ตอนนั้นเราอายุ 22 ปีกำลังเรียนอยู่ มหาวิทยาลัย...วิทยาเขต บางเขน เราต้องไปๆกลับๆ กทม.กับต่างจังหวัด พ่อเปิดร้านร้านมินิมาร์ทไว้ที่ต่างจังหวัดบ้านเกิดเราเอง แล้วก็เป็นแม่ค้าเองด้วยช่วยกับพ่อและน้อง 3 คน ตอนมาแรกๆไม่รู้จักใครเลยแค่รู้ว่าละแวกบ้านมีแต่ญาติกัน
เวลาขายของเจอผู้คนมากหน้าหลายตา ม่อบ้าง แซวบ้าง จีบบ้าง แต่เราไม่ชอบใครเลยยกเว้น ผู้ชายคนนึงที่อยู่หลังบ้านเรา คือเราเพิ่ง
เจอเขาครั้งแรกตอนเปิดร้านใหม่ๆ เขาชะโงกหน้าเข้ามาในร้านเรากำลังจัดของอยู่ ส่วนน้องสาวนั่งคุมหน้าเค้าเตอร์เก็บเงิน เขาเป็นผู้ชายหน้าใส ตาคม จมูกโด่ง และปากเป็นรูปหัวใจ ผมหยักศก ชอบใส่หมวกตลอดเวลา ผิวไม่ได้ขาวมาก โดนแดด ทำงาน ตาประสาผู้ชายต่างจังหวัด เรารีบถามน้องว่าเขาเป็นใครบ้านอยู่ไหน แหะๆ น่ารัก น้องบอกเป็นลูกชายคนหลังบ้านเรานี่ หลังจากที่รู้ว่าบ้านเขาอยู่ไหนเรา ก็เริ่มทำตัวเป็นสโต๊กเกอร์(ไม่ถึงขนาดนั้นนะ) แอบมองเขาทางหลังบ้านเพราะห้องนอนเรามองไปเห็นบ้านเขาพอดี แล้วบางวันก็เห็นเขาใส่บ๊อกเซอร์วิ่งขึ้นวิ่งลงบ้านตอนเช้าเวลาเขารีบตื่นมาทำงาน จะเห็นเขานุ่งผ้าเช็ดตัวเดินไปเดินมา (ฮ่าๆ เราไม่ได้โรคจิตนะ)
เราพยายามส่งยิ้มมาจากที่บ้านซึ่งมันไกลมากประมาณ 100 เมตรได้ เขาคงเห็นเราแยกเขี้ยวใส่มากกว่ายิ้มให้ เราเลยตั้งฉายาให้เขาว่า
"นาย 100 เมตร"
เวลาเขามาซื้อชองที่ร้าน
"เอ้อ...เอา LEO 1 ขวด"
เราก็เดินไปหยิบให้ ยังไม่ทันไรก็สั่งต่อ
"เอ้อ...เอา บัตรเติมเงินด้วยแล้วก็...แล้วก็..."
