ราตรีสีอำพัน (113)
ท่านป้าใหญ่โทรคุยกับท่านชายอะซัน โดยนัดเจอกันช่วงเย็น
หลังจากท่านชายพาคณะหมอเติ้ลกลับจากแปลงทดลอง ท่านชายสั่งให้เปิดห้องสวีทอีกห้อง
เมื่อชี้แจงให้หมอเติ้ลทราบ เธอจัดการย้ายแป้งไปนอนห้องท่านป้าใหญ่ ส่วนพี่รองกลับมานอนห้องมะ
และให้อับดุลน้องอาดัมนอนห้องท่านชาย
เมื่อลงตัวแล้วทั้งหมดก็ลงไปรับประะทานอาหารเช้า
ขบวนท่านชายมุ่งสู่ฟาร์มะกอกของชาวสวนที่อยู่ไม่ไกลนัก เจ้าของบ้านรีบออกมารับ
“ท่านชายมาเยี่ยมนับเป็นวันดีของพวกเราจริงๆ”
”ผลผลิตปีนี้เป็นเช่นไรบ้าง” หมอเติ้ลถาม
“ดีขึ้นมากเลยครับ เราปลูก ส้ม กล้วย และซูก้าบีทช่วยทำให้เรามีรายได้ตลอดปีเลยครับรายจ่ายลดลง
เพราะเราหันไปใช้ปุ๋ยชีวภาพ แทนปุ๋ยเคมี
ส่วนลูกชายข้าอีกปีก็จะจบครู ข้าจะให้ออกมาช่วยกันเพราะข้าไม่มีปัญญาส่งแล้ว
โชคดีท่านหญิง น้องท่านชายอะซันนางให้ทุนเรียนต่อ สิ้นปีนี้จบก็คงช่วยเหลือครอบครัวได้มากทีเดียว”
ชายชรากล่าวอย่างปลื้มปิติ
“หมอขอแนะนำพวกที่มาด้วยกันนี่ เป็นครอบครัวหมอจากเมืองไทยนะ”
“ โอ้! โชคดีของข้า ที่ข้ามีแขกต่างที่มาเยี่ยมเยียนในวันนี้ ข้ามีแต่ ชาและอินทผลัมรับรองท่าน
หวังว่าท่านคงไม่รังเกียจนะ”
“ท่านลุงข้าเป็นพี่ชายหมอ พวกเรายินดีมากที่ได้มาเยี่ยมท่านถึงนี่ อย่ากังวลเลย” พี่รองพูดภาษาอักฤษ
หมอเป็นคนแปล
“เชิญทุกท่านเข้าไปในสวนเถอะ ตอนนี้เพิ่งสิบโมงอากาศไม่ร้อนสบายๆ วันนี้ลูกชายข้าและเพื่อนบ้านมาช่วยกันเอามะกอกลง”
ทั้งคณะตามเข้าไปหลังบ้านเป็นดงมะกออก ใต้ต้นปูด้วยผ้าพาสติกมีชายวัยกลางคนขึ้นไปขย่ม
ผลมะกอกร่วงลงมามากมาย แม่เฒ่ากับหลานสาวช่วยกันโกยใส่กระชุแล้วเทลงในเข่ง
หมอเติ้ลใส่เสื้อยืดกองทัพไทย สวมเสื้อหนังทับกางเกงขาเดฟผ้าเนื้อหน้ารองเท้าบู๊ท สวมหมวกมีปีกแคบคล้ายหมวกไมเคิล ผมรวบผมตึงรัดด้วยหนังยางแล้วม้วนเก็บไว้ในหมวกดูทะมัดทะแมง
ทั้งคณะกุลีกุจอช่วยกันอย่างสนุกสนาน
คนขย่มก็ย้ายไปตามต้นต่างๆ พวกที่มีหน้าที่เก็บลงเข่งก็ช่วยกัน ชายชรากลับมาพร้อมชาร้อน และอินทผลัม
ลุงหม่อมนั่งจิบประเดิมเป็นคนแรก ท่านชาย มูซากับป้าอำไพ มะ และพี่แดงเข้าร่วมด้วยช่วยกัน
พี่รองนั่งโกยใส่กระชุแล้วเทลงเข่ง หมอเติ้ลหยุดมาตรวจร่างกายให้สมาชิกในครอบครัวที่ว่างอยู่
และให้ยาวิตามินเพิ่ม
“ทางภาครัฐกระจายดินมาถึงสวนท่านหรือยัง” ท่านชายสอบถาม
“อ้อ! ข้าได้แล้ว วางแผนให้ไกล้ฤดูฝนจึงจะเซาะร่องใหม่และเติมดิน คงกลางปีนี้แหละครับท่านชาย หากมีเหลือข้าอาจทำโรงเรือนปลูกผักบ้างจะได้มีพอขายพอกิน”
