12 ภาพประทับใจจาก "ดอยผาตั้ง" จังหวัดเชียงราย
เมื่อไม่นานมานี้ผมมีโอกาสแบ็กแพ็คครั้งแรกจากกรุงเทพไปที่ "ดอยผาตั้ง" จังหวัดเชียงราย ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้ผมไปคนเดียว ไม่รู้จักใครที่นั่นเลย แต่ก็ได้มีโอกาสรู้จักกับพี่คนหนึ่งบนดอย ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกัน เจอกัน 3 วัน แต่ตอนที่บอกลากันไม่ได้ขออะไรติดต่อกันไว้เลย ก็เลยไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเจอกันไหม (คงน่าจะยาก) ผมเคยพูดกับพี่เค้าไว้ว่าจะมาตั้งกระทู้รีวิวการไปเที่ยวคนเดียวครั้งแรก ซึ่งพี่เค้าบอกว่าจะรออ่าน แต่ผมไม่ว่างที่จะเขียนรีวิวตอนนี้ เลยอยากที่จะแบ่งปันความสวยงามของดอยผาตั้งให้ทุกคนได้ดูก่อน ซึ่งผมก็แอบหวังว่าพี่คนที่ผมเจอบนดอยจะมีโอกาสเห็นกระทู้นี้ แล้วได้อ่านอย่างที่พี่เค้าบอกไว้
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมต้องบอกก่อนเลยว่ารูปทั้งหมดถ่ายด้วยกล้อง iphone ธรรมดาๆ ความคมชัดมันอาจจะสู้กล้องอื่นๆไม่ได้นะครับ ผมเอารูปเข้าไปลองปรับใน Adobe Lightroom 5 ซึ่งก็ฝึกไอ้เจ้าโปรแกรมนี้เป็นครั้งแรก มันอาจจะไม่ได้ดีมาก แต่ความตั้งใจมากเกินร้อยครับ ถ้าจะติ จะชม จะว่า จะให้กำลังใจ ก็ตามสบายเลยนะครับ ยินดีน้อมรับความคิดเห็นของทุกคน แค่มีคนดูรูปก็ดีใจแล้วครับ งั้นเรามาเริ่มกันเลยครับ
รูปที่ 1 ถนนคดเคี้ยวเลี้ยวสู่ดอย
อันนี้ถ่ายจากตอนอยู่บนดอย ถนนที่เห็นเป็นถนนที่ผมเดินขึ้นมาครับ ซึ่งสามารถนำรถส่วนตัวขึ้นมาได้หรือว่าจะเหมารถโดยสารมาก็ได้ ถ่ายขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ในบรรดารูปทั้งหมด ชอบรูปนี้ที่สุดครับ
รูปที่ 2 ต้นหญ้ากับดวงอาทิตย์
ผมเคยดูรูปหลายรูปที่เขาถ่ายต้นหญ้าริมทาง แล้วประทับใจ ก็เลยอยากลองถ่ายต้นหญ้าริมทางดูบ้าง อันนี้ถ่ายวันแรก ขณะที่กำลังเดินไปตามทางถนนจากหมู่บ้านไปที่ดอยผาตั้งครับ ช่วงประมาณ 5 โมงครึ่ง
รูปที่ 3 เป้าหมายอยู่ไม่ไกล
ตอนนี้อยู่ที่ดอยผาตั้งแล้ว ซึ่งดอยผาตั้งจะมีเนินหลายเนิน ทางเดินเล็กๆที่เห็นจะนำไปสู่เนิน 102 (ชื่อของเนินครับ ไม่ใช่ลำดับที่) ส่วนเนินถัดไปคือเนิน 103 เนินสุดท้ายของการเดินบนดอยผาตั้ง ในวันแรกผมไปไม่ถึงเนิน 102 กับ 103 เพราะท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ต้องรีบลงจากดอย (ผมเจอกับพี่คนนั้นตอนที่กำลังเดินลงจากดอย พอดีเขามีไฟฉาย เลยขอเดินไปด้วยกัน)
รูปที่ 4 เช้าวันใหม่
อันนี้ถ่ายในวันที่ 2 ตอนประมาณ 7 โมงนิดๆ ถ่ายหันไปที่ฝั่งประเทศลาว ในรูปนี้ทุกคนจะเห็นทะเลหมอกทางด้านขวา ซึ่งขอบอกเลยว่าทะเลหมอกฟินมากๆ เห็นในโทรทัศน์ยังไม่เท่ากับเห็นด้วยตา สมกับคำว่า 10 ปากว่า ไม่เท่าตาเห็น
