...มันล้างแค้นเขาได้...
เขานอนนิ่งอยู่ใต้ตู้โชว์ไม้สักขนาดใหญ่ เจ็บแปลบบริเวณที่ถูกปักด้วยปลายแหลมของกระจกตู้ที่แตกและเสียบทะลุกลางหลัง เขามองดูมันนิ่งๆ แทบไม่กระพริบตา มันเหมือนรู้ว่าเขากำลังจ้องมันเช่นกัน เพราะมันอยู่ตรงนั้น นิ่งสนิท ไม่เคลื่อนไหว ทั้งๆ ที่โดยวิสัยแล้วมันเป็นสัตว์ที่ไม่อยู่นิ่ง ระแวดระวัง และรวดเร็วในการเคลื่อนไหว แต่ในเวลานี้มันจ้องเขานิ่งเหมือนประหนึ่งจะเย้ยหยันว่ามันไม่มีวันที่จะตายด้วยน้ำมือของเขาเป็นอันขาด
เขาย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อต้นเดือน คอนโดมิเนียมชานเมือง ขนาบด้วยคลองเล็กๆ สองด้าน มีเรือหางยาวแล่นผ่านเป็นมลภาวะทางเสียงหนึ่งในสิ่งที่เขาต้องใช้ความอดทนนอกเหนือไปจากมัน... ถัดจากคลองเป็นสวนผลไม้กว้างสุดลูกหูลูกตา และแค่เพียงข้ามสะพานไปเท่านั้น ก็จะเหมือนเป็นอีกเมืองหนึ่งทันทีด้วยความเจริญที่คืบก้าวเข้าครอบคลุมทุกอณูพื้นที่ของลมหายใจ เขาจึงเลือก “ไสส่ง” ตัวเองออกมาจากสิ่งเหล่านั้นด้วยมั่นใจว่า ชานเมืองไม่ห่างไกลกรุงเทพฯ นี้จะสุขสงบพอที่เขาจะอยู่ไปได้นานๆ ครั้งแรกที่เขามาสำรวจตรวจตราห้องเช่าแห่งนี้ก่อนจะตัดสินใจเซ็นสัญญาเช่าหกเดือนนั้น ทุกอย่างดูเหมาะสม ลงตัว ทั้งบรรยากาศ และสภาพแวดล้อมทั่วไป
สองวันแรกเขาอยู่อย่างเป็นสุขและค่อนข้างสงบ เว้นแต่เสียงเรือหางยาวซึ่งมักจะแล่นฝ่าคุ้งน้ำด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ดังไกลทั่วพื้นที่ในรัศมีสองกิโลเมตร เขากำลังพยายามปรับตัว ถึงแม้จะเกลียดเสียงดังทุกชนิดแต่เมื่อเลือกที่จะปักหลัก (อย่างน้อยก็หกเดือน) นั่นหมายความว่าเขาต้องอดทนกับสรรพเสียงเหล่านี้ต่อไป แต่แล้วคืนที่สามเขาก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงอะไรบางอย่างบนฝ้าเพดาน เขาเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ มันยังวิ่งพล่านไปทั่วเสมือนหนึ่งฝ้าเพดานนั้นเป็นสนามกีฬาแห่งชาติ เขาใช้ด้ามไม้กวาดกระทุ้งไปบนฝ้า และมันทำให้หลอดประหยัดไฟแบบขดดับไปหนึ่งหลอด ถึงแม้เสียงนั้นจะเงียบลง แต่ก็เพียงพักเดียวเท่านั้น มันเริ่มวิ่งกันอีกครั้ง คราวนี้เป็นเสียงคล้ายกับว่ามันกำลังวิ่งจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งของสนามกีฬา ตัวหนึ่งวิ่งไปก่อนแล้วอีกตัววิ่งตาม เขานอนฟังเสียงมันอยู่อย่างนั้นเป็นนานกว่าจะข่มตาให้หลับลง หมายใจว่าในตอนเช้าต้องหาทางทำอะไรบางอย่างแน่นอน
แต่เขาก็ลืมเรื่องของพวกมันไปในตอนเช้าหลังจากสำรวจตรวจตราความเรียบร้อยก่อนล็อคกุญแจห้องพักแล้วออกไปเผชิญวิบากกรรมบนท้องถนนแข่งกับเวลาเพื่อไปทำงานซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของสะพานกรุงเทพ เขายังเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนคนหาเช้ากินค่ำทั่วไป ใช้ชีวิตให้หมดวันไปกับงานและการเสพสุข ไม่ได้มีปลายทางมากไปกว่าอยู่ให้ถึงเช้าของอีกวัน
