สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
คราวที่แล้วว่าจะเสนอค่า PE ของกองทุน แต่พอย้อนกลับไปดูแล้ว
เป็นค่า PE ที่ไม่อัพเดท เท่าที่ควร ขอผลัดไปก่อน
ตอนแรกว่าจะ ทำกองทุนโดยเอากองทุนของกระทู้มุงกองทุนมาทำ
แต่ไหนๆ ทำแล้ว ก็เลยทำซะเยอะเลย
(ใครอยากให้เพิ่มกองทุนที่ตัวเองถือไว้ ทิ้งชื่อกองทุนไว้นะครับจะทำให้)
ตารางเลยเหลือแค่ ผลตอบแทน +ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน+ค่าธรรมเนียม
ตัวอย่าง

หมายเหตุ
1. ช่อง S.D. 3 ปี เอามาทำต่อเป็นตารางที่ไฮไลท์สีเทา ครับ ว่าโอกาสที่จะเกิดกี่%
รวมกันแล้วได้ 99.8% กว่า เพราะยังมีโอการอีก 0.2% ที่จะคลาดเคลื่อนจากนี้
ค่า S.D. จะบอกเราว่า เราควรจะเลือกกองทุนที่มี ความผันผวน ต่ำ เพราะ
ถ้าค่า S.D.สูง เวลาขาดทุน จะทำให้เราหล่นลงไปไกลมาก
เรียกว่า ค่านี้บอกเราว่า เวลาขาดทุนต้องขาดทุนให้เป็น
2.ช่อง Sharpe Ratio สูตรคือ (ผลตอบแทน-ทรัพย์สินที่ไม่มีความเสี่ยง/ค่าเบี่ยงเบนมาตราฐาน)
ผมลองเช็คกลับจากเวบต่างๆ ก็ทำให้ งง มากมาย ไม่รู้ว่า ทรัพย์สินที่ไม่มีความเสี่ยงของ
แต่ละกองทุนทำไม ไม่เท่ากัน
ในตาราง 1 ปี ผมแทนด้วยอัตราพันธบัตรรัฐบาล 1 ปี เดือนธันวาคม 56= 2.38%
และ 3 ปี ผมแทนด้วยอัตราพันธบัตรรัฐบาล 3 ปี เดือนธันวาคม 56= 3.01%
ค่า Sharpe Ratio จะบอกเราว่า เงินที่เราลงทุนไปคุ้มค่าแค่ไหน ยิ่งมากยิ่งดี
ถ้ากรณี ค่านี้ ติดลบ แปลว่า ปีนั้น (เช่นปีนี้) บางกองฝากเงินได้ผลตอบแทนมากกว่า
มาดูโอกาสทางทฤษฏีกันบ้าง เรียกว่า 68-95-99.7 rule