“อือ!ดี ให้ลูกสาวเจ้าทำบัญชีครัวเรือนด้วยนะ พวกข้าต้องกลับล่ะ” ท่านชายเอ่ยลา
“ขออัลเลาะห์ทรงคุ้มครองพวกท่าน “
ท่านชายพากลุ่มหมอเติ้ลออกมาทานอาหารเที่ยง และแวะได้อีกสวนหนึ่ง
ชายเจ้าของบ้านดีใจมากท่านชายและท่านหมอมาเยี่ยม เขาขุดหัวซูก้าบีท หัวใหญ่มากมาให้ดู
มันมีสีขาวคล้ายไชเท้าเพียงแต่หัวกลมใหญ่คล้ายมัน
ลุงหม่อมมองอย่างสนใจ “นี่หรือซูก้าบีทที่นำไปทำน้ำตาลได้เหมือนอ้อย”
“ครับนี่แหละ เรากำลังส่งเสริมมีหลายสวนส่งเข้าโรงงานผลิตน้ำตาลมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก่อนหน้านี้น้ำตาลเราต้องนำเข้าทั้งหมด เดี๋ยวนี้ เรานำเข้าเพียงครึ่งเดียวครับเพราะกำลังผลิตเพิ่มจากแรกๆมากทีเดียวครับ”
มะมองท่านชายกระตือรือร้นช่วยเหลือชาวสวน และหมอเติ้ลเองก็เช่นกัน เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย
ทุกคนกลับเข้าโรงแรมเจอกับท่านป้าใหญ่พอดี
“เดินทางเหนื่อยไหมคะท่านป้า” หมอเติ้ลเข้าไปทักทาย
“ไม่หรอก ขับรถมาแค่ชั่วโมงกว่าค่อยๆมา” “เย็นนี้รับปรเทานอาหารทุ่มหนึ่งแล้วเข้าชมเพตราไนท์ใช่ไหม”ท่านป้าถาม
"ค่ะ” หมอเติ้ลตอบ
“เรามีเวลาอาบน้ำท่านชายสั่งคนมานวดสปาให้ด้วยค่ะท่านป้า”
ทุกคนเข้าที่พัก ลุงหม่อมขอใช้ห้อง โดยบอกป้าอำไพและพี่แดงไปรอห้องมะ
ในห้องลุงหม่อมจึงมี ท่านป้าใหญ่ ลุงหม่อม ท่านชายและหมอเติ้ล
ก่อนอาหารเกือบชั่วโมง
ลุงหม่อมให้ทุกคนในนห้องนั่งหลับตา หมอเติ้ลเคยชินกับการนั่งสมาธิ ท่านป้าทำแบบที่ทำก่อนเล่นโยคะ
ท่านชายมีท่านหมอพูดนำเบาๆ เขาทำตามจิตรวมเป็นหนึ่ง หมอเติ้ลและท่านชายเกิดนิมิตรเดียวกัน
เธอและท่านชายเห็นหญิงนางหนึ่งสะอื้นให้อยู่แทบเท้า น้ำตานองหน้าแต่มีแววตาที่ดีใจยิ่ง
“พระธิดา ในที่สุดท่านก็มาตามสัญญากับท่านขุนศึก” หมอเติ้ลมองเห็นตัวเองอยู่ในชุดแต่งกายโบราณ
และท่านชายอะซันอยู่ในชุดขุนศึก พระธิดาเอาผ้าออกมาเช็ดใบหน้านาง
“ในที่สุดท่านก็มาตามสัญญาเพื่อปลดปล่อยวิญญาณข้า”
“อย่ากังวลเลยข้ามากับท่านขุนศึกตามสัญญา เป็นความผิดของเราทั้งสองที่ปล่อยเจ้าให้อยู่เช่นนี้เนิ่นนานเกินไป”
“ท่านอย่าตำหนิตัวเองเลย ข้าเป็นคนรับปาก รักษาสัญญานั้น หลังงานคืนนี้เลิกแล้วท่านต้องรอออกภายหลังคนอื่น ทางออกขวามือไม่ห่างจากมหาวิหาร ท่านจะเห็นต้นมะกอกที่ขึ้นแทรกระหว่างโขดหิน ณ.ที่นั่น หากท่านเดินเข้าไปจะเป็นถ้ำ ร่างข้าอยู่ที่นั่น ท่านเพียงเอ่ยวาจาปลดปล่อยให้อิสระข้าก็เพียงพอ ที่ข้าจะไปเกิดในที่ใหม่”