วันนี้เขามาทำงานสาย เขาไม่ชอบรูปแบบการลงเวลานัก นั่นไม่ได้ช่วยวัดศักยภาพการทำงานแม้สักนิด พนักงานบางคนมาถึงที่ทำงานและตอกบัตรในเวลาเจ็ดโมงเช้า แต่นั่งละเลียดกาแฟ เข้าห้องน้ำ สูบบุหรี่ อ่านหนังสือพิมพ์ที่เน้นข่าวอาชญากรรมและการเมืองด้วยตัวหนังสือขนาดมองไกลสองเมตรยังเห็นชัด และเริ่มทำงานจริงเวลาเดียวกับที่เขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานแล้ว หากลงเวลาเข้าคือแปดโมงสิบนาที แต่การตอกบัตรลงเวลากลับมีอิทธิพลมากเมื่อถึงปลายปี พนักงานที่ “ลงเวลา” เช้าๆ แต่ทำกำไรให้บริษัทได้แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นได้ขึ้นเงินเดือน ขณะที่พนักงานซึ่งเข้างานสายกว่านั้นต่อให้ทำกำไรให้บริษัทถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นถูกลดเงินเดือน... และเขาเป็นหนึ่งในคนประเภทหลัง
และทันทีที่เสียงนาฬิกาตอกบัตรดังบอกเวลาเลิกงาน เขาวางปากกาเก็บของกลับบ้าน ขณะเดียวกับที่คนมาลงเวลาเจ็ดโมงเช้าลุกจากเก้าอี้ไปแล้ว
กลับถึงห้องพักก็เหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไรได้อีก เขานอนแผ่บนที่นอนมองขึ้นไปยังเพดาน แล้วฉุกคิด... มันเงียบเสียง หรือมันจะย้ายนิวาสสถานจากฝ้าเพดานไปที่อื่นแล้ว หรือมันอาจแค่ไปรังควาญห้องอื่นมันอยู่ที่นี่มาก่อนเขา มันย่อมต้องรู้จักที่ทางที่จะเข้านอกออกในสถานที่ต่างๆ พอดู ขณะที่กำลังเคลิ้มหลับเพราะความอ่อนเพลียเสียงที่ดังอยู่ในถังขยะทำให้เขาดีดตัวลุกขึ้นทันใด และเป็นทันทีที่มันวิ่งผ่านหน้าไป
“มันจะมากไปแล้วนะ” เขาพึมพำกับตัวเอง และเดินรอบห้องหาช่องทางที่มันเข้ามา ทั้งๆ ที่ห้องปิดสนิท ไม่มีกระทั่งกระแสลมจะลอดผ่านเข้ามาได้ แล้วมันเข้ามาจากตรงไหน เขาแทบจะรื้อข้าวของออกมากองไว้กลางห้องเพื่อหา “รู” ที่มันจะมุดเข้ามาได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบว่าเจ้าตัวแสบนั้นจะโผล่มาจากที่ไหนได้ เขานั่งนิ่ง เฝ้ามองไปที่ถังขยะเผื่อจะพบช่องที่มันวิ่งออกมา จากนั่งเป็นเอนตัวลงนอน และหลับไปในที่สุด แต่ไม่นานเสียงถุงพลาสติกในถังขยะก็ดังแกรกกรากขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาคว้าไม้กวาดได้ก็ตีลงไปทันที แต่ไม่มีวี่แววของมันแล้ว มันไวเสียกว่าปรอด เขามัดปากถุงแล้วนำขยะไปทิ้ง... ไม่มีเสียงของพวกมันในห้องแล้ว แต่มันกลับไปวิ่งเริงร่ากันบนฝ้าเพดานเช่นเคย... เถอะ อย่างน้อยคืนนี้มันก็ไม่มีอะไรจะให้ลงไปคลุกคุ้ยเล่นได้อีกแล้ว เช้าถัดมาเขาก็ไปทำงานสาย...