รูปที่ 5 เกาะกลางหาว
นี่แหละครับทะเลหมอกที่ผมเห็นในโทรทัศน์ แล้วคิดว่าจะต้องมาดูด้วยตาให้ได้ ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากที่ดูโทรทัศน์ในวันนั้น อีก 5 วันต่อมาผมก็ได้แบ็กแพ็คมาดูถึงที่ด้วยตาของตัวเอง (ต้องขอบคุณแม่ที่อนุญาตและให้งบประมาณ

) มองตรงกลางๆจะเห็นภูเขาที่ทะลุทะเลหมอก พอมองดูแล้วมันเหมือนเกาะลอยฟ้าในจินตนาการเลย ต้องบอกเพิ่มเติมว่าถ้าไม่มีทะเลหมอก เราจะเห็นภูเขา ป่าไม้ และแม่น้ำโขงครับ
รูปที่ 6 มองลงมา
อันนี้ถ่ายลงมาขณะเดินขึ้นเนิน 102 ตรงที่เราเห็นเป็นก้อนหินใหญ่ทางมุมขวาตรงนั้นคือช่องเขาขาดครับ ถ้ายืนอยู่ตรงนั้นจะเห็นช่องว่างระหว่างหินสองก้อน ถ้าไปยืนตรงช่องเขาขาดตอนเช้าจะเห็นทะเลหมอก ตอนบ่ายจะเห็นแม่น้ำโขง ส่วนตอนค่ำจะเห็นดาวเยอะมาก (เกิดมาไม่เคยเห็นดาวที่ไหนเยอะเท่าที่นี่

) ต้นไม้สีชมพูที่เห็นคือ ต้นนางพญาเสือโคร่ง ปล. ผมอยู่ตรงนี้ 3 ครั้ง 3 เวลาอย่างที่กล่าวไป แต่ประทับใจตอนดูดาวที่สุดแล้ว มันสวยจริงๆ
รูปที่ 7 ใกล้ถึงฝั่งฝัน
เห็นมุมนี้แล้วชอบ สำหรับทางเดินที่เราเห็นเป็นเส้นดำๆ คือทางมุ่งหน้าไปสู่เนิน 103 ครับ ตรงนั้นคือจุดสุดท้ายที่ต้องพิชิต ส่วนภูเขาที่ยอดแหลมๆอยู่ไกลๆ ผมชอบนะ แต่เดินไปไม่ได้ ทางที่เราจะเดินได้มันสุดที่เนิน 103 ครับ ไม่เหนื่อยเลยครับ รู้สึกมีความสุขมาก
รูปที่ 8 ผ่านเลยไป
ที่ทุกคนเห็นคือเนิน 102 ซึ่งเราผ่านมาได้เรียบร้อย ผมถ่ายขณะที่กำลังเดินไปเนิน 103 ชอบที่ท้องฟ้าเปิดโล่ง ไม่มีแสงอาทิตย์แยงเข้ามาในรูป ที่ยอดของเนิน 102 มีระฆังให้ตีด้วยครับ เล็กๆดำๆที่อยู่บนยอด ผมเพิ่งมาซูมดูตอนเอารูปลงคอมจึงรู้ว่าเป็นคนขี่ม้า อ่อ จะบอกว่ามีบริการขี่ม้าไป กลับ บนดอยด้วยนะครับ ส่วนผมชอบเดินมากกว่า แต่ก็อยากขี่ม้าถ่ายรูป เสียเงินไป 20 บาทครับค่าถ่ายรูป
รูปที่ 9 หินใหญ่ในที่สูง
ในที่สุดก็สามารถพิชิตยอดของเนิน 103 ได้ที่ทุกคนเห็นคือก้อนหินขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่บนยอดเนิน 103 ครับ ถ้ามองที่กลางๆภาพจะเห็นป้ายเล็กๆ ซึ่งเขียนว่า ผู้พิชิตยอดดอยผาตั้ง เนิน 103 (ต้องซูมดูครับ ถึงจะเห็น) ในที่สุดก็ทำสำเร็จครับ เป้าหมายเสร็จได้ดังใจ ฟินมากๆครับ
รูปที่ 10 เงยหน้าที่ผาบ่อง
