สักวา น้องนานา ตัวน้อยนิด อยู่สวิส แสนติดใจ ในหุบเขา
ทะเสสาบ ราบเรียบเปรียบ กระจกเงา เติบโตมา แม้เงียบเหงา หาเศร้าใจ
ฝั่งตรงข้าม ผืนน้ำใหญ่ ยามได้มอง มีบ้านน้อย กระจกทอง มองสวยใส
นานาเห็น ได้เด่นชัด ทุกเช้าไป สวยจับใจ ฝันและใฝ่ อยากได้มา
จึงบอกพ่อ อยากขอเปลี่ยน กระจกบ้าง เป็นสีทอง จะมีทาง บ้างไหมหนา
พ่อบอกว่า อย่าเพิ่งเลย น้องนานา พ่อน่ะพรุน ซื้อหุ้นมา หามีตังค์
พอโตมา นานาขอ พ่อไปดู กระจกทอง ของบ้านหรู ที่หนูหวัง
หนูโตพอ ข้ามน้ำไป ได้รึยัง พ่อตอบได้ ให้ระวัง สั่งนานา
พอตอนเช้า เจ้านานา ก็รีบตื่น แสนสดชื่น พายเรือ เพื่อไปหา
บ้านกระจกทอง ที่ร่ำร้อง จ้องมองมา เรือนำพา มาถึงได้ ใกล้เที่ยงวัน
เดินขึ้นมา นานาคิด ไม่ผิดแน่ ก็มีแต่ แค่หลังนี้ บนเนินนั่น
กระจกใส ได้แต่อึ้ง ตะลึงงัน สีทองนั้น มันอยู่ไหน ไม่เห็นเลย
หวังเอาไว้ จะได้พบ กระจกทอง แต่กลับต้อง ฝันสลาย หายไปเฉย
ชักบ่ายแล้ว จึงแจวเรือ กลับบ้านเลย อดชมเชย กระจกทอง ต้องหมองใจ
เมื่อลอยเรือ กลางลำน้ำ ใกล้ยามเย็น บ้านเราเด่น เห็นสะท้อน ทองสุกใส
บ้านเราเอง กระจกทอง ผ่องอำไพ จึงเข้าใจ เพราะแสงทอง ของตะวัน
ของเรามี ดีอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ กลับเชิดชู ดูคนอื่น ดีกว่าฉัน
แต่สุดท้าย ไม่ได้ดี ไปกว่ากัน กว่ารู้ได้ สายไปนั้น พลันเสียดาย
หุ้นคุณค่า อุตส่าห์ซื้อ ถือเอาไว้ เมื่อไม่ไป ไม่เห็นค่า มาสั่งขาย
ไม่ยอมรอ พอขายทิ้ง วิ่งกระจาย รู้คุณค่า อย่าทำหาย ก่อนสายเอย



บางทีเรามีของดี มีคุณค่าอยู่กับตัว แต่เรากลับไม่เคยเห็นคุณค่า กลับไปเห็นของคนอื่นดีกว่า
เคยได้ยินมั้ยครับ ที่เค้าว่า เรามักเห็นหญ้าบ้านอื่นเขียวกว่าหญ้าบ้านเราเสมอ
แต่เมื่อเราไปมองหญ้าบ้านเราจากบ้านเขา อาจเห็นว่าหญ้าบ้านเราก็เขียวสวยดีนี่นา
หุ้นที่มีอยู่ในพอร์ตเราหลายตัวก็ดีอยู่แล้ว แต่กลับเห็นตัวอื่นมันวิ่งกันจัง
ก็เลยโลภ ขายของเราทิ้ง แล้วไปซื้อไอ้ตัวที่วิ่งอยู่
แล้วก็เหมือนต้องคำสาป...
หุ้นที่เราซื้อหยุดวิ่งทันที แถมดิ่งลงอีก แต่หุ้นที่เราขายทิ้งไป กลับวิ่งเอ๊าวิ่งเอา
ประสบการณ์แบบนี้ คุ้นๆ กันมั้ยครับ?