“พระธิดาและท่านขุนศึกโปรดระวังตัวด้วย มีผู้ปองร้ายท่านทั้งสอง คนผู้นี้ผูกพยาบาทกับท่านมาหลายภพ
และเป็นคนที่ใช้อุบายชั่วร้ายจนทำให้ท่านขุนศึกเสียชีวิตในสนามรบ ข้าจะช่วยท่านไม่ต้องกลัว เพียงท่านทั้งสองอโหสิกรรมแก่มันจะได้ไม่ต้องเกิดมาล้างผลาญกันเช่นนี้อีก” ภาพของนางค่อยๆเลือนหายไป เสียงนาฬิกาที่ตั้งไว้ปลุกเบาๆ ท่านชายหายใจเข้าออกลึกๆแล้วลืมตาขึ้น
ลุงหม่อมมองลูกสาว “กลัวไหมลูก” “
ไม่ค่ะ”
ส่วนท่านป้า และลุงหม่อม เห็นเพียงเกิดความวุ่นวายหลังจากคนเริ่มออกไปกันเกือบหมด
“ท่านอาวุโสลงไปก่อน ครู่หนึ่งข้าจะตามไป หลังจากอยู่ตามลำพัง
“ข้าไม่รู้ว่าคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ให้แน่ใจ ข้าให้เจ้าเอาปืนไว้ติดตัว และการเดินทางเข้าและออกเจ้าต้องนั่งกับข้าให้อับดุลนำหัวขบวน มูซาเดินไปกลับตามขบวน หากเกิดสิ่งใด ข้ามอบหมายให้มูซากับอาดัมคุ้มกันทุกคนกลับที่พัก เจ้าอย่าห่วงเลย”
หมอเติ้ลมองหน้าท่านชายอะซันดวงตาคมเข้มดุแข็งขันและเป็นหลักให้ทุกคนได้ หมอเติ้ลโผเข้ากอดท่านชายไว้แน่น
“อย่ากลัวเลยพระธิดา ข้าจะเอาชีวิตข้าปกป้องเจ้า เราจะกลับออกมาอย่างปลอดภัย” ท่านชายเอ่ยอย่างหนักแน่น
ราตรีสีอำพัน (113)
ท่านป้าใหญ่โทรคุยกับท่านชายอะซัน โดยนัดเจอกันช่วงเย็น
หลังจากท่านชายพาคณะหมอเติ้ลกลับจากแปลงทดลอง ท่านชายสั่งให้เปิดห้องสวีทอีกห้อง
เมื่อชี้แจงให้หมอเติ้ลทราบ เธอจัดการย้ายแป้งไปนอนห้องท่านป้าใหญ่ ส่วนพี่รองกลับมานอนห้องมะ
และให้อับดุลน้องอาดัมนอนห้องท่านชาย
เมื่อลงตัวแล้วทั้งหมดก็ลงไปรับประะทานอาหารเช้า
ขบวนท่านชายมุ่งสู่ฟาร์มะกอกของชาวสวนที่อยู่ไม่ไกลนัก เจ้าของบ้านรีบออกมารับ
“ท่านชายมาเยี่ยมนับเป็นวันดีของพวกเราจริงๆ”
”ผลผลิตปีนี้เป็นเช่นไรบ้าง” หมอเติ้ลถาม
“ดีขึ้นมากเลยครับ เราปลูก ส้ม กล้วย และซูก้าบีทช่วยทำให้เรามีรายได้ตลอดปีเลยครับรายจ่ายลดลง
เพราะเราหันไปใช้ปุ๋ยชีวภาพ แทนปุ๋ยเคมี
ส่วนลูกชายข้าอีกปีก็จะจบครู ข้าจะให้ออกมาช่วยกันเพราะข้าไม่มีปัญญาส่งแล้ว
โชคดีท่านหญิง น้องท่านชายอะซันนางให้ทุนเรียนต่อ สิ้นปีนี้จบก็คงช่วยเหลือครอบครัวได้มากทีเดียว”
ชายชรากล่าวอย่างปลื้มปิติ
“หมอขอแนะนำพวกที่มาด้วยกันนี่ เป็นครอบครัวหมอจากเมืองไทยนะ”
“ โอ้! โชคดีของข้า ที่ข้ามีแขกต่างที่มาเยี่ยมเยียนในวันนี้ ข้ามีแต่ ชาและอินทผลัมรับรองท่าน
หวังว่าท่านคงไม่รังเกียจนะ”