จริงๆตรงผาบ่องหรือประตูสยามจะเป็นส่วนที่อยู่ข้างล่างของดอย แต่ผมกลับมาเป็นจุดสุดท้าย มันมีบันไดให้เดินลงไปครับ พอเดินลงไปจะเจอช่องหินที่มองไปฝั่งประเทศลาวได้ บางคนมาแค่เห็นเป็นช่องหินก็ขึ้นไปดอย แต่จริงๆต้องเดินไปให้สุดช่องหิน มันจะมีทางให้เราเดินได้ เมื่อเดินทะลุช่องหินเงยหน้าขึ้นก็จะเห็นหน้าผาครับ ผมว่ามันสวยและคลาสสิคดี ชอบครับ เหมือนผจญภัยด้วย แนะนำนะครับว่าอย่าหยุดเพียงตรงช่องหิน ให้ลองเดินทะลุมาแล้วเงยหน้า
รูปที่ 11 แสงย้อมสี
ผมได้ไปเดินที่ดอยเป็นรอบที่ 3 ผมตั้งใจไปกราบลาพระพุทธรูปบนดอย แล้วก็เดินดูดอยอีกรอบ ตรงนี้คือเนินก่อนถึงเนิน 102 ครับ ช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตก ผมหันไปแล้วรู้สึกชอบที่พระอาทิตย์สาดแสงจ้าย้อมเนินเขา และก็ชอบต้นไม้ในรูปด้วย ผมว่ามันเข้มแข็งนะที่อยู่บนดอยต้นเดียวได้ แต่เมื่อกลับมาดูดีๆจะเห็นว่ามันไม่ได้อยู่ต้นเดียวครับ มีอีกต้นอยู่ใกล้ๆกับมัน เหมือนคนเราแหละ บางเวลาก็เหมือนอยู่คนเดียวบนโลก แต่จริงๆก็ยังมีคนอยู่ใกล้ๆเรา แต่เรามองไม่เห็น อ้าววววว ทำไมดราม่าล่ะ ฮ่าๆๆๆ
รูปที่ 12 ความทรงจำ
แต่ก่อนดอยผาตั้งเป็นแค่เพียงความฝันของผมครับ แต่สิ่งที่เปลี่ยนมันให้เป็นความจริง คือ "การลงมือทำ" ณ ตอนนี้ที่กำลังพิมพ์อยู่มันเปลี่ยนจากความจริงเป็นความทรงจำแล้วครับ ผมเลือกรูปนี้เพราะมันทำให้เรารู้ว่า เราพาตัวเองไปหาความฝันในความสูงจากระดับน้ำทะเล 1653 เมตรได้ด้วยตัวคนเดียว ไม่มีอะไรหยุดเราได้ (นอกจากแม่

)
ผมอยากบอกว่าคนเราทุกคนมีความฝันครับ แต่มันจะจริงได้ก็ต้องลงมือทำ ถ้าเราไม่ติดขัดอะไรก็จัดเต็มไปเลย ผมเองกำลังอยู่ในช่วงค้นหาตัวเอง และค้นหาแรงบันดาลใจให้ชีวิต เลยคิดตัดสินใจออกเดินทางคนเดียว พอเห็น "ดอยผาตั้ง" ในโทรทัศน์ ผมจำและจดลงสมุดบันทึกประจำตัวว่าจะไปให้ได้ พยายามขอแม่ พยายามหาข้อมูลต่างๆ มันไม่มีอะไรเอื้อเราไปหมดทุกอย่าง แต่เราตั้งใจจริงว่าจะไปให้ได้ หลังจากวันนั้นเพียง 5 วันที่ผมรู้จัก "ดอยผาตั้ง" ผมก็สามารถพาตัวเองแบ็กแพ็คออกเดินทางคนเดียวจนได้ ด้วยงบประมาณ 3200 บาท ซึ่งระยะเวลา 5 วัน (รวมเดินทางไปกลับ) ผมใช้เงินไป 2816 บาทยังเหลือกลับมาได้ ชีวิตนี้ยังไม่เคยทำอะไรแบบนี้ พอทำแล้วมันรู้สึกดีอย่างมากๆครับ ความฝันไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องการเดินทางอย่างเดียวครับ มีความฝันอีกมากมายหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบเป็นจริงได้เพราะลงมือทำครับ
ขอบคุณที่อ่านและดูรูปนะครับ มีอะไรก็แสดงความคิดเห็นได้นะครับ ความเห็นของคุณเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจของผมได้เหมือนกัน แค่รู้ว่ามีคนดู ผมคงดีใจมากอ่ะครับ ฝากกระทู้นี้ด้วยนะครับ หวังว่าจะให้อะไรดีๆได้บ้างนะครับ ขอบคุณครับ
