ตอนที่ 3 อิห่าน เรียนเพื่อ!?!? : มหา’ลัยรำลึก

ตอนที่ 3 อิห่าน เรียนเพื่อ!?!?
มหา’ลัยรำลึก
#นายอุ๊ย!!

จำได้ว่าตอนที่ผมอยู่ในซุ้มรับน้องของคณะบัญชี ฯ จุฬา ฯ ในวันประกาศผลสอบอย่างเป็นทางการที่ ม.เกษตร วันนั้นมีพี่คณะคนหนึ่งเข้ามาพูดคุยทักทายผม เธอถามว่าผมชื่ออะไร อยู่ภาคอะไร (ผมตอบว่าภาคกลาง แต่เธอบอกว่าไม่ใช่ เธอหมายถึงว่าอยู่ภาควิชาอะไร) มาจากโรงเรียนอะไร รู้จักน้องคนนั้นคนนี้ไหม บลา ๆ ๆ

เธอรู้สึกประหลาดใจมากตอนที่รู้ว่าผมเรียนสายวิทย์ แต่กลับมาสอบเข้าคณะบัญชี ฯ (ที่จริงผมก็ประหลาดใจเหมือนกัน) เธอบอกว่าเสียดายความรู้ที่อุตสาห์ร่ำเรียนมาตั้งสามปี หลังจากนี้จะไม่ได้ใช้มันอีกแล้ว

ผมเงยหน้าเหม่อมองท้องฟ้า พลางคิดในใจว่า

“แล้วมันมีอะไรที่กรุเรียนแล้วได้ใช้มั่งวะ”

ภาพตัดไปเป็นสีซีเปีย

**********

ลองมานึก ๆ ย้อนดู ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เราเรียนมาแต่ไม่ได้เอามาใช้

อย่างสมัยที่เรียนวิชาภาษาไทย จะมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมเกลียดมาก คือเรื่อง “คำสุภาพ”

เคยท่องกันไหมครับ พวกผักทอดยอดคือผักบุ้ง ปลาลิ้นสุนัขคือปลาลิ้นหมา ผักสามหาวคือผักตบชวา ปลาใบไม้คือปลาสลิด นางเก้งคืออีเก้ง ช้างนรการคือช้างสีดอ แล้วก็ศัพท์แสงอะไรต่อมิอะไรอีกแปดล้านสิ่ง

อิห่าน!! เรียนเพื่อ?!?!

คำสุภาพเป็นเรื่องที่ผมเกลียดมาก ไม่ใช่เพราะว่าผมเป็นคนหยาบคายนะครับ แค่รู้สึกว่ามันไม่ได้นำไปใช้ในชีวิตจริง หรืออย่างคำบางคำมันก็ไม่ได้หยาบคายอะไร ไม่รู้จะบัญญัติศัพท์ขึ้นมาใหม่ทำไมให้เสียเวลา

อย่างคำว่า ‘ผักบุ้ง’ เนี่ย ถามจริง ๆ ว่ามันไม่สุภาพตรงไหน เคยไปกินข้าวต้มกุ๊ยกลางดึกแล้วได้ยินโต๊ะข้าง ๆ สั่งผักบุ้งไฟแดงแล้วรู้สึกว่ารับไม่ได้เพราะความหยาบคายของมันบ้างมั้ย หรืออย่างคำว่า ‘แตงโม’ ผมก็ไม่เห็นว่ามันหยาบคายตรงไหน ทำไมต้องบัญญัติศัพท์คำว่า ‘ผลอุลิด’ มาให้กรุเรียนด้วยเนี่ย

คิด ๆ แล้วก็อยากเห็นหน้าคนที่บัญญัติคำสุภาพพวกนี้เนอะ อยากรู้ว่าคนที่รู้สึกว่า ‘ผักบุ้ง’ กับ ‘แตงโม’ เป็นคำไม่สุภาพเนี่ย มันเป็นผู้ดีตีนแดงมาจากไหนกัน

ตอนนั้นก็ท่องจำกันหัวบาน เอ้ย ศีรษะบาน พอสอบเสร็จแล้วไง
เมิงก็ลืม!!