“ท่านลุงข้าเป็นพี่ชายหมอ พวกเรายินดีมากที่ได้มาเยี่ยมท่านถึงนี่ อย่ากังวลเลย” พี่รองพูดภาษาอักฤษ
หมอเป็นคนแปล
“เชิญทุกท่านเข้าไปในสวนเถอะ ตอนนี้เพิ่งสิบโมงอากาศไม่ร้อนสบายๆ วันนี้ลูกชายข้าและเพื่อนบ้านมาช่วยกันเอามะกอกลง”
ทั้งคณะตามเข้าไปหลังบ้านเป็นดงมะกออก ใต้ต้นปูด้วยผ้าพาสติกมีชายวัยกลางคนขึ้นไปขย่ม
ผลมะกอกร่วงลงมามากมาย แม่เฒ่ากับหลานสาวช่วยกันโกยใส่กระชุแล้วเทลงในเข่ง
หมอเติ้ลใส่เสื้อยืดกองทัพไทย สวมเสื้อหนังทับกางเกงขาเดฟผ้าเนื้อหน้ารองเท้าบู๊ท สวมหมวกมีปีกแคบคล้ายหมวกไมเคิล ผมรวบผมตึงรัดด้วยหนังยางแล้วม้วนเก็บไว้ในหมวกดูทะมัดทะแมง
ทั้งคณะกุลีกุจอช่วยกันอย่างสนุกสนาน
คนขย่มก็ย้ายไปตามต้นต่างๆ พวกที่มีหน้าที่เก็บลงเข่งก็ช่วยกัน ชายชรากลับมาพร้อมชาร้อน และอินทผลัม
ลุงหม่อมนั่งจิบประเดิมเป็นคนแรก ท่านชาย มูซากับป้าอำไพ มะ และพี่แดงเข้าร่วมด้วยช่วยกัน
พี่รองนั่งโกยใส่กระชุแล้วเทลงเข่ง หมอเติ้ลหยุดมาตรวจร่างกายให้สมาชิกในครอบครัวที่ว่างอยู่
และให้ยาวิตามินเพิ่ม
“ทางภาครัฐกระจายดินมาถึงสวนท่านหรือยัง” ท่านชายสอบถาม
“อ้อ! ข้าได้แล้ว วางแผนให้ไกล้ฤดูฝนจึงจะเซาะร่องใหม่และเติมดิน คงกลางปีนี้แหละครับท่านชาย หากมีเหลือข้าอาจทำโรงเรือนปลูกผักบ้างจะได้มีพอขายพอกิน”
“อือ!ดี ให้ลูกสาวเจ้าทำบัญชีครัวเรือนด้วยนะ พวกข้าต้องกลับล่ะ” ท่านชายเอ่ยลา
“ขออัลเลาะห์ทรงคุ้มครองพวกท่าน “
ท่านชายพากลุ่มหมอเติ้ลออกมาทานอาหารเที่ยง และแวะได้อีกสวนหนึ่ง
ชายเจ้าของบ้านดีใจมากท่านชายและท่านหมอมาเยี่ยม เขาขุดหัวซูก้าบีท หัวใหญ่มากมาให้ดู
มันมีสีขาวคล้ายไชเท้าเพียงแต่หัวกลมใหญ่คล้ายมัน
ลุงหม่อมมองอย่างสนใจ “นี่หรือซูก้าบีทที่นำไปทำน้ำตาลได้เหมือนอ้อย”
“ครับนี่แหละ เรากำลังส่งเสริมมีหลายสวนส่งเข้าโรงงานผลิตน้ำตาลมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก่อนหน้านี้น้ำตาลเราต้องนำเข้าทั้งหมด เดี๋ยวนี้ เรานำเข้าเพียงครึ่งเดียวครับเพราะกำลังผลิตเพิ่มจากแรกๆมากทีเดียวครับ”
มะมองท่านชายกระตือรือร้นช่วยเหลือชาวสวน และหมอเติ้ลเองก็เช่นกัน เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย
ทุกคนกลับเข้าโรงแรมเจอกับท่านป้าใหญ่พอดี
“เดินทางเหนื่อยไหมคะท่านป้า” หมอเติ้ลเข้าไปทักทาย
“ไม่หรอก ขับรถมาแค่ชั่วโมงกว่าค่อยๆมา” “เย็นนี้รับปรเทานอาหารทุ่มหนึ่งแล้วเข้าชมเพตราไนท์ใช่ไหม”ท่านป้าถาม
"ค่ะ” หมอเติ้ลตอบ
“เรามีเวลาอาบน้ำท่านชายสั่งคนมานวดสปาให้ด้วยค่ะท่านป้า”