ปล. ผมหวังว่าพี่จะได้อ่านนะครับ ถ้าพี่ได้อ่านพี่คงน่าจะรู้ว่าผมหมายถึงพี่ ผมเขียนมันขึ้นมาเพราะพี่บอกว่าจะรออ่าน ขอบคุณสำหรับมิตรภาพดีๆที่เกิดขึ้นครับ ถึงเราจะไม่ได้เจอกันแล้ว แต่มิตรภาพมันอยู่ที่ใจ ไม่ลืมแน่ๆ และผมจะเก็บเงินซื้อกล้องเหมือนที่พี่บอกผมว่า "ซื้อกล้องได้แล้ว" หวังว่าพี่จะได้อ่านครับ
12 ภาพประทับใจจาก "ดอยผาตั้ง" จังหวัดเชียงราย
เมื่อไม่นานมานี้ผมมีโอกาสแบ็กแพ็คครั้งแรกจากกรุงเทพไปที่ "ดอยผาตั้ง" จังหวัดเชียงราย ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้ผมไปคนเดียว ไม่รู้จักใครที่นั่นเลย แต่ก็ได้มีโอกาสรู้จักกับพี่คนหนึ่งบนดอย ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกัน เจอกัน 3 วัน แต่ตอนที่บอกลากันไม่ได้ขออะไรติดต่อกันไว้เลย ก็เลยไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเจอกันไหม (คงน่าจะยาก) ผมเคยพูดกับพี่เค้าไว้ว่าจะมาตั้งกระทู้รีวิวการไปเที่ยวคนเดียวครั้งแรก ซึ่งพี่เค้าบอกว่าจะรออ่าน แต่ผมไม่ว่างที่จะเขียนรีวิวตอนนี้ เลยอยากที่จะแบ่งปันความสวยงามของดอยผาตั้งให้ทุกคนได้ดูก่อน ซึ่งผมก็แอบหวังว่าพี่คนที่ผมเจอบนดอยจะมีโอกาสเห็นกระทู้นี้ แล้วได้อ่านอย่างที่พี่เค้าบอกไว้
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมต้องบอกก่อนเลยว่ารูปทั้งหมดถ่ายด้วยกล้อง iphone ธรรมดาๆ ความคมชัดมันอาจจะสู้กล้องอื่นๆไม่ได้นะครับ ผมเอารูปเข้าไปลองปรับใน Adobe Lightroom 5 ซึ่งก็ฝึกไอ้เจ้าโปรแกรมนี้เป็นครั้งแรก มันอาจจะไม่ได้ดีมาก แต่ความตั้งใจมากเกินร้อยครับ ถ้าจะติ จะชม จะว่า จะให้กำลังใจ ก็ตามสบายเลยนะครับ ยินดีน้อมรับความคิดเห็นของทุกคน แค่มีคนดูรูปก็ดีใจแล้วครับ งั้นเรามาเริ่มกันเลยครับ
อันนี้ถ่ายจากตอนอยู่บนดอย ถนนที่เห็นเป็นถนนที่ผมเดินขึ้นมาครับ ซึ่งสามารถนำรถส่วนตัวขึ้นมาได้หรือว่าจะเหมารถโดยสารมาก็ได้ ถ่ายขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ในบรรดารูปทั้งหมด ชอบรูปนี้ที่สุดครับ
ผมเคยดูรูปหลายรูปที่เขาถ่ายต้นหญ้าริมทาง แล้วประทับใจ ก็เลยอยากลองถ่ายต้นหญ้าริมทางดูบ้าง อันนี้ถ่ายวันแรก ขณะที่กำลังเดินไปตามทางถนนจากหมู่บ้านไปที่ดอยผาตั้งครับ ช่วงประมาณ 5 โมงครึ่ง
ตอนนี้อยู่ที่ดอยผาตั้งแล้ว ซึ่งดอยผาตั้งจะมีเนินหลายเนิน ทางเดินเล็กๆที่เห็นจะนำไปสู่เนิน 102 (ชื่อของเนินครับ ไม่ใช่ลำดับที่) ส่วนเนินถัดไปคือเนิน 103 เนินสุดท้ายของการเดินบนดอยผาตั้ง ในวันแรกผมไปไม่ถึงเนิน 102 กับ 103 เพราะท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ต้องรีบลงจากดอย (ผมเจอกับพี่คนนั้นตอนที่กำลังเดินลงจากดอย พอดีเขามีไฟฉาย เลยขอเดินไปด้วยกัน)