และทันทีที่กลับถึงห้อง เขากวาดสายตาสำรวจไปทั่วบริเวณห้อง คราวนี้กระปุกพลาสติกใส่ครีมเทียมถูกกัดจนฝาสีแดงกระจุยกระจาย ใยสังเคราะห์ของที่นอนหลุดออกมาอยู่ด้านนอกพร้อมรอยกัดแทะเป็นรูโหว่ เขาดิ่งไปหาตู้เสื้อผ้าตรวจตราละเอียดยิบทุกตัว โชคดีที่เป็นตู้ไม้ทึบ มันยังไม่เข้าไปเล่นซ่อนหากันในนั้น เขาเดินไปที่ตู้โชว์ไม้สักมองผ่านบานประตูตู้กระจกเข้าไป ตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์ ยังอยู่ดี ตุ๊กตาจีนและกรอบรูปยังอยู่ในสภาพเดิม โมเดลรถแข่ง เครื่องบินจำลอง และของเล่นไม้ยังไม่ถูกทำลายลง
กลับมาที่ชั้นวางของ บะหมี่สำเร็จรูปถูกกัดถุงเป็นรูหกเกลื่อน ถุงข้าวสารที่เพิ่งซื้อมายังไม่ทันได้เปิดใช้ถูกมันกัดก้นถุง ข้าวไหลออกมาเป็นทาง และแถมด้วยเม็ดสีดำขนาดเท่าเม็ดข้าวสารปะปนอยู่ในกองเกลื่อนนั้นด้วย นั่นทำให้เขาฉุนขาดจนแทบจะเอาไม้ไล่ตีมันให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนั้น กว่าจะเก็บทุกสิ่งทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางได้ก็ปาเข้าไปค่อนคืน
“ไง สายทุกวันเลยนี่” เสียงเหน็บจาก ‘เจ็ดโมงเช้า’ เขาไม่สนใจกระทั่งจะปรายตามอง แต่ตรงดิ่งไปยังอีกคนที่พอจะสนทนากันได้
“มีอะไรพอที่จะกำจัดหนูได้มั่งไหม” คำถามไม่อ้อมค้อม
“กับดักสิ ไปซื้อกับดักแล้วเอามาวางตรงที่หนูมันวิ่งประจำ เอาเหยื่อวางล่อ เดี๋ยวมันก็เข้าไป แล้วค่อยเอาไปปล่อย” ผู้มีศีลและธรรมที่สุดในสำนักงานเสนอแนะอย่างนั้น
“เห็นเขาว่ามีไม้ไล่หนู ใช้ได้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่เคยลอง ไปซื้อมาวางดูสิ เผื่อมันจะได้ผล” อีกคนที่อยู่ข้างฝ่ายสันถวไมตรียังยืนยันด้วยวิธี ’ขับไล่’
“ก็ทำเหมือนมันเป็นเพื่อนไปเลย อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข อยากวิ่งก็วิ่งไป ว่างๆ ก็ชวนมันมานั่งอ่านหนังสือด้วยกัน”
“อย่าทำอะไรมันเลย มันก็เป็นสิ่งมีชีวิตหาเช้ากินค่ำเหมือนเรา” ติดตลกไปก็เท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องน่าขำสักนิด ลองสิ ถ้ามันได้เข้ามาอยู่ในชีวิตใครแล้วจะไม่รู้สึกเหมือนมีก้อนกรวดในรองเท้าได้ มันอาจจะไม่ทำให้รู้สึกเหมือนโลกจะถล่ม ฟ้าดินจะทลาย โรงเรียนถูกเผาและข่าวอาชญากรรมรายวัน แต่มันคือแหล่งเพาะเชื้อที่ขึ้นชื่อที่สุด
“ตราบใดที่มันไม่มาแทะเล็บตีนผมตอนหลับ มันก็อยู่อย่างสงบของมันไป” เจ้าหน้าที่จากฝ่ายการตลาดบอกอย่างนั้น
“ถ้าเป็นผม ผมจะวางยา” อีกเสียงดังขึ้นด้านหลังจากฝ่ายวางแผนและนโยบาย หลังจากที่โต๊ะทำงานกลายเป็นที่รวมกลุ่มสนทนาเรื่องกำจัดหนู
“ตายไปตกนรก” ข้อเสนอแนะของเลขาผู้บริหาร ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มสนทนา