ทุกวันนี้มีใครเอาคำสุภาพที่เคยร่ำเรียนกันมาไปใช้ในชีวิตประจำวันกันบ้างมั้ย

แบบเข้าร้านอาหารแล้วตะโกนว่า “เฮีย ‘ผักทอดยอดเพลิงชาด’ จานนึง”
คือต่อให้คุณครูลิลลี่มาเป็นพ่อครัว ก็คงนึกไม่ถึงว่าเมิงสั่ง ‘ผักบุ้งไฟแดง’

แล้วมีใครมั้ยที่ไปเที่ยวปางช้างอยุธยา พอเห็น ‘ช้างสีดอ’ แล้วอุทานว่า “ว้าย นั่น ‘ช้างนรการ’” หรือเดิน ๆ ไปเห็น ‘เต่า’ แล้วร้องว่า “อุ๊ย นั่น ‘จิตรจุล’ ว่ายมาโน่นแล้ว”

แหม่ คำสุภาพของเต่าคือ ‘จิตรจุล’ ชื่อยิ้มไพเราะกว่าชื่อจริงกรุอีก

นอกจากนี้เราก็ไม่เคยแบบว่าเห็น ‘ผักตบชวา’ ลอยมา แล้วตะโกนว่า ‘สามหาว!!’ ไม่งั้นคนรอบข้างอาจจะคิดว่าคุณดูซีรีย์เปาบุ้นจิ้นหรือหนังจีนกำลังภายในมากเกินไป หรือเวลาเราไปซื้อส้มตำ เราก็เรียกมันว่า ‘ส้มตำปลาร้า’ ไม่ใช่ ‘ส้มตำปลามัจฉะ’ ไม่งั้นเจ๊แดงเจ้าของร้านอาจเสิร์ฟส้มตำพร้อมชาเขียวก็เป็นได้

ส่วนคำสุภาพที่ผมงงที่สุดตั้งแต่เคยเรียนมา คือคำสุภาพของ ‘ถั่วต้มหวาน’ เรียกถั่วต้มหวานนี่หยาบคายนะจ๊ะ ต้องเรียกว่า ‘จรกาลงสรง’

นึกภาพตัวเองไปกินเช็งซิมอี๊ แล้วตะโกนสั่งขนมหวานว่า

“บัดนี้ ข้าพเจ้าขอจรกาลงสรงหนึ่งที่ ขอให้ท่านจัดเตรียมสำรับนี้โดยพลัน”

นี่ถ้ามีระนาดเล่นตามว่า “เต้ง เตง เต่ง เต๊ง เตง เต่ง เต๊ง เตง เต่ง” นี่กรุก็ลิเกชัด ๆ ละ

พอพูดถึงเรื่องการท่องจำอย่างไร้เหตุผล ผมก็เริ่มของขึ้น มีอีกเรื่องนึงที่ผมไม่ชอบอย่างมาก ๆ มันทำให้ผมไม่ชอบวิชาชีววิทยาไปด้วย

เรื่องที่ว่าก็คือ อาณาจักรพืชสัตว์ หรือ ไฟลัม–คิงดอม

ออกตัวไว้ก่อนว่า ‘ไฟลัม–คิงดอม’ นี่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับ โบว์ จ๊อย นะครับ สองคนนั้นยังไม่ได้กลับมารียูเนียนกัน แต่ผมขออธิบายนิดนึง เผื่อเพื่อน ๆ ที่เรียนสายศิลป์จะไม่เข้าใจ

ไฟลัม (Phylum) และ คิงดอม (Kingdom) เป็นเรื่องที่ว่าด้วยการแบ่งสิ่งที่มีชีวิตทั้งหมดทั้งมวลบนโลกนี้ออกเป็นหมวดหมู่ จำแนกออกเป็น 5 อาณาจักร ได้แก่ อาณาจักรล้านนา อาณาจักรสุโขทัย อาณาจักรฟูนาน และ อาณาจักรฟูแป๊บเดียว

ถุล!! ไม่ใช่!!

เอาใหม่ ๆ สิ่งมีชีวิตในโลกนี้ถูกแบ่งออกเป็น 5 อาณาจักร ได้แก่ อาณาจักรมอเนอรา อาณาจักรเห็ดรา อาณาจักรโพรทิสตา อาณาจักรพืช และอาณาจักรสัตว์ (เพิ่ง Google เมื่อกี้) แต่ละอาณาจักรก็จะแบ่งย่อยลงไปเป็นไฟลัมต่าง ๆ ตามลักษณะของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด เรียกได้ว่าการเรียนเรื่องนี้จะต้องรู้จักสัตว์ พืช และสิ่งมีชีวิตที่ต่ำกว่าพืชทุกชนิดบนโลกนี้

พวกเด็กสายวิทย์ก็จะต้องท่องจำกันเป็นนกแก้วนกขุนทอง ว่ามีพืชอะไรอยู่ในไฟลัมอะไร มีสัตว์อะไรอยู่ในไฟลัมอะไร เช่น ตีนตุ๊กแกอยู่ในดิวิชันไลโคไฟตานะ ส่วนสนสามใบอยู่ในดิวิชันไพโนไฟตานะ หนอนตัวกลมอยู่ไฟลัมเนมาโทดานะ ส่วนหอยอยู่ไฟลัมมอลลัสกานะ กบอยู่ชั้นแอมฟิเบีย ส่วนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอยู่ชั้นแมมมาเลียนะ

