คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
มันก็แล้วแต่ว่า จขกท มีวิชาชีพอื่นที่จะใช้หาเงินได้หรือเปล่านะ หรือกะจะหาเงินด้วยทักษะภาษาล้วนๆ
แต่ถ้าเป็นหาเงินด้วยทักษะภาษาล้วนๆนะ
เราพยายามเรียนภาษาอังกฤษนอกมหาลัยเหมือนที่ Agatha Christie เรียนคือป้าเค้าไม่เคยเข้าโรงเรียนและไม่เคยเข้ามหาลัย แต่ป้าเค้าเรียนอ่านเขียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองจนเขียนได้สวยงามไฮโซระดับเขียนนิยายขายได้ทั่วโลกอ้ะ
และเราจะเรียนภาษาที่ 3 ด้วยตัวเอง เหมือนที่ ว. ณ เมืองลุงเรียนภาษาจีนจนเก่งกลายเป็นนักแปลที่มีผลงานดีเด่นมากๆ
เราใช้ภาษาอังกฤษหาเงิน เราเรียนจบแค่ ม.ต้นเอง เราทำงานแปลเอกสาร และแปลหนังสือ เมื่อก่อนเราคิดจะเรียนต่อเอาปริญญาด้านภาษาแต่เราไปค้นข้อมูลเรื่องเนื้อหาหลักสูตรมหาลัยต่างๆ แล้วค้นพบว่าเราต้องเรียนวิชาบังคับที่เราไม่อยากฝืนใจเรียนตั้งมากมาย เช่น ไทยศึกษา สังคมศาสตร์ literature หรือ European history หรืออะไรทำนองนี้ เราว่ามันเสียเวลา เราเลยใช้ google ค้นสื่อการสอนภาษาอังกฤษ แล้วเน้นเอาแต่เนื้อๆในบางส่วนของสาขา English Studies ที่จะปูทางให้ภาษาอังกฤษของเราเก่งใกล้เคียงเจ้าของภาษามากที่สุดให้ได้ อย่างเช่นเรียนพวกวิชา phonetics and phonology, syntax หรือเรียนรู้เรื่องการทดสอบใช้งาน applications เพื่อช่วยเรียนภาษาอะไรทำนองเนี้ย (ส่วนใหญ่จะหา training videos มาเรียนเอง)
^
การเรียนเจาะตรงโดยไม่เสียเวลาเรียนวิชาบังคับที่ไม่เกี่ยวกับ English Studies ทำให้ writing skills เรากระโดดก้าวไกลไปมากๆ แบบใช้มันประกวดราคางานแปล (ส่งตัวอย่างการแปลดีๆ) ไปแข่งได้งานแปลราคาแพงๆมาได้เรื่อยๆ (โดยเราสามารถเอาชนะนักแปลที่จบวุฒิสูงๆได้บ่อยๆ) โดยที่สำนักพิมพ์กับลูกค้าดูแค่ทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ และการแปลของเรา ไม่ได้สนใจดูวุฒิการศึกษาของเรา
^
จากความสำเร็จที่ผ่านมา ตอนนี้เราเลยกลายเป็นใจกล้ามากยิ่งๆขึ้น (กล้าเลิกล้มความตั้งใจที่จะเรียนเอาปริญญา เพราะคิดว่าไม่สำคัญสำหรับเราอีกต่อไปแล้ว) กะจะเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองต่อไปให้เก่งพอที่จะเขียนหนังสือภาษาอังกฤษขายต่างแดนได้ (เราอยากเก่งแบบ Agatha Christie ที่เรียนเขียนภาษาอังกฤษได้โดยไม่ต้องเข้าโรงเรียนและไม่ต้องเข้ามหาลัย) และเรียนภาษาจีนด้วยตัวเองให้ทำงานแปลภาษาจีนได้อีกภาษาหนึ่ง แบบที่ ว. ณ เมืองลุงเคยทำได้สำเร็จมาแล้ว
google เป็นแหล่งความรู้อันมีค่า คนที่ใช้ google เก่งมากๆสามารถเรียนภาษาต่างชาติได้ตั้งหลายภาษาให้เก่งมากๆระดับใช้ทำงานหาเงินได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปเรียนต่างประเทศหรือเรียนมหาลัยเลย เพียงแต่ใครจะใจกล้าเรียนด้วยตัวเองหรือเปล่าเท่านั้น เพราะถ้าใจไม่เด็ดเดี่ยวพอและทำไม่สำเร็จ (คือเรียนไปแล้วไม่เก่งจริง) โอกาสตกงานก็มีสูงมากๆ แต่เผอิญเราตกงานในเมืองไทยเพราะไร้ปริญญาจนเรามีภูมิคุ้มกันสูงมากๆ และรู้ทางหนีทีไล่พลิกแพลงในการหาเงินจนเราเอาชนะความยากลำบากมาได้แล้ว
แต่ถ้าเป็นหาเงินด้วยทักษะภาษาล้วนๆนะ