หุ้นล้ำค่าอยู่ในมือ รู้ค่าของมัน อย่าทำหายไปนะครับ

ขอให้ทุกท่านโชคดี ขอให้มีแต่หุ้นล้ำค่าเต็มพอร์ตกันนะครับ
<[^_^]> สักวา น้องนานา ตัวน้อยนิด.....อยู่สวิส แสนติดใจ ในหุบเขา
ทะเสสาบ ราบเรียบเปรียบ กระจกเงา เติบโตมา แม้เงียบเหงา หาเศร้าใจ
ฝั่งตรงข้าม ผืนน้ำใหญ่ ยามได้มอง มีบ้านน้อย กระจกทอง มองสวยใส
นานาเห็น ได้เด่นชัด ทุกเช้าไป สวยจับใจ ฝันและใฝ่ อยากได้มา
จึงบอกพ่อ อยากขอเปลี่ยน กระจกบ้าง เป็นสีทอง จะมีทาง บ้างไหมหนา
พ่อบอกว่า อย่าเพิ่งเลย น้องนานา พ่อน่ะพรุน ซื้อหุ้นมา หามีตังค์
พอโตมา นานาขอ พ่อไปดู กระจกทอง ของบ้านหรู ที่หนูหวัง
หนูโตพอ ข้ามน้ำไป ได้รึยัง พ่อตอบได้ ให้ระวัง สั่งนานา
พอตอนเช้า เจ้านานา ก็รีบตื่น แสนสดชื่น พายเรือ เพื่อไปหา
บ้านกระจกทอง ที่ร่ำร้อง จ้องมองมา เรือนำพา มาถึงได้ ใกล้เที่ยงวัน
เดินขึ้นมา นานาคิด ไม่ผิดแน่ ก็มีแต่ แค่หลังนี้ บนเนินนั่น
กระจกใส ได้แต่อึ้ง ตะลึงงัน สีทองนั้น มันอยู่ไหน ไม่เห็นเลย
หวังเอาไว้ จะได้พบ กระจกทอง แต่กลับต้อง ฝันสลาย หายไปเฉย
ชักบ่ายแล้ว จึงแจวเรือ กลับบ้านเลย อดชมเชย กระจกทอง ต้องหมองใจ
เมื่อลอยเรือ กลางลำน้ำ ใกล้ยามเย็น บ้านเราเด่น เห็นสะท้อน ทองสุกใส
บ้านเราเอง กระจกทอง ผ่องอำไพ จึงเข้าใจ เพราะแสงทอง ของตะวัน
ของเรามี ดีอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ กลับเชิดชู ดูคนอื่น ดีกว่าฉัน
แต่สุดท้าย ไม่ได้ดี ไปกว่ากัน กว่ารู้ได้ สายไปนั้น พลันเสียดาย
หุ้นคุณค่า อุตส่าห์ซื้อ ถือเอาไว้ เมื่อไม่ไป ไม่เห็นค่า มาสั่งขาย
ไม่ยอมรอ พอขายทิ้ง วิ่งกระจาย รู้คุณค่า อย่าทำหาย ก่อนสายเอย
บางทีเรามีของดี มีคุณค่าอยู่กับตัว แต่เรากลับไม่เคยเห็นคุณค่า กลับไปเห็นของคนอื่นดีกว่า
เคยได้ยินมั้ยครับ ที่เค้าว่า เรามักเห็นหญ้าบ้านอื่นเขียวกว่าหญ้าบ้านเราเสมอ
แต่เมื่อเราไปมองหญ้าบ้านเราจากบ้านเขา อาจเห็นว่าหญ้าบ้านเราก็เขียวสวยดีนี่นา
หุ้นที่มีอยู่ในพอร์ตเราหลายตัวก็ดีอยู่แล้ว แต่กลับเห็นตัวอื่นมันวิ่งกันจัง
ก็เลยโลภ ขายของเราทิ้ง แล้วไปซื้อไอ้ตัวที่วิ่งอยู่
แล้วก็เหมือนต้องคำสาป...
หุ้นที่เราซื้อหยุดวิ่งทันที แถมดิ่งลงอีก แต่หุ้นที่เราขายทิ้งไป กลับวิ่งเอ๊าวิ่งเอา
ประสบการณ์แบบนี้ คุ้นๆ กันมั้ยครับ?