เหตุการณ์เกิดวันนี้เลยตอนเวลาประมาณ 4 โมงเย็น
เรามีชั่วโมงว่างจากการสอนเนื่องจากเด็กลาเรียน เลยออกมาซื้อของกิน กำลังหาที่สงบๆนั่งกินมาม่าต้มยำอร่อยๆ(แถวใกล้ๆโรงเรียนมีโต๊ะม้าหินอ่อน) นั่งหาเอกสารทำวิทยานิพนธ์ในไอแพดอยู่เพลินๆ ก็ต้องมาเจอกับมาม่าแม่ลูกสดๆตรงหน้า
เหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณนี้
คนแม่เดินมานั่งโต๊ะใกล้ๆที่เรานั่งอยู่ สักพักคนลูก เป็นเด็กผู้ชายอายุประมาณ ป.1 เดินเต๊ะท่าไปเต๊ะท่ามาแล้วส่งเสียงเอะอะใกล้ๆที่เรานั่ง คือเราไม่ได้ว่าอะไรหรอกกรณีเด็กเสียงดัง เราชินเสียงเด็ก แต่สิ่งที่ทำให้เราผงะ และเดินหนีออกมาเงียบๆเพราะบทสนทนาที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้
แม่ : ลูกจ๋า มานั่งดีๆแล้วทำการบ้านซิลูก(เสียงหวานๆ นุ่มๆ)
เด็ก : ไม่!!!(พูดด้วยเสียงดังกึกก้องเสมือนกำลังเล่นละครเวที จะตะโกนไปไหน)
แม่ : ทำก่อนนะลูกจ๋า แล้วเดี๋ยวค่อยเล่น(เล่นอะไรสักอย่างได้ยินไม่ชัด)
เด็ก : แม่ชอบ ตอllxล ขี้โกหก เดี๋ยวก็ไม่ให้หนูเล่น โกหกๆๆๆๆ
เราติดสตั๊นไป 5 วิ (เอิ่ม!! เฮ้ย!! หง่ะ!!) แล้วคุณแม่ผู้แสนอ่อนหวานก็ไม่ว่าอะไรสักแอ่ะ นั่งมองลูกด้วยสายตาแบบว่า ลูกของฉันคือเทวดาองค์น้อยๆมาจุติบนโลกมนุษย์
แม่ : มาทำการบ้านนะค๊ะ ลูกขาาาาาา (แล้วก็เดินไปพาลูกมานั่งที่โต๊ะ)
ลูก : (ตีๆๆๆๆๆๆๆทุบๆๆๆแม่ พร้อมโวยวาย) เอ๊ะ!! อย่ามาจับตัวหนู ไอ่บ้า
คุณแม่พาลูกเทวดามานั่งที่โต๊ะสำเร็จ
แม่ : คุณครูให้ทำการบ้านหน้าไหนค๊ะ ลูกกก
ลูก : หน้า 3(พูดด้วยเสียงกระชากๆ)
แม่ : ทำอันนี้หน้า 3 เสร็จแล้ว เดี๋ยวหนูเขียนศัพท์ในเล่มนี้ด้วยนะค๊ะลูกขาาา
ลูก : เอ๊ะ!!!แม่นี่ โง่!! ครูเขาให้ทำแค่หน้า 3 อันเดียว ไม่ต้องเขียนศัพท์
แม่ : หนูทำด้วยนะค๊ะ หนูจะได้เก่งๆไงลูก
ลูก : ว๊ากกกกก!! ถ้าหนูทำแบบที่ครูไม่ได้สั่งแล้วโดนครูตีมา หนูจะด่าแม่ เป็นความผิดของแม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ส่วนน้องเขาก็โวยวายต่อไป ส่วนแม่ก็โอ๋ลูก เอาลูกมานั่งตัก โอ้โลมปติโลมเต็มที่ ลูกค๊ะลูกขา คนดี๊คนดีของแม่ คุณแม่นั่งยิ้ม มองลูกเหมือนเอ็นดู
เฮ้ย!!! บ้าไปแล้ววววว
ส่วน จขกท. ก็เดินออกมาจากนั้นอย่างเงียบๆ พร้อมด้วยคำถามมากมายในใจ ทำไมถึงรังแกลูกตัวเองขนาดนั้นคะคุณแม่ คุณแม่ทำเช่นนี้ น้องเขาจะรู้ไหม ว่าอะไรคือสิ่งที่ผิดอะไรคือสิ่งที่ถูก อยากจะเดินไปสอนแม่นางฟ้าคนนั้นมากๆ แต่กลัวเขาจะหาว่า "เผือกอัลไลกับกรู"