ความแปลกของเขาคือการสั่งของทีละอย่างเหมือนกำลังนึก มันทำให้เรารนราน ยิ่งเวลาต้องขายของคนเดียว เขามาซื้อของเราแทบทำตัวไม่ถูก เวลาหยิบของก็รนๆ
และก็มาวันนึงเขาก็พาผู้หญิงซ้อนรถสกูปปี้ไอ ของเขา เข้าไปในบ้าน เลยทำให้เรารู้แล้วว่า เขามีแฟน ในฐานะที่เป็นคนแอบชอบ มันก็รู้สึกผิดหวังหน่อยๆ แต่เขาก็ยังคงเป็น "ไอดอลเราอยู่" เราไม่ได้หวังจะครอบครองเขา เราแค่อยากจะมองเขาก็มีความสุขแล้ว
ถึงจะผ่านไปแล้ว 8เดือนจนใกล้ๆสิ้นปี เราก็ยังชะเง้อมองให้เขามาซื้อของร้านเราอยู่เรื่อยๆ แล้วเขาก็หายไปไม่มาร้านเรานานมาก จนแม่ของเขามาพูดให้ฟังในร้านว่าเขาถูกรถชนอยู่ใน โรงพยาบาล 2 อาทิตย์แล้ว (ก่อนหน้านี้ฝันว่าเขานอนจมกองเลือดอยู่ข้างถนน) ผ่านมาเกือบๆเดือนเขาถึงออกมาซื้อของร้าน เราอยากถามเขามากเลยว่า "หายดีแล้วหรอคะ" "เป็นยังไงบ้าง" แต่ผีอุดปากไม่ให้พูด เขินอ่ะทำไงได้
>..<///
เวลาเขามาเติมเงินหยอดเหรียญหน้าร้านเราก็แอบมองเขา เวลาเขาเลือกซื้อของในร้านเราแอบมองเขา แม้เวลาทีเขาขี่รถผ่านหน้าบ้านเรายังมองตามเขาจนสุดปลายทาง
แล้วปีใหม่เราก็เค้าดาวกับน้องสาวอย่างเหงาๆ
วันที่ 2 ม.ค.56 มีเฟดบุ๊คแปลกๆแอดมา ชื่อก็ประหลาด เลยเข้าไปส่องดู ปรากฎว่าเป็นเฟดบุ๊คของนายร้อยเมตร เฟดบุ๊คที่เราตามหาอยู่นานมากกกกก ส่องเพื่อนของคนแถวบ้านแทบทุกคนก็หาไม่เจอ ในที่สุดเขาก็แอดเฟดบุ๊คมาหาเรา..... >.<// เขินแปบ
เราไม่กล้าเปิดประเด็นแชทคุยกับเขา (ยังรักษาความเป็นกุลสตรีนอยู่555) จนเขาทักแชทมาเองเราก็ได้คุยกับเขาในแชท แรกๆก็กลัวเขาจะรับไม่ได้เพราะเราเป็นคนที่พูดจาทะลึ่ง...บางทีก็หื่นๆ (คือไม่อยากเฟคเราเป็นยังไงก็เป็นแบบนั้นให้เขาเห็นรับไม่ได้ก็ต้องปล่อยเขาไป) ยิ่งคุยกันความรู้สึกที่ชอบมันก็ล้นเอ่อจนแทบจะเป็นความรัก
เราสารภาพว่าแอบชอบเขา แต่เรายังไม่ได้คบกันแบบเปิดเผย ไม่เคยบอกว่าจะคบกันด้วยซ้ำ เพราะ ที่บ้านเราคุณพ่อดุมากเขาก็เกรงใจเราและพ่อของเรากลัวคนอื่นมองไม่ดี วันเกิดเราเขาก็ซื้อเค้กมาเซอร์ไพส์ในงานบวชของเพื่อนเขา (พระเจ้าของงานบวชก็เกิดวันเดียวกับเรา)
เดือนเมษายน 56 เราเรียนจบแล้วทำงานเลยไม่ค่อยจะมีเวลาคุยโทรศัพท์กับเขาเท่าไหร่
เดือนพฤษภาคม 56 เขาต้องไปเกณฑ์ทหาร เขาใช้วุฒิ ปวส. สมัครเลยอยู่แค่ 6 เดือน ทุกๆเดือนที่ไม่มีเขามันเหงามาก เราไม่ได้คุยกัน ติดต่อกันไม่ได้ เป็นเวลา 2 เดือน ทุกๆวันที่กลับมาขายของเราร้องไห้คิดถึงเขา เวลาไม่มีเขาแล้วเหมือนขาดอะไรบางอย่าง
เดือนกรกฎาคม 56 เขาออกมาพักทหาร sms ส่งมาบอกว่าเบอร์เขาสามารถติดต่อได้แล้วในขณะนี้ เราเลยโทรไป ตอนได้ยินเสียงเขา
หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ น้ำตาแทบจะไหลออกมา ท้องไส้ปั่นป่วน มันทำให้รู้ว่าเราคิดถึงเขามาก และ รักเขามากขนาดนี้เลยหรอ
เรากับเขาจึงเรียก แฟน ได้เต็มปากโดยไม่แคร์ใครอีกแล้ว ความรู้สึกที่มีให้มันเอ่อล้น
เดือนตุลาตม 56 เขาออกจากทหารมา เรารอเขาได้จนถึงวันนี้
เรากลับมาลพบุรี เลย ขอ กอด เขา แน่น 1 ที ค่าที่ทำให้คิดถึง ตลอด 6 เดือนที่เป็นทหาร
ไม่ว่ารักเราจะจบยังไง...ก็จะเดินไปให้สุดปลายทาง
เราไม่ใช่โรคจิตนะ...แต่ขอแค่ได้มอง!!!??