หมายถึงโอกาสที่จะเกิดผลตอบแทนโดยวัดจากค่า SD นั่นเอง

การคำนวณ เราใช้ค่าผลตอบแทนเฉลี่ย 3 ปี เป็นจุดกลาง แล้ว+/- ไปทีละ 1 ค่า SD
จากตัวอย่าง hidiv มีผลตอบแทน 3ปี อยู่ที่ 9.60 ค่าSD 3ปี อยู่ที่ 21.93
ส่วน kfsdiv มีผลตอบแทน 3ปี อยู่ที่ 15.23 ค่าSD 3ปี อยู่ที่ 19.29
จะเห็นว่าปีนี้ ผลตอบแทนของทั้งกองทุน ตกอยู่ที่ -2SD ซึ่งมีโอกาสอยู่ที่ 95%
แต่กอง hidiv ติดลบมากกว่า -14.79 ขณะที่ kfsdiv ติดลบเพียง -6.84
(จะเห็นว่าที่ -2SD โอกาสเกิดเท่ากัน แต่ผลตอบแทนติดลบต่างกันถึง 10%)
สรุปว่า เราควรเลือกเก็บทรัพย์สิน (หุ้น+ตราสารหนี้+น้ำมัน+ฯลฯ) ผสมกัน
โดยเราบริหาร ให้ผลตอบแทน กับ ค่า SD เท่าๆ กัน หรือห่างกันไม่มากนัก
ผมทำตารางให้แต่ละ บลจ.แล้ว เพราะถ้าลงหมด จะรู้สึกว่าตาลายใครมีของใครก็คลิกดูกันครับ
สีชมพู คือกองที่ลงทุนต่างประเทศ
กรุงไทย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กรุงศรี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กสิกรไทย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทหารไทย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ธนชาต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ไทยพาณิชย์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บัวหลวง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อื่นๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดท้าย
1.กองต่างประเทศ (ประเทศพัฒนาแล้ว) ยังน่าสนใจในอีก 3-6 เดือน
2.แต่กองตราสารหนี้ (โดยเฉพาะประเทศพัฒนา) ยังผันผวนต่อไป เพราะ qe ที่คาดว่า
อาจจะลดลงในการประชุม fomc แต่ละครั้ง ครั้งละ 10000 ล้าน
3.set ไทย สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์คาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 1534 จุด
ผมลองเปรียบเทียบปีที่แล้ว กับปีนี้

ถ้าเรามาพูดกันตัวเลขกลมๆ ปีที่แล้ว 1520 คือกรอบบน 1260 คือกรอบล่าง
(กรณีที่ดีที่สุด กรอบบนคือ 1650 แย่สุด กรอบล่างคือ 1130)
ปีนี้ กรอบบนคือ 1416 กรอบล่างคือ 1181 (หรือจำง่ายๆ คือ 1400-1200) ตอนนี้ set อยู่ตรงกลางพอดี
(กรณีดีสุด กรอบบนคือ 1534 แย่สุด กรอบล่างคือ 1063)
คงพอกำหนดในใจได้ว่า ตอนไหนควรซื้อ ตอนไหนควรหยุด และตอนไหนควรกระโดดหนี
เป็นค่า PE ที่ไม่อัพเดท เท่าที่ควร ขอผลัดไปก่อน
ตอนแรกว่าจะ ทำกองทุนโดยเอากองทุนของกระทู้มุงกองทุนมาทำ
แต่ไหนๆ ทำแล้ว ก็เลยทำซะเยอะเลย
(ใครอยากให้เพิ่มกองทุนที่ตัวเองถือไว้ ทิ้งชื่อกองทุนไว้นะครับจะทำให้)
ตารางเลยเหลือแค่ ผลตอบแทน +ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน+ค่าธรรมเนียม
ตัวอย่าง

หมายเหตุ
1. ช่อง S.D. 3 ปี เอามาทำต่อเป็นตารางที่ไฮไลท์สีเทา ครับ ว่าโอกาสที่จะเกิดกี่%
รวมกันแล้วได้ 99.8% กว่า เพราะยังมีโอการอีก 0.2% ที่จะคลาดเคลื่อนจากนี้
ค่า S.D. จะบอกเราว่า เราควรจะเลือกกองทุนที่มี ความผันผวน ต่ำ เพราะ
ถ้าค่า S.D.สูง เวลาขาดทุน จะทำให้เราหล่นลงไปไกลมาก
เรียกว่า ค่านี้บอกเราว่า เวลาขาดทุนต้องขาดทุนให้เป็น
2.ช่อง Sharpe Ratio สูตรคือ (ผลตอบแทน-ทรัพย์สินที่ไม่มีความเสี่ยง/ค่าเบี่ยงเบนมาตราฐาน)
ผมลองเช็คกลับจากเวบต่างๆ ก็ทำให้ งง มากมาย ไม่รู้ว่า ทรัพย์สินที่ไม่มีความเสี่ยงของ
แต่ละกองทุนทำไม ไม่เท่ากัน
ในตาราง 1 ปี ผมแทนด้วยอัตราพันธบัตรรัฐบาล 1 ปี เดือนธันวาคม 56= 2.38%
และ 3 ปี ผมแทนด้วยอัตราพันธบัตรรัฐบาล 3 ปี เดือนธันวาคม 56= 3.01%
ค่า Sharpe Ratio จะบอกเราว่า เงินที่เราลงทุนไปคุ้มค่าแค่ไหน ยิ่งมากยิ่งดี
ถ้ากรณี ค่านี้ ติดลบ แปลว่า ปีนั้น (เช่นปีนี้) บางกองฝากเงินได้ผลตอบแทนมากกว่า
มาดูโอกาสทางทฤษฏีกันบ้าง เรียกว่า 68-95-99.7 rule