เราเห็นเหตุการณ์นี้ เรารู้สึกสงสารเด็กคนนี้และอยากcomplainแม่คนนี้มาก ทำไมคุณถึงไม่ดุไม่สอนลูก อย่าบอกนะว่าถ้าดุจะทำให้เด็กหัวรุนแรง ทำให้เด็กไม่รักแม่ ไม่จริงคะ ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณดุไม่ถูกวิธี ถ้าดุเพื่อระบายอารมณ์เด็กหัวรุนแรงแน่นอนเด็กต่อต้านคุณแน่นอน แต่ถ้าคุณดุเพื่อสั่งสอน เพื่อให้เด็กเข็ดและจำ เขาจะมีพฤติกรรมดีขึ้นและให้ความเคารพคุณมากขึ้นคะ คุณครูคอนเฟิร์ม
ปล. เราจำบทสนทนาได้ค่อนข้างเป๊ะ เพราะได้ยินแล้วรีบพิมพ์เก็บไว้เลย เอาไว้เผื่อทำ case study เกี่ยวกับพฤติกรรมก้าวร้าวในเด็ก 7 ขวบปีแรก คำพูดของคุณแม่ไม่เป๊ะเท่าไหร่แต่ก็ประมาณนั้น แต่ของคุณลูกนี่เราเป๊ะมาก ตกใจกับเด็กยุคนี้เหลือเกิน
ปล2. มีภาษาวิบัติไปบ้างต้องขออภัย บางคำใช้ภาษาวิบัติเพื่อแสดงออกถึงอารมณ์ของบุคคลที่พูด
ปล3. คุณแม่บองสังเกตุตนเองกับลูกๆบ้างว่า ลูกก้าวร้าวแต่คุณพ่อคุณแม่สปอยหรือเปล่า ถ้าคุณสปอย คุณโอ๋ลูก นั่นแปลว่าคุณกำลังทำลายลูกของตัวเองอยู่นะคะ ถ้าน้องยัง 7 ขวบปีแรกอยู่ ยังพอจะปรับนู้นนี่ทัน แต่ถ้าเลยไปแล้วก็คงยากหน่อย แต่ในโลกนี้ไม่มีอะไรสายเกินแก้ มีแต่ว่าจะทำหรือไม่ทำ หรือทำแล้วถอดใจ แค่นั้นเองคะ
เด็กสมัยนี้โดนสปอยจนด่าแม่ตัวเองอย่างหยาบๆคายๆเลยเหรอ?!!
เรามีชั่วโมงว่างจากการสอนเนื่องจากเด็กลาเรียน เลยออกมาซื้อของกิน กำลังหาที่สงบๆนั่งกินมาม่าต้มยำอร่อยๆ(แถวใกล้ๆโรงเรียนมีโต๊ะม้าหินอ่อน) นั่งหาเอกสารทำวิทยานิพนธ์ในไอแพดอยู่เพลินๆ ก็ต้องมาเจอกับมาม่าแม่ลูกสดๆตรงหน้า
เหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณนี้
คนแม่เดินมานั่งโต๊ะใกล้ๆที่เรานั่งอยู่ สักพักคนลูก เป็นเด็กผู้ชายอายุประมาณ ป.1 เดินเต๊ะท่าไปเต๊ะท่ามาแล้วส่งเสียงเอะอะใกล้ๆที่เรานั่ง คือเราไม่ได้ว่าอะไรหรอกกรณีเด็กเสียงดัง เราชินเสียงเด็ก แต่สิ่งที่ทำให้เราผงะ และเดินหนีออกมาเงียบๆเพราะบทสนทนาที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้
แม่ : ลูกจ๋า มานั่งดีๆแล้วทำการบ้านซิลูก(เสียงหวานๆ นุ่มๆ)
เด็ก : ไม่!!!(พูดด้วยเสียงดังกึกก้องเสมือนกำลังเล่นละครเวที จะตะโกนไปไหน)
แม่ : ทำก่อนนะลูกจ๋า แล้วเดี๋ยวค่อยเล่น(เล่นอะไรสักอย่างได้ยินไม่ชัด)
เด็ก : แม่ชอบ ตอllxล ขี้โกหก เดี๋ยวก็ไม่ให้หนูเล่น โกหกๆๆๆๆ
เราติดสตั๊นไป 5 วิ (เอิ่ม!! เฮ้ย!! หง่ะ!!) แล้วคุณแม่ผู้แสนอ่อนหวานก็ไม่ว่าอะไรสักแอ่ะ นั่งมองลูกด้วยสายตาแบบว่า ลูกของฉันคือเทวดาองค์น้อยๆมาจุติบนโลกมนุษย์