ทุกคนเข้าที่พัก ลุงหม่อมขอใช้ห้อง โดยบอกป้าอำไพและพี่แดงไปรอห้องมะ
ในห้องลุงหม่อมจึงมี ท่านป้าใหญ่ ลุงหม่อม ท่านชายและหมอเติ้ล
ก่อนอาหารเกือบชั่วโมง
ลุงหม่อมให้ทุกคนในนห้องนั่งหลับตา หมอเติ้ลเคยชินกับการนั่งสมาธิ ท่านป้าทำแบบที่ทำก่อนเล่นโยคะ
ท่านชายมีท่านหมอพูดนำเบาๆ เขาทำตามจิตรวมเป็นหนึ่ง หมอเติ้ลและท่านชายเกิดนิมิตรเดียวกัน
เธอและท่านชายเห็นหญิงนางหนึ่งสะอื้นให้อยู่แทบเท้า น้ำตานองหน้าแต่มีแววตาที่ดีใจยิ่ง
“พระธิดา ในที่สุดท่านก็มาตามสัญญากับท่านขุนศึก” หมอเติ้ลมองเห็นตัวเองอยู่ในชุดแต่งกายโบราณ
และท่านชายอะซันอยู่ในชุดขุนศึก พระธิดาเอาผ้าออกมาเช็ดใบหน้านาง
“ในที่สุดท่านก็มาตามสัญญาเพื่อปลดปล่อยวิญญาณข้า”
“อย่ากังวลเลยข้ามากับท่านขุนศึกตามสัญญา เป็นความผิดของเราทั้งสองที่ปล่อยเจ้าให้อยู่เช่นนี้เนิ่นนานเกินไป”
“ท่านอย่าตำหนิตัวเองเลย ข้าเป็นคนรับปาก รักษาสัญญานั้น หลังงานคืนนี้เลิกแล้วท่านต้องรอออกภายหลังคนอื่น ทางออกขวามือไม่ห่างจากมหาวิหาร ท่านจะเห็นต้นมะกอกที่ขึ้นแทรกระหว่างโขดหิน ณ.ที่นั่น หากท่านเดินเข้าไปจะเป็นถ้ำ ร่างข้าอยู่ที่นั่น ท่านเพียงเอ่ยวาจาปลดปล่อยให้อิสระข้าก็เพียงพอ ที่ข้าจะไปเกิดในที่ใหม่”
“พระธิดาและท่านขุนศึกโปรดระวังตัวด้วย มีผู้ปองร้ายท่านทั้งสอง คนผู้นี้ผูกพยาบาทกับท่านมาหลายภพ
และเป็นคนที่ใช้อุบายชั่วร้ายจนทำให้ท่านขุนศึกเสียชีวิตในสนามรบ ข้าจะช่วยท่านไม่ต้องกลัว เพียงท่านทั้งสองอโหสิกรรมแก่มันจะได้ไม่ต้องเกิดมาล้างผลาญกันเช่นนี้อีก” ภาพของนางค่อยๆเลือนหายไป เสียงนาฬิกาที่ตั้งไว้ปลุกเบาๆ ท่านชายหายใจเข้าออกลึกๆแล้วลืมตาขึ้น
ลุงหม่อมมองลูกสาว “กลัวไหมลูก” “
ไม่ค่ะ”
ส่วนท่านป้า และลุงหม่อม เห็นเพียงเกิดความวุ่นวายหลังจากคนเริ่มออกไปกันเกือบหมด
“ท่านอาวุโสลงไปก่อน ครู่หนึ่งข้าจะตามไป หลังจากอยู่ตามลำพัง
“ข้าไม่รู้ว่าคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ให้แน่ใจ ข้าให้เจ้าเอาปืนไว้ติดตัว และการเดินทางเข้าและออกเจ้าต้องนั่งกับข้าให้อับดุลนำหัวขบวน มูซาเดินไปกลับตามขบวน หากเกิดสิ่งใด ข้ามอบหมายให้มูซากับอาดัมคุ้มกันทุกคนกลับที่พัก เจ้าอย่าห่วงเลย”
หมอเติ้ลมองหน้าท่านชายอะซันดวงตาคมเข้มดุแข็งขันและเป็นหลักให้ทุกคนได้ หมอเติ้ลโผเข้ากอดท่านชายไว้แน่น
“อย่ากลัวเลยพระธิดา ข้าจะเอาชีวิตข้าปกป้องเจ้า เราจะกลับออกมาอย่างปลอดภัย” ท่านชายเอ่ยอย่างหนักแน่น