อันนี้ถ่ายในวันที่ 2 ตอนประมาณ 7 โมงนิดๆ ถ่ายหันไปที่ฝั่งประเทศลาว ในรูปนี้ทุกคนจะเห็นทะเลหมอกทางด้านขวา ซึ่งขอบอกเลยว่าทะเลหมอกฟินมากๆ เห็นในโทรทัศน์ยังไม่เท่ากับเห็นด้วยตา สมกับคำว่า 10 ปากว่า ไม่เท่าตาเห็น
นี่แหละครับทะเลหมอกที่ผมเห็นในโทรทัศน์ แล้วคิดว่าจะต้องมาดูด้วยตาให้ได้ ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากที่ดูโทรทัศน์ในวันนั้น อีก 5 วันต่อมาผมก็ได้แบ็กแพ็คมาดูถึงที่ด้วยตาของตัวเอง (ต้องขอบคุณแม่ที่อนุญาตและให้งบประมาณ
อันนี้ถ่ายลงมาขณะเดินขึ้นเนิน 102 ตรงที่เราเห็นเป็นก้อนหินใหญ่ทางมุมขวาตรงนั้นคือช่องเขาขาดครับ ถ้ายืนอยู่ตรงนั้นจะเห็นช่องว่างระหว่างหินสองก้อน ถ้าไปยืนตรงช่องเขาขาดตอนเช้าจะเห็นทะเลหมอก ตอนบ่ายจะเห็นแม่น้ำโขง ส่วนตอนค่ำจะเห็นดาวเยอะมาก (เกิดมาไม่เคยเห็นดาวที่ไหนเยอะเท่าที่นี่
เห็นมุมนี้แล้วชอบ สำหรับทางเดินที่เราเห็นเป็นเส้นดำๆ คือทางมุ่งหน้าไปสู่เนิน 103 ครับ ตรงนั้นคือจุดสุดท้ายที่ต้องพิชิต ส่วนภูเขาที่ยอดแหลมๆอยู่ไกลๆ ผมชอบนะ แต่เดินไปไม่ได้ ทางที่เราจะเดินได้มันสุดที่เนิน 103 ครับ ไม่เหนื่อยเลยครับ รู้สึกมีความสุขมาก
ที่ทุกคนเห็นคือเนิน 102 ซึ่งเราผ่านมาได้เรียบร้อย ผมถ่ายขณะที่กำลังเดินไปเนิน 103 ชอบที่ท้องฟ้าเปิดโล่ง ไม่มีแสงอาทิตย์แยงเข้ามาในรูป ที่ยอดของเนิน 102 มีระฆังให้ตีด้วยครับ เล็กๆดำๆที่อยู่บนยอด ผมเพิ่งมาซูมดูตอนเอารูปลงคอมจึงรู้ว่าเป็นคนขี่ม้า อ่อ จะบอกว่ามีบริการขี่ม้าไป กลับ บนดอยด้วยนะครับ ส่วนผมชอบเดินมากกว่า แต่ก็อยากขี่ม้าถ่ายรูป เสียเงินไป 20 บาทครับค่าถ่ายรูป
ในที่สุดก็สามารถพิชิตยอดของเนิน 103 ได้ที่ทุกคนเห็นคือก้อนหินขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่บนยอดเนิน 103 ครับ ถ้ามองที่กลางๆภาพจะเห็นป้ายเล็กๆ ซึ่งเขียนว่า ผู้พิชิตยอดดอยผาตั้ง เนิน 103 (ต้องซูมดูครับ ถึงจะเห็น) ในที่สุดก็ทำสำเร็จครับ เป้าหมายเสร็จได้ดังใจ ฟินมากๆครับ
จริงๆตรงผาบ่องหรือประตูสยามจะเป็นส่วนที่อยู่ข้างล่างของดอย แต่ผมกลับมาเป็นจุดสุดท้าย มันมีบันไดให้เดินลงไปครับ พอเดินลงไปจะเจอช่องหินที่มองไปฝั่งประเทศลาวได้ บางคนมาแค่เห็นเป็นช่องหินก็ขึ้นไปดอย แต่จริงๆต้องเดินไปให้สุดช่องหิน มันจะมีทางให้เราเดินได้ เมื่อเดินทะลุช่องหินเงยหน้าขึ้นก็จะเห็นหน้าผาครับ ผมว่ามันสวยและคลาสสิคดี ชอบครับ เหมือนผจญภัยด้วย แนะนำนะครับว่าอย่าหยุดเพียงตรงช่องหิน ให้ลองเดินทะลุมาแล้วเงยหน้า