เวลาขายของเจอผู้คนมากหน้าหลายตา ม่อบ้าง แซวบ้าง จีบบ้าง แต่เราไม่ชอบใครเลยยกเว้น ผู้ชายคนนึงที่อยู่หลังบ้านเรา คือเราเพิ่ง
เจอเขาครั้งแรกตอนเปิดร้านใหม่ๆ เขาชะโงกหน้าเข้ามาในร้านเรากำลังจัดของอยู่ ส่วนน้องสาวนั่งคุมหน้าเค้าเตอร์เก็บเงิน เขาเป็นผู้ชายหน้าใส ตาคม จมูกโด่ง และปากเป็นรูปหัวใจ ผมหยักศก ชอบใส่หมวกตลอดเวลา ผิวไม่ได้ขาวมาก โดนแดด ทำงาน ตาประสาผู้ชายต่างจังหวัด เรารีบถามน้องว่าเขาเป็นใครบ้านอยู่ไหน แหะๆ น่ารัก น้องบอกเป็นลูกชายคนหลังบ้านเรานี่ หลังจากที่รู้ว่าบ้านเขาอยู่ไหนเรา ก็เริ่มทำตัวเป็นสโต๊กเกอร์(ไม่ถึงขนาดนั้นนะ) แอบมองเขาทางหลังบ้านเพราะห้องนอนเรามองไปเห็นบ้านเขาพอดี แล้วบางวันก็เห็นเขาใส่บ๊อกเซอร์วิ่งขึ้นวิ่งลงบ้านตอนเช้าเวลาเขารีบตื่นมาทำงาน จะเห็นเขานุ่งผ้าเช็ดตัวเดินไปเดินมา (ฮ่าๆ เราไม่ได้โรคจิตนะ)
เราพยายามส่งยิ้มมาจากที่บ้านซึ่งมันไกลมากประมาณ 100 เมตรได้ เขาคงเห็นเราแยกเขี้ยวใส่มากกว่ายิ้มให้ เราเลยตั้งฉายาให้เขาว่า
"นาย 100 เมตร"
เวลาเขามาซื้อชองที่ร้าน
"เอ้อ...เอา LEO 1 ขวด"
เราก็เดินไปหยิบให้ ยังไม่ทันไรก็สั่งต่อ
"เอ้อ...เอา บัตรเติมเงินด้วยแล้วก็...แล้วก็..."
ความแปลกของเขาคือการสั่งของทีละอย่างเหมือนกำลังนึก มันทำให้เรารนราน ยิ่งเวลาต้องขายของคนเดียว เขามาซื้อของเราแทบทำตัวไม่ถูก เวลาหยิบของก็รนๆ
และก็มาวันนึงเขาก็พาผู้หญิงซ้อนรถสกูปปี้ไอ ของเขา เข้าไปในบ้าน เลยทำให้เรารู้แล้วว่า เขามีแฟน ในฐานะที่เป็นคนแอบชอบ มันก็รู้สึกผิดหวังหน่อยๆ แต่เขาก็ยังคงเป็น "ไอดอลเราอยู่" เราไม่ได้หวังจะครอบครองเขา เราแค่อยากจะมองเขาก็มีความสุขแล้ว
ถึงจะผ่านไปแล้ว 8เดือนจนใกล้ๆสิ้นปี เราก็ยังชะเง้อมองให้เขามาซื้อของร้านเราอยู่เรื่อยๆ แล้วเขาก็หายไปไม่มาร้านเรานานมาก จนแม่ของเขามาพูดให้ฟังในร้านว่าเขาถูกรถชนอยู่ใน โรงพยาบาล 2 อาทิตย์แล้ว (ก่อนหน้านี้ฝันว่าเขานอนจมกองเลือดอยู่ข้างถนน) ผ่านมาเกือบๆเดือนเขาถึงออกมาซื้อของร้าน เราอยากถามเขามากเลยว่า "หายดีแล้วหรอคะ" "เป็นยังไงบ้าง" แต่ผีอุดปากไม่ให้พูด เขินอ่ะทำไงได้
>..<///