เท่านั้นยังไม่พอ ต้องท่องด้วยว่าอิไฟลัมนี้มีปากนะ อิไฟลัมนี้ไม่มีตูดนะ อิไฟลัมนี้มีระบบเลือดนะ อิไฟลัมนี้ยังไม่มีระบบขับถ่ายนะ ฯลฯ

อยากจะใช้กระบังลมดันให้ปอดยุบเพื่อถอนลมหายใจออกมา

อิห่าน!! เรียนเพื่อ!!

ถามจริง ๆ มีใครยังใช้ความรู้พวกนี้ในชีวิตประจำวันบ้างมั้ย

มีใครด่าเพื่อนแบบเกรดสี่ชีววิทยาว่า “อิมอลลัสกา” บ้างมั้ย

ผมไม่เคยได้ยิน เคยได้ยินแต่ ‘อิหอย’

หรือมีใครไปบางแสนแล้วสั่งอาหารทะเลเผาโดยการกำชับพนักงานว่า

“เอาเฉพาะอาหารทะเลในไฟลัมมอลลัสกาและไฟลัมอาร์โทรโพดา ชั้นครัสเตเชีย เท่านั้นนะครับ (หมึก หอย กุ้ง กั้ง ปู) ไม่เอาปลาลิ้นสุนัขกับปลาใบไม้ อ้อ ขอผลอุลิดฉ่ำ ๆ มาเป็นของว่างด้วยแล้วกัน”

แหม่ อินี่ ทั้งเก่งชีวะด้วย ทั้งพูดสุภาพด้วยนะเนี่ย

หรือการที่เรารู้ว่าพืชอะไรอยู่ในไฟลัมอะไรก็ไม่ได้ทำให้เราเที่ยวภูกระดึงได้สนุกขึ้น เวลาขึ้นภู เมิงก็เดินคุยกับเพื่อน เมิงก็ร้องเพลงกัน ไม่มีใครมานั่งวิเคราะห์ว่าต้นไม้นี้อยู่ในไฟลัมอะไร หรือมีท่อลำเลียงอาหารรึเปล่า อะไรเทือกนี้หรอก

แล้วถามจริง ๆ การที่เรารู้ว่าพืชอะไรอยู่ในไฟลัมอะไร จะทำให้เราจัดสวนเก่งกว่า บอย ปกรณ์ รึเปล่า แบบสามารถบอกกับเป็ดปุ๊กได้ว่า

“เอ่อ คุณเป็ดปุ๊กครับ คุณน่าจะนำพืชในไฟลัมแมกโนลิโอไฟตาไปปลูกในสวนขวัญของคุณนะครับ เพราะเมล็ดของพืชพวกนี้มีรังไข่ห่อหุ้ม กันกระแทกได้อย่างดีเลยครับ”

อิบ้า!! บ้าไปแล้ว!!

โอเค ผมเชื่อว่าอาจมีบางสาขาวิชาที่ต้องใช้ความรู้พวกนี้ แต่มันเป็นเรื่องสำคัญถึงขนาดที่เด็กอายุ 17 – 18 ปีที่เรียนสายวิทย์ทุกคนต้องรู้เลยเหรอ ไม่ขนาดนั้นม้างงง

อะไรที่มันไม่ค่อยสำคัญก็ตัด ๆ มันไปบ้างเถอะครับ เรียนกันจนขนจั๊กกะแร้หงอก แต่ไม่ได้เอาไปใช้ทำอะไร มันก็น่าเสียดายนะ

อย่าให้กรุได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษานะเมิง จะตัดเนื้อหาให้เหี้ยนเลย

**********

“เอ่อ น้องอุ๊ยคะ ยืนคิดอะไรอยู่คะ”

“อ๋อ เปล่าครับ ผมไม่ได้คิดเรื่องไฟลัมครับ”

“อ้อ น้องอุ๊ย อาทิตย์หน้าที่จุฬาจะมีรับน้องมหา’ลัย น้องอุ๊ยมาเข้า ‘บ้านหวัง’ นะ เป็นบ้านรับน้องของพวกพี่เอง”

“ได้ครับพี่ อาทิตย์หน้าเจอกันที่ ‘บ้านหวัง’ ครับ”

To be continued

Credit: นายอุ๊ย!!

*** ติดตามเรื่องราวสนุก ๆ ได้ที่เพจ นายอุ๊ย!! นะครับ --> https://www.facebook.com/lovenaioui ***

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่