แม่ : มาทำการบ้านนะค๊ะ ลูกขาาาาาา (แล้วก็เดินไปพาลูกมานั่งที่โต๊ะ)
ลูก : (ตีๆๆๆๆๆๆๆทุบๆๆๆแม่ พร้อมโวยวาย) เอ๊ะ!! อย่ามาจับตัวหนู ไอ่บ้า
คุณแม่พาลูกเทวดามานั่งที่โต๊ะสำเร็จ
แม่ : คุณครูให้ทำการบ้านหน้าไหนค๊ะ ลูกกก
ลูก : หน้า 3(พูดด้วยเสียงกระชากๆ)
แม่ : ทำอันนี้หน้า 3 เสร็จแล้ว เดี๋ยวหนูเขียนศัพท์ในเล่มนี้ด้วยนะค๊ะลูกขาาา
ลูก : เอ๊ะ!!!แม่นี่ โง่!! ครูเขาให้ทำแค่หน้า 3 อันเดียว ไม่ต้องเขียนศัพท์
แม่ : หนูทำด้วยนะค๊ะ หนูจะได้เก่งๆไงลูก
ลูก : ว๊ากกกกก!! ถ้าหนูทำแบบที่ครูไม่ได้สั่งแล้วโดนครูตีมา หนูจะด่าแม่ เป็นความผิดของแม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ส่วนน้องเขาก็โวยวายต่อไป ส่วนแม่ก็โอ๋ลูก เอาลูกมานั่งตัก โอ้โลมปติโลมเต็มที่ ลูกค๊ะลูกขา คนดี๊คนดีของแม่ คุณแม่นั่งยิ้ม มองลูกเหมือนเอ็นดู
เฮ้ย!!! บ้าไปแล้ววววว
ส่วน จขกท. ก็เดินออกมาจากนั้นอย่างเงียบๆ พร้อมด้วยคำถามมากมายในใจ ทำไมถึงรังแกลูกตัวเองขนาดนั้นคะคุณแม่ คุณแม่ทำเช่นนี้ น้องเขาจะรู้ไหม ว่าอะไรคือสิ่งที่ผิดอะไรคือสิ่งที่ถูก อยากจะเดินไปสอนแม่นางฟ้าคนนั้นมากๆ แต่กลัวเขาจะหาว่า "เผือกอัลไลกับกรู"
เราเห็นเหตุการณ์นี้ เรารู้สึกสงสารเด็กคนนี้และอยากcomplainแม่คนนี้มาก ทำไมคุณถึงไม่ดุไม่สอนลูก อย่าบอกนะว่าถ้าดุจะทำให้เด็กหัวรุนแรง ทำให้เด็กไม่รักแม่ ไม่จริงคะ ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณดุไม่ถูกวิธี ถ้าดุเพื่อระบายอารมณ์เด็กหัวรุนแรงแน่นอนเด็กต่อต้านคุณแน่นอน แต่ถ้าคุณดุเพื่อสั่งสอน เพื่อให้เด็กเข็ดและจำ เขาจะมีพฤติกรรมดีขึ้นและให้ความเคารพคุณมากขึ้นคะ คุณครูคอนเฟิร์ม
ปล. เราจำบทสนทนาได้ค่อนข้างเป๊ะ เพราะได้ยินแล้วรีบพิมพ์เก็บไว้เลย เอาไว้เผื่อทำ case study เกี่ยวกับพฤติกรรมก้าวร้าวในเด็ก 7 ขวบปีแรก คำพูดของคุณแม่ไม่เป๊ะเท่าไหร่แต่ก็ประมาณนั้น แต่ของคุณลูกนี่เราเป๊ะมาก ตกใจกับเด็กยุคนี้เหลือเกิน
ปล2. มีภาษาวิบัติไปบ้างต้องขออภัย บางคำใช้ภาษาวิบัติเพื่อแสดงออกถึงอารมณ์ของบุคคลที่พูด
ปล3. คุณแม่บองสังเกตุตนเองกับลูกๆบ้างว่า ลูกก้าวร้าวแต่คุณพ่อคุณแม่สปอยหรือเปล่า ถ้าคุณสปอย คุณโอ๋ลูก นั่นแปลว่าคุณกำลังทำลายลูกของตัวเองอยู่นะคะ ถ้าน้องยัง 7 ขวบปีแรกอยู่ ยังพอจะปรับนู้นนี่ทัน แต่ถ้าเลยไปแล้วก็คงยากหน่อย แต่ในโลกนี้ไม่มีอะไรสายเกินแก้ มีแต่ว่าจะทำหรือไม่ทำ หรือทำแล้วถอดใจ แค่นั้นเองคะ