เราพยายามเรียนภาษาอังกฤษนอกมหาลัยเหมือนที่ Agatha Christie เรียนคือป้าเค้าไม่เคยเข้าโรงเรียนและไม่เคยเข้ามหาลัย แต่ป้าเค้าเรียนอ่านเขียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองจนเขียนได้สวยงามไฮโซระดับเขียนนิยายขายได้ทั่วโลกอ้ะ
และเราจะเรียนภาษาที่ 3 ด้วยตัวเอง เหมือนที่ ว. ณ เมืองลุงเรียนภาษาจีนจนเก่งกลายเป็นนักแปลที่มีผลงานดีเด่นมากๆ
เราใช้ภาษาอังกฤษหาเงิน เราเรียนจบแค่ ม.ต้นเอง เราทำงานแปลเอกสาร และแปลหนังสือ เมื่อก่อนเราคิดจะเรียนต่อเอาปริญญาด้านภาษาแต่เราไปค้นข้อมูลเรื่องเนื้อหาหลักสูตรมหาลัยต่างๆ แล้วค้นพบว่าเราต้องเรียนวิชาบังคับที่เราไม่อยากฝืนใจเรียนตั้งมากมาย เช่น ไทยศึกษา สังคมศาสตร์ literature หรือ European history หรืออะไรทำนองนี้ เราว่ามันเสียเวลา เราเลยใช้ google ค้นสื่อการสอนภาษาอังกฤษ แล้วเน้นเอาแต่เนื้อๆในบางส่วนของสาขา English Studies ที่จะปูทางให้ภาษาอังกฤษของเราเก่งใกล้เคียงเจ้าของภาษามากที่สุดให้ได้ อย่างเช่นเรียนพวกวิชา phonetics and phonology, syntax หรือเรียนรู้เรื่องการทดสอบใช้งาน applications เพื่อช่วยเรียนภาษาอะไรทำนองเนี้ย (ส่วนใหญ่จะหา training videos มาเรียนเอง)
^
การเรียนเจาะตรงโดยไม่เสียเวลาเรียนวิชาบังคับที่ไม่เกี่ยวกับ English Studies ทำให้ writing skills เรากระโดดก้าวไกลไปมากๆ แบบใช้มันประกวดราคางานแปล (ส่งตัวอย่างการแปลดีๆ) ไปแข่งได้งานแปลราคาแพงๆมาได้เรื่อยๆ (โดยเราสามารถเอาชนะนักแปลที่จบวุฒิสูงๆได้บ่อยๆ) โดยที่สำนักพิมพ์กับลูกค้าดูแค่ทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ และการแปลของเรา ไม่ได้สนใจดูวุฒิการศึกษาของเรา
^
จากความสำเร็จที่ผ่านมา ตอนนี้เราเลยกลายเป็นใจกล้ามากยิ่งๆขึ้น (กล้าเลิกล้มความตั้งใจที่จะเรียนเอาปริญญา เพราะคิดว่าไม่สำคัญสำหรับเราอีกต่อไปแล้ว) กะจะเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองต่อไปให้เก่งพอที่จะเขียนหนังสือภาษาอังกฤษขายต่างแดนได้ (เราอยากเก่งแบบ Agatha Christie ที่เรียนเขียนภาษาอังกฤษได้โดยไม่ต้องเข้าโรงเรียนและไม่ต้องเข้ามหาลัย) และเรียนภาษาจีนด้วยตัวเองให้ทำงานแปลภาษาจีนได้อีกภาษาหนึ่ง แบบที่ ว. ณ เมืองลุงเคยทำได้สำเร็จมาแล้ว
google เป็นแหล่งความรู้อันมีค่า คนที่ใช้ google เก่งมากๆสามารถเรียนภาษาต่างชาติได้ตั้งหลายภาษาให้เก่งมากๆระดับใช้ทำงานหาเงินได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปเรียนต่างประเทศหรือเรียนมหาลัยเลย เพียงแต่ใครจะใจกล้าเรียนด้วยตัวเองหรือเปล่าเท่านั้น เพราะถ้าใจไม่เด็ดเดี่ยวพอและทำไม่สำเร็จ (คือเรียนไปแล้วไม่เก่งจริง) โอกาสตกงานก็มีสูงมากๆ แต่เผอิญเราตกงานในเมืองไทยเพราะไร้ปริญญาจนเรามีภูมิคุ้มกันสูงมากๆ และรู้ทางหนีทีไล่พลิกแพลงในการหาเงินจนเราเอาชนะความยากลำบากมาได้แล้ว
แสดงความคิดเห็น
ถ้าให้เลือกระหว่างเรียนต่อโทในไทย กับเรียนภาษาที่สามในต่างประเทศ เพื่อนๆจะเลือกแบบไหนคะ
ปล. แสดงความคิดเห็นกันมาได้ ยังไงก็ไม่มีผลกับ จขกท. เพราะตัดสินใจเองไปแล้ว อยากทราบความเห็นของเพื่อนๆค่ะ