนะกระแหน ใส่ร้าย บิดเบือนข้อมูลข้อเท็จจริง ใช้คำพูดที่ปุกปั่น มอมเมาคนฟัง

จากเหตุการณ์ในปัจจุบันนี้ ส่วนตัวผมเปรียบเป็นเหมือนมวย มวยที่ไม่ได้สวมนวม (มวยคาดเชือก)
จากตอนแรกต่อยกันทั้งสองฝ่ายก็สูสี ผลัดกันแพ้ ผลัดชนะ

แต่พอหลังๆ อีกฝ่ายหนึ่งเริ่มจะแพ้บ่อย และหลังแพ้ถี่มากขึ้น
จนคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ จึงต้องคิดหากติกาใหม่

จากที่ไม่สวมนวม เปลี่ยนเป็นมาสวมนวมแล้วต่อยกัน ถ้าแพ้ก็จะได้ไม่เจ็บมาก
แต่พอเปลี่ยนมาใช้นวมก็ยังแพ้อยู่ แถมยังเจ็บเพราะโดยต่อยลงไปนอนกองที่พื้นบ่อยๆ

เลยคิดเพิ่มเติมกติกาอีก ขอพื้นเวทีจากพื้นไม้เป็นพื้นนุ่มๆ ได้ไหม เวลาลงไปนอนที่พื้นจะได้ไม่เจ็บมาก
แต่ที่ไหนได้ ก็ยังเจ็บ ก็ยังแพ้อยู่อีก ทั้งยังเมื่อมองไปในอนาคตข้างหน้าก็รู้ว่าตัวเองไม่มีทางที่จะกลับชนะ อีกแน่ๆ แม้เพียงครั้ง

เมื่อสู้บนเวทีไม่ได้ ก็เลยหันมาสู้นอกเวทีนอกสังเวียน แบบไม่มีกฎ ไม่มีกติกา เป็นทางแก้แทน
ไม่ได้มองย้อนดูเลยว่าตัวเองบกพร่องตรงไหน หรือทำหน้าที่ของคูต่อสู้บนเวทีได้เต็มที่แล้วหรือไม่
เมื่อใจโหยหาแต่ชัยชนะ ต่อให้แม้ต้องใช้วิธีที่ผิด ที่ไร้กติกา ก็ยอม

***ประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งมาตั้งนานตั้งหลายครั้งแล้ว แต่อยู่ๆการเลือกตั้งก็ถูกมองว่าเป็นเรื่องเลวร้าย
เห็นอย่างบางประเทศมีพรรคหนึ่งเป็นฝ่ายค้านอยู่ตั้ง 50 กว่าปี ถึงได้มาเป็นรัฐบาล นานขนาดนั้นเค้ายังรอได้
แต่บางพรรคเล่นการเมืองมานาน แต่นโยบายไม่โดนใจประชาชนส่วนใหญ่ และพึ่งจะนึกได้ว่าว่าต้องปฏิรูป
เมื่อมั่นใจว่าการปฏิรูปเป็นสิ่งที่ดี ที่ประชาชนต้องการ ก็เอาไปใส่ในนโยบายแล้วลงเลือกตั้งหาเสียงไปเลย
จะได้อยู่ในกฎในกติกา "ถ้าไม่เลือกตั้ง ประชาธิปไตยมันจะสมบูรณ์ได้อย่างไรกัน?"
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
เพราะคำว่า เห็นแก่ตัว ที่ติดอยู่กับคนทุกคน ไม่ว่าจะฝ่ายไหน
คำว่า หน้ามืดตามัว ที่ติดอยู่กับบุคคลที่เข้าร่วมชุมนุมในแต่ละฝ่าย ที่มีอคติต่อฝ่ายตรงข้ามอย่างให้อภัยไม่ได้ และมองว่าตัวเองถูกเสมอ
คำว่า ขอโทษ ที่ไม่เคยปรากฏออกมาจากปากของฝ่ายใด ทั้งที่ทุกฝ่าย ต่างก็ทำให้ประเทศไทยเดือดร้อน
คำว่า รักชาติ รักสถาบัน ทั้งที่ๆทุกๆการกระทำของแต่ละฝ่าย ต่างย่ำยี ทำร้าย ดูถูก เหยียดหยาม  เพื่อน คนไทยด้วยกัน รวมถึงประเทศชาติ
คำว่า คนดี ทั้งที่ๆ คำๆนี้ ไม่ควรจะใช้เรียกใครได้เลย ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ตาม เพราะคนดี ไม่มีวันด่าคนชั่ว ทั้งๆที่ความชั่วก็ยังค้ำคอตัวเองอยู่

ไม่มีใครดี ใครเลว ไปกว่ากันทั้งนั้น เพราะทั้งสองฝ่าย ที่เห็นๆกันอยู่ในปัจจุบัน ก็ต่างแสดงความเลวออกมาในระดับที่สูสีกันอยู่ทุกวัน
ใครจะจบลงเรื่องนี้ลงได้ ก็มีแต่คนไทยทุกคนเท่านั้นที่จะเปลี่ยนความคิด ยกระดับจิตใต้สำนึกให้สูงขึ้น
หากคุณ และคุณ และคุณ และคุณๆอีกมากมายเป็นคนดี คนที่เจริญในสติปัญญาแล้ว
คนกลุ่มเล็กๆที่กำลังทำเลวอยู่
เขาไม่มีวันอยู่ได้หรอกค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่