ผมได้ไปเดินที่ดอยเป็นรอบที่ 3 ผมตั้งใจไปกราบลาพระพุทธรูปบนดอย แล้วก็เดินดูดอยอีกรอบ ตรงนี้คือเนินก่อนถึงเนิน 102 ครับ ช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตก ผมหันไปแล้วรู้สึกชอบที่พระอาทิตย์สาดแสงจ้าย้อมเนินเขา และก็ชอบต้นไม้ในรูปด้วย ผมว่ามันเข้มแข็งนะที่อยู่บนดอยต้นเดียวได้ แต่เมื่อกลับมาดูดีๆจะเห็นว่ามันไม่ได้อยู่ต้นเดียวครับ มีอีกต้นอยู่ใกล้ๆกับมัน เหมือนคนเราแหละ บางเวลาก็เหมือนอยู่คนเดียวบนโลก แต่จริงๆก็ยังมีคนอยู่ใกล้ๆเรา แต่เรามองไม่เห็น อ้าววววว ทำไมดราม่าล่ะ ฮ่าๆๆๆ
แต่ก่อนดอยผาตั้งเป็นแค่เพียงความฝันของผมครับ แต่สิ่งที่เปลี่ยนมันให้เป็นความจริง คือ "การลงมือทำ" ณ ตอนนี้ที่กำลังพิมพ์อยู่มันเปลี่ยนจากความจริงเป็นความทรงจำแล้วครับ ผมเลือกรูปนี้เพราะมันทำให้เรารู้ว่า เราพาตัวเองไปหาความฝันในความสูงจากระดับน้ำทะเล 1653 เมตรได้ด้วยตัวคนเดียว ไม่มีอะไรหยุดเราได้ (นอกจากแม่
ผมอยากบอกว่าคนเราทุกคนมีความฝันครับ แต่มันจะจริงได้ก็ต้องลงมือทำ ถ้าเราไม่ติดขัดอะไรก็จัดเต็มไปเลย ผมเองกำลังอยู่ในช่วงค้นหาตัวเอง และค้นหาแรงบันดาลใจให้ชีวิต เลยคิดตัดสินใจออกเดินทางคนเดียว พอเห็น "ดอยผาตั้ง" ในโทรทัศน์ ผมจำและจดลงสมุดบันทึกประจำตัวว่าจะไปให้ได้ พยายามขอแม่ พยายามหาข้อมูลต่างๆ มันไม่มีอะไรเอื้อเราไปหมดทุกอย่าง แต่เราตั้งใจจริงว่าจะไปให้ได้ หลังจากวันนั้นเพียง 5 วันที่ผมรู้จัก "ดอยผาตั้ง" ผมก็สามารถพาตัวเองแบ็กแพ็คออกเดินทางคนเดียวจนได้ ด้วยงบประมาณ 3200 บาท ซึ่งระยะเวลา 5 วัน (รวมเดินทางไปกลับ) ผมใช้เงินไป 2816 บาทยังเหลือกลับมาได้ ชีวิตนี้ยังไม่เคยทำอะไรแบบนี้ พอทำแล้วมันรู้สึกดีอย่างมากๆครับ ความฝันไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องการเดินทางอย่างเดียวครับ มีความฝันอีกมากมายหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบเป็นจริงได้เพราะลงมือทำครับ
ขอบคุณที่อ่านและดูรูปนะครับ มีอะไรก็แสดงความคิดเห็นได้นะครับ ความเห็นของคุณเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจของผมได้เหมือนกัน แค่รู้ว่ามีคนดู ผมคงดีใจมากอ่ะครับ ฝากกระทู้นี้ด้วยนะครับ หวังว่าจะให้อะไรดีๆได้บ้างนะครับ ขอบคุณครับ
ปล. ผมหวังว่าพี่จะได้อ่านนะครับ ถ้าพี่ได้อ่านพี่คงน่าจะรู้ว่าผมหมายถึงพี่ ผมเขียนมันขึ้นมาเพราะพี่บอกว่าจะรออ่าน ขอบคุณสำหรับมิตรภาพดีๆที่เกิดขึ้นครับ ถึงเราจะไม่ได้เจอกันแล้ว แต่มิตรภาพมันอยู่ที่ใจ ไม่ลืมแน่ๆ และผมจะเก็บเงินซื้อกล้องเหมือนที่พี่บอกผมว่า "ซื้อกล้องได้แล้ว" หวังว่าพี่จะได้อ่านครับ