นายก รักษาเนื้อร้ายเพื่อกัดกินระบอบประชาธิปไตย

วันนี้ได้ไปอ่านหนังสือ ของ เซอร์โมธัมเปีย
ถึง ทฤษฏี การปกครองกรุงเก่า
สมัยก่อนทำไมถึงมีการปราบปราม กบฏ ราวกับแม่มด

เพราะผู้ครองอำนาจ ถ้าปล่อยให้ กบฏ กระจายข่าวสาร รวบรวมไพร่พลได้มากแล้ว จะยิ่งยากจะปราบปราม และสุดท้ายก็เหมือนปล่อยไฟให้ลุกโชนมาเผาตัวเอง

นายกยิ่งลักษณ์  อ้างรักประชาชน ไม่อาจจะสั่งปราบปรามขั้นเด็ดขาดจนมีการล้มตายได้ และยอมถอยไม่คิดจะเป็นศัตรูกับประชาชนนั้น
ก็เท่ากับการ เห็นกองไฟ กองเล็กๆเกิดแล้ว แต่ไม่คิดจะช่วยกันดับ ธรรมดาวิสัย ผู้ใดเห็นไฟเริ่มลุกไหม้บ้านเรือนตนแล้ว ผู้นั้นก็ย่อมที่จะรีบร้อนหาทางดับไฟ ยากจะอยู่นิ่งเฉยได้
ขณะนี้เพราะความนิ่งเฉย ของนายก ไฟกองเล็กๆในวันนั้น ได้ถูกกระพือลุกโหม จนกลายเป็นไฟกองใหญ่ จนยากจะดับ
ประชาชนกลุ่มน้อยที่ต่อต้านรัฐบาล ไม่เครารพกติกา ได้ทำลายคนส่วนใหญ่ ทำลายชาติ เศร็ษฐกิจ การสัญจร เกิดการข่มขู่ผู้สัญจร เกิดการลักทรัพย์ จี้ วิ่งลาว การรอบทำร้าย การข่มขืน การไม่เกรงกลัวกฏหมาย
เหล่านี้ล้วนเกิดจากการ ปล่อยให้ไฟกองเล็กลุกโชนจนสร้างความหายนะให้กับคนส่วนใหญ่

หรืออีกนัยหนึ่ง หากเปรียบประชาชนส่วนน้อยนี้เหมือนเนื้อร้าย ที่เกิดในรายการมนุษย์ การอ้างว่า เนื้อร้ายนั้นก็ ประชาชนเหมือนกัน จึงไม่พยายามกำจัดทิ้ง และปล่อยให้เนื้อร้ายเหล่านั้น ลุกรามแผ่ขยายวงกว้าง กัดกินเนื้อดีไปทีละนิดทีละนิด
คนที่ไม่ได้สนับสนุนเนื้อร้ายเหล่านี้ ก็พลอยเกิดความเสียหายตามไปด้วย  ที่สุดแล้วก็เกิดความหายนะตามมากับคนหมู่มาก เรียกได้ว่า ถ้าไม่ยอมตัดขาทิ้ง ชีวิตก็ไม่รอด  และนี่คือผลงานของนักบริหารธุรกิจ แต่ไม่ใช่นักบริหารรัฐศาสตร์ ผลร้ายจึงเกิดมากกว่าผลดี เพียงเพื่อรักษาประชาชนหมู่น้อยที่เป็นเนื้อร้ายของระบอบประชาธิปไตย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่