เวลาเขามาเติมเงินหยอดเหรียญหน้าร้านเราก็แอบมองเขา เวลาเขาเลือกซื้อของในร้านเราแอบมองเขา แม้เวลาทีเขาขี่รถผ่านหน้าบ้านเรายังมองตามเขาจนสุดปลายทาง
แล้วปีใหม่เราก็เค้าดาวกับน้องสาวอย่างเหงาๆ
วันที่ 2 ม.ค.56 มีเฟดบุ๊คแปลกๆแอดมา ชื่อก็ประหลาด เลยเข้าไปส่องดู ปรากฎว่าเป็นเฟดบุ๊คของนายร้อยเมตร เฟดบุ๊คที่เราตามหาอยู่นานมากกกกก ส่องเพื่อนของคนแถวบ้านแทบทุกคนก็หาไม่เจอ ในที่สุดเขาก็แอดเฟดบุ๊คมาหาเรา..... >.<// เขินแปบ
เราไม่กล้าเปิดประเด็นแชทคุยกับเขา (ยังรักษาความเป็นกุลสตรีนอยู่555) จนเขาทักแชทมาเองเราก็ได้คุยกับเขาในแชท แรกๆก็กลัวเขาจะรับไม่ได้เพราะเราเป็นคนที่พูดจาทะลึ่ง...บางทีก็หื่นๆ (คือไม่อยากเฟคเราเป็นยังไงก็เป็นแบบนั้นให้เขาเห็นรับไม่ได้ก็ต้องปล่อยเขาไป) ยิ่งคุยกันความรู้สึกที่ชอบมันก็ล้นเอ่อจนแทบจะเป็นความรัก
เราสารภาพว่าแอบชอบเขา แต่เรายังไม่ได้คบกันแบบเปิดเผย ไม่เคยบอกว่าจะคบกันด้วยซ้ำ เพราะ ที่บ้านเราคุณพ่อดุมากเขาก็เกรงใจเราและพ่อของเรากลัวคนอื่นมองไม่ดี วันเกิดเราเขาก็ซื้อเค้กมาเซอร์ไพส์ในงานบวชของเพื่อนเขา (พระเจ้าของงานบวชก็เกิดวันเดียวกับเรา)
เดือนเมษายน 56 เราเรียนจบแล้วทำงานเลยไม่ค่อยจะมีเวลาคุยโทรศัพท์กับเขาเท่าไหร่
เดือนพฤษภาคม 56 เขาต้องไปเกณฑ์ทหาร เขาใช้วุฒิ ปวส. สมัครเลยอยู่แค่ 6 เดือน ทุกๆเดือนที่ไม่มีเขามันเหงามาก เราไม่ได้คุยกัน ติดต่อกันไม่ได้ เป็นเวลา 2 เดือน ทุกๆวันที่กลับมาขายของเราร้องไห้คิดถึงเขา เวลาไม่มีเขาแล้วเหมือนขาดอะไรบางอย่าง
เดือนกรกฎาคม 56 เขาออกมาพักทหาร sms ส่งมาบอกว่าเบอร์เขาสามารถติดต่อได้แล้วในขณะนี้ เราเลยโทรไป ตอนได้ยินเสียงเขา
หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ น้ำตาแทบจะไหลออกมา ท้องไส้ปั่นป่วน มันทำให้รู้ว่าเราคิดถึงเขามาก และ รักเขามากขนาดนี้เลยหรอ
เรากับเขาจึงเรียก แฟน ได้เต็มปากโดยไม่แคร์ใครอีกแล้ว ความรู้สึกที่มีให้มันเอ่อล้น
เดือนตุลาตม 56 เขาออกจากทหารมา เรารอเขาได้จนถึงวันนี้
เรากลับมาลพบุรี เลย ขอ กอด เขา แน่น 1 ที ค่าที่ทำให้คิดถึง ตลอด 6 เดือนที่เป็นทหาร
ไม่ว่ารักเราจะจบยังไง...ก็จะเดินไปให้สุดปลายทาง