เป็นสิ่งชั่วร้ายที่ไม่รู้ว่า เอาอะไรมาคิด ปิดระบบเซิร์ฟเวอร์สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เชื่อมโยงข้อมูลกับหลายหน่วยงานซึ่งเป็นเรื่องของฐานข้อมูลทางกฎหมาย
คปท.สั่งปิดเซิร์ฟเวอร์ สนง.กฤษฎีกา
Tue, 2014-01-21 14:07
21 ม.ค.2557 วานนี้ (20 ม.ค.) ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า นายอมร อมรรัตนานนท์ โฆษกเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้นำมวลชนจำนวนหนึ่งจัดตั้งขบวนรถเคลื่อนเร็วไปตรวจสถานที่ราชการและธนาคาร ที่ คปท. เคยไปปิดล้อม หนึ่งในนั้น คือ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งมีเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติงานด้านคอมพิวเตอร์ ทางผู้ชุมนุมจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่กฤษฎีกาปิดระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด และได้เก็บข้าวของและออกจากสถานที่ทันที ซึ่งเหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุรุนแรงหรือความวุ่นวายใดๆ
ด้านเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานรายละเอียดว่า ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแจ้งผู้ชุมนุมว่าสำนักงานปิดทำการแล้ว และไม่มีเจ้าหน้าที่มาทำงาน แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่เชื่อ จึงขอเข้าตรวจค้น จากนั้น พบว่ามีเจ้าหน้าที่ทำงานในส่วนของการดูแลระบบเซิร์ฟเวอร์ จึงต่อรองให้มีการปิดระบบเพื่อไม่ให้มีการทำงาน ด้านเจ้าหน้าที่ขอเวลาในการปิด 3 ชั่วโมง เนื่องจากระบบเชื่อมโยงข้อมูลกับหลายหน่วยงานซึ่งเป็นเรื่องของฐานข้อมูลทางกฎหมาย เช่น ศาลปกครอง ป.ป.ช. กกต. สำนักงานกฤษฎีกา และสำนักนายกรัฐมนตรี หากตักไฟหรือปิดทันทีจะได้รับความเสียหายมาก อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยินยอมและดำเนินการปิดระบบคอมพิวเตอร์ทันที และได้เชิญเจ้าหน้าที่ออกจากตึกเพื่อไม่ให้มีการทำงาน
ทั้งนี้จากการตรวจสอบ ขณะนี้ (21 ม.ค. เวลา 14.00น.) เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
http://www.krisdika.go.th/ ไม่สามารถเข้าถึงได้
สำหรับสถานที่อื่นๆ ที่ คปท. เดินทางไปวานนี้ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการส่งออกและการนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) สำนักงานสรรพากร เขต 4 ที่บริเวณถนนพหลโยธิน โดยพบว่า ทั้ง 3 แห่ง มีการปิดทำการ และไม่มีพนักงานมาทำงานแต่อย่างใด มีเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเท่านั้น ส่วนหน้าเอสเอ็มอีแบงก์ ปิดป้ายประกาศว่า อาคารปิดทำการ 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 20-24 ม.ค 2557 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงานอัยการสูงสุด
....
พวกนี้รักชาติแบบไหน และสงสัยว่าไม่ได้เคยต้องค้นคว้าหาข้อมูล ทางกฎหมายระเบียบข้อบังคับมาใช้เลย จึงไม่รู้ว่าฐานข้อมูลพวกนี้ มีผู้คนใช้งานกันแค่ไหน
สิ่งชั่วร้ายที่ คปท. ทำอีกแล้ว ไปปิดระบบเซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูลทางกฎหมาย การเข้าถึงข้อมูลทางกฎหมายระเบียบ
คปท.สั่งปิดเซิร์ฟเวอร์ สนง.กฤษฎีกา
Tue, 2014-01-21 14:07
21 ม.ค.2557 วานนี้ (20 ม.ค.) ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า นายอมร อมรรัตนานนท์ โฆษกเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้นำมวลชนจำนวนหนึ่งจัดตั้งขบวนรถเคลื่อนเร็วไปตรวจสถานที่ราชการและธนาคาร ที่ คปท. เคยไปปิดล้อม หนึ่งในนั้น คือ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งมีเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติงานด้านคอมพิวเตอร์ ทางผู้ชุมนุมจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่กฤษฎีกาปิดระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด และได้เก็บข้าวของและออกจากสถานที่ทันที ซึ่งเหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุรุนแรงหรือความวุ่นวายใดๆ
ด้านเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานรายละเอียดว่า ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแจ้งผู้ชุมนุมว่าสำนักงานปิดทำการแล้ว และไม่มีเจ้าหน้าที่มาทำงาน แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่เชื่อ จึงขอเข้าตรวจค้น จากนั้น พบว่ามีเจ้าหน้าที่ทำงานในส่วนของการดูแลระบบเซิร์ฟเวอร์ จึงต่อรองให้มีการปิดระบบเพื่อไม่ให้มีการทำงาน ด้านเจ้าหน้าที่ขอเวลาในการปิด 3 ชั่วโมง เนื่องจากระบบเชื่อมโยงข้อมูลกับหลายหน่วยงานซึ่งเป็นเรื่องของฐานข้อมูลทางกฎหมาย เช่น ศาลปกครอง ป.ป.ช. กกต. สำนักงานกฤษฎีกา และสำนักนายกรัฐมนตรี หากตักไฟหรือปิดทันทีจะได้รับความเสียหายมาก อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยินยอมและดำเนินการปิดระบบคอมพิวเตอร์ทันที และได้เชิญเจ้าหน้าที่ออกจากตึกเพื่อไม่ให้มีการทำงาน
ทั้งนี้จากการตรวจสอบ ขณะนี้ (21 ม.ค. เวลา 14.00น.) เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา http://www.krisdika.go.th/ ไม่สามารถเข้าถึงได้
สำหรับสถานที่อื่นๆ ที่ คปท. เดินทางไปวานนี้ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการส่งออกและการนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) สำนักงานสรรพากร เขต 4 ที่บริเวณถนนพหลโยธิน โดยพบว่า ทั้ง 3 แห่ง มีการปิดทำการ และไม่มีพนักงานมาทำงานแต่อย่างใด มีเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเท่านั้น ส่วนหน้าเอสเอ็มอีแบงก์ ปิดป้ายประกาศว่า อาคารปิดทำการ 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 20-24 ม.ค 2557 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงานอัยการสูงสุด
....
พวกนี้รักชาติแบบไหน และสงสัยว่าไม่ได้เคยต้องค้นคว้าหาข้อมูล ทางกฎหมายระเบียบข้อบังคับมาใช้เลย จึงไม่รู้ว่าฐานข้อมูลพวกนี้ มีผู้คนใช้งานกันแค่ไหน