กลิ่นสงคราม มาแรงเหลือเกิน....

กลิ่นของสงคราม มาแรงมาก
ไม่ทราบว่าใครรู้สึกเหมือนผมบ้างไหม ดูเหมือนบ้านเมืองมันไม่ทางออกใดเลย ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น แรงขึ้นทุกวัน ในขณะที่การบังคับใช้กฎหมายไม่สามารถทำได้
ยอมรับว่าม๊อบนี้เขาใหญ่จริง และใหญ่มาก ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้เลย ตำรวจไม่กล้าจับ จับได้ก็ต้องปล่อย

ท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชนที่อึดอัดกับการกระทำของกบฎสุเทพ
ไม่พอใจในกระบวนการตุลาการ ความอยุติธรรม ความไม่เท่าเทียมของความเป็นคน การแสดงตัวของผู้สนับสนุนกบฎ และอีกหลากหลายปัจจัย ล้วนแล้วแต่เป็นตัวเร่ง เหมือนน้ำที่เดือดมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่มีรูระบายน้อยลงทุกที

มันคงยากที่จะหลีกเลี่ยง เพียงแต่ว่าเมื่อไรเท่านั้น ในส่วนของเราก็คงต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ คงอีกไม่นาน หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ หากรัฐไม่จัดการให้เด็ดขาดก่อนการเลือกตั้ง ฝ่ายกบฎต้องการให้เกิดความรุนแรงอยู่แล้วเพื่อเปิดทางให้ทหารออกมาทำรัฐประหา​รใจจะขาด ยิ่งนานไป ความเสียหายก็ยิ่งมาก เพราะในที่สุดแล้ว มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี

เหมือนฝ่ายหนึ่งจ้องเพื่อที่จะทำลายล้างด้วยความมุ่งมั่นอย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่อีกฝ่ายคอยเฝ้าระวังและหลีกเลี่ยง ดังนั้นรัฐจะต้องใช้ความเด็ดขาดและรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด แม้โดนรัฐประหารอย่างที่ฝ่ายกบฎต้องการ แต่การมีรัฐบาลผลัดถิ่น ที่ได้รับการสนับสนุนจากนานาอารยะประเทศ มันอาจจะเป็นการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพมากกว่าในระยะยาว  การยอมเพียงเพื่อยีดเวลาให้ตายช้าลง และต้องตายในที่สุด
การลุกขึ้นสู้และยึดมั่นในหลักการของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ทุกชาติในเอเซียต่างก็รับรู้ถึงความอยุติธรรมในประเทศไทย เรื่องความไม่เป็นกลางขององค์กรอิสระทั้งหลายอยู่แล้วว่าเป็นเพราะอะไร

การถอยทุกครั้ง อาจไม่ใช่ยุทธวิธีที่ดีนัก ยิ่งถอย ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มความชอบธรรมให้กับฝ่ายกบฎ นานไป นานาชาติที่สนับสนุนรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ อาจเปลี่ยนไป เพราะความไม่เด็ดขาดของรัฐบาล