หมายถึงโอกาสที่จะเกิดผลตอบแทนโดยวัดจากค่า SD นั่นเอง

การคำนวณ เราใช้ค่าผลตอบแทนเฉลี่ย 3 ปี เป็นจุดกลาง แล้ว+/- ไปทีละ 1 ค่า SD
จากตัวอย่าง hidiv มีผลตอบแทน 3ปี อยู่ที่ 9.60 ค่าSD 3ปี อยู่ที่ 21.93
ส่วน kfsdiv มีผลตอบแทน 3ปี อยู่ที่ 15.23 ค่าSD 3ปี อยู่ที่ 19.29
จะเห็นว่าปีนี้ ผลตอบแทนของทั้งกองทุน ตกอยู่ที่ -2SD ซึ่งมีโอกาสอยู่ที่ 95%
แต่กอง hidiv ติดลบมากกว่า -14.79 ขณะที่ kfsdiv ติดลบเพียง -6.84
(จะเห็นว่าที่ -2SD โอกาสเกิดเท่ากัน แต่ผลตอบแทนติดลบต่างกันถึง 10%)
สรุปว่า เราควรเลือกเก็บทรัพย์สิน (หุ้น+ตราสารหนี้+น้ำมัน+ฯลฯ) ผสมกัน
โดยเราบริหาร ให้ผลตอบแทน กับ ค่า SD เท่าๆ กัน หรือห่างกันไม่มากนัก
ผมทำตารางให้แต่ละ บลจ.แล้ว เพราะถ้าลงหมด จะรู้สึกว่าตาลายใครมีของใครก็คลิกดูกันครับ
สีชมพู คือกองที่ลงทุนต่างประเทศ
กรุงไทย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กรุงศรี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กสิกรไทย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทหารไทย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ธนชาต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ไทยพาณิชย์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บัวหลวง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อื่นๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดท้าย
1.กองต่างประเทศ (ประเทศพัฒนาแล้ว) ยังน่าสนใจในอีก 3-6 เดือน
2.แต่กองตราสารหนี้ (โดยเฉพาะประเทศพัฒนา) ยังผันผวนต่อไป เพราะ qe ที่คาดว่า
อาจจะลดลงในการประชุม fomc แต่ละครั้ง ครั้งละ 10000 ล้าน
3.set ไทย สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์คาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 1534 จุด
ผมลองเปรียบเทียบปีที่แล้ว กับปีนี้

ถ้าเรามาพูดกันตัวเลขกลมๆ ปีที่แล้ว 1520 คือกรอบบน 1260 คือกรอบล่าง
(กรณีที่ดีที่สุด กรอบบนคือ 1650 แย่สุด กรอบล่างคือ 1130)
ปีนี้ กรอบบนคือ 1416 กรอบล่างคือ 1181 (หรือจำง่ายๆ คือ 1400-1200) ตอนนี้ set อยู่ตรงกลางพอดี
(กรณีดีสุด กรอบบนคือ 1534 แย่สุด กรอบล่างคือ 1063)
คงพอกำหนดในใจได้ว่า ตอนไหนควรซื้อ ตอนไหนควรหยุด และตอนไหนควรกระโดดหนี
แสดงความคิดเห็น








[กระทู้มุงกองทุน] รายงานNAV ประจำวันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2557
รายงาน NAV