“ผมอาจจะตายก่อนมัน ถ้าไม่ทำให้มันตายก่อนผม” ความคิดเห็นสุดท้ายจากหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของบริษัท
นั่นทำให้ตัดสินใจได้ ถึงแม้ว่าหัวข้อการสนทนาของวันนั้นจะไม่ใช่เรื่องฟุตบอล การเมือง และผู้หญิง แต่เรื่องราวของเขาก็ดังไปทั่วสำนักงาน ทุกคนรู้ว่าเขากำลังมีก้อนกรวดอยู่ในรองเท้า
เขาหยิบหนังสือพิมพ์รายวันฉบับล่าสุดพาดหัวข่าวการฆาตกรรมรายวันที่ภาคใต้มาอ่าน เพื่อปิดประเด็นสนทนา และนั่นทำให้เขาหวนคิดไปถึงผู้บริหารประเทศ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นจะแค่ “เหมือนมีก้อนกรวดอยู่ในรองเท้า หรือมีหนูวิ่งอยู่บนฝ้าเพดานบ้าน” ก็เกินคาดเดา เขาไม่รู้หรอกว่าผู้มีอำนาจในเรื่องนี้จะจัดการกับหนูหรือก้อนกรวด
เรื่องสั้น : ชัยชนะ
เขานอนนิ่งอยู่ใต้ตู้โชว์ไม้สักขนาดใหญ่ เจ็บแปลบบริเวณที่ถูกปักด้วยปลายแหลมของกระจกตู้ที่แตกและเสียบทะลุกลางหลัง เขามองดูมันนิ่งๆ แทบไม่กระพริบตา มันเหมือนรู้ว่าเขากำลังจ้องมันเช่นกัน เพราะมันอยู่ตรงนั้น นิ่งสนิท ไม่เคลื่อนไหว ทั้งๆ ที่โดยวิสัยแล้วมันเป็นสัตว์ที่ไม่อยู่นิ่ง ระแวดระวัง และรวดเร็วในการเคลื่อนไหว แต่ในเวลานี้มันจ้องเขานิ่งเหมือนประหนึ่งจะเย้ยหยันว่ามันไม่มีวันที่จะตายด้วยน้ำมือของเขาเป็นอันขาด
เขาย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อต้นเดือน คอนโดมิเนียมชานเมือง ขนาบด้วยคลองเล็กๆ สองด้าน มีเรือหางยาวแล่นผ่านเป็นมลภาวะทางเสียงหนึ่งในสิ่งที่เขาต้องใช้ความอดทนนอกเหนือไปจากมัน... ถัดจากคลองเป็นสวนผลไม้กว้างสุดลูกหูลูกตา และแค่เพียงข้ามสะพานไปเท่านั้น ก็จะเหมือนเป็นอีกเมืองหนึ่งทันทีด้วยความเจริญที่คืบก้าวเข้าครอบคลุมทุกอณูพื้นที่ของลมหายใจ เขาจึงเลือก “ไสส่ง” ตัวเองออกมาจากสิ่งเหล่านั้นด้วยมั่นใจว่า ชานเมืองไม่ห่างไกลกรุงเทพฯ นี้จะสุขสงบพอที่เขาจะอยู่ไปได้นานๆ ครั้งแรกที่เขามาสำรวจตรวจตราห้องเช่าแห่งนี้ก่อนจะตัดสินใจเซ็นสัญญาเช่าหกเดือนนั้น ทุกอย่างดูเหมาะสม ลงตัว ทั้งบรรยากาศ และสภาพแวดล้อมทั่วไป
สองวันแรกเขาอยู่อย่างเป็นสุขและค่อนข้างสงบ เว้นแต่เสียงเรือหางยาวซึ่งมักจะแล่นฝ่าคุ้งน้ำด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ดังไกลทั่วพื้นที่ในรัศมีสองกิโลเมตร เขากำลังพยายามปรับตัว ถึงแม้จะเกลียดเสียงดังทุกชนิดแต่เมื่อเลือกที่จะปักหลัก (อย่างน้อยก็หกเดือน) นั่นหมายความว่าเขาต้องอดทนกับสรรพเสียงเหล่านี้ต่อไป แต่แล้วคืนที่สามเขาก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงอะไรบางอย่างบนฝ้าเพดาน เขาเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ มันยังวิ่งพล่านไปทั่วเสมือนหนึ่งฝ้าเพดานนั้นเป็นสนามกีฬาแห่งชาติ เขาใช้ด้ามไม้กวาดกระทุ้งไปบนฝ้า และมันทำให้หลอดประหยัดไฟแบบขดดับไปหนึ่งหลอด ถึงแม้เสียงนั้นจะเงียบลง แต่ก็เพียงพักเดียวเท่านั้น มันเริ่มวิ่งกันอีกครั้ง คราวนี้เป็นเสียงคล้ายกับว่ามันกำลังวิ่งจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งของสนามกีฬา ตัวหนึ่งวิ่งไปก่อนแล้วอีกตัววิ่งตาม เขานอนฟังเสียงมันอยู่อย่างนั้นเป็นนานกว่าจะข่มตาให้หลับลง หมายใจว่าในตอนเช้าต้องหาทางทำอะไรบางอย่างแน่นอน
แต่เขาก็ลืมเรื่องของพวกมันไปในตอนเช้าหลังจากสำรวจตรวจตราความเรียบร้อยก่อนล็อคกุญแจห้องพักแล้วออกไปเผชิญวิบากกรรมบนท้องถนนแข่งกับเวลาเพื่อไปทำงานซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของสะพานกรุงเทพ เขายังเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนคนหาเช้ากินค่ำทั่วไป ใช้ชีวิตให้หมดวันไปกับงานและการเสพสุข ไม่ได้มีปลายทางมากไปกว่าอยู่ให้ถึงเช้าของอีกวัน
วันนี้เขามาทำงานสาย เขาไม่ชอบรูปแบบการลงเวลานัก นั่นไม่ได้ช่วยวัดศักยภาพการทำงานแม้สักนิด พนักงานบางคนมาถึงที่ทำงานและตอกบัตรในเวลาเจ็ดโมงเช้า แต่นั่งละเลียดกาแฟ เข้าห้องน้ำ สูบบุหรี่ อ่านหนังสือพิมพ์ที่เน้นข่าวอาชญากรรมและการเมืองด้วยตัวหนังสือขนาดมองไกลสองเมตรยังเห็นชัด และเริ่มทำงานจริงเวลาเดียวกับที่เขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานแล้ว หากลงเวลาเข้าคือแปดโมงสิบนาที แต่การตอกบัตรลงเวลากลับมีอิทธิพลมากเมื่อถึงปลายปี พนักงานที่ “ลงเวลา” เช้าๆ แต่ทำกำไรให้บริษัทได้แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นได้ขึ้นเงินเดือน ขณะที่พนักงานซึ่งเข้างานสายกว่านั้นต่อให้ทำกำไรให้บริษัทถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นถูกลดเงินเดือน... และเขาเป็นหนึ่งในคนประเภทหลัง
และทันทีที่เสียงนาฬิกาตอกบัตรดังบอกเวลาเลิกงาน เขาวางปากกาเก็บของกลับบ้าน ขณะเดียวกับที่คนมาลงเวลาเจ็ดโมงเช้าลุกจากเก้าอี้ไปแล้ว
กลับถึงห้องพักก็เหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไรได้อีก เขานอนแผ่บนที่นอนมองขึ้นไปยังเพดาน แล้วฉุกคิด... มันเงียบเสียง หรือมันจะย้ายนิวาสสถานจากฝ้าเพดานไปที่อื่นแล้ว หรือมันอาจแค่ไปรังควาญห้องอื่นมันอยู่ที่นี่มาก่อนเขา มันย่อมต้องรู้จักที่ทางที่จะเข้านอกออกในสถานที่ต่างๆ พอดู ขณะที่กำลังเคลิ้มหลับเพราะความอ่อนเพลียเสียงที่ดังอยู่ในถังขยะทำให้เขาดีดตัวลุกขึ้นทันใด และเป็นทันทีที่มันวิ่งผ่านหน้าไป
“มันจะมากไปแล้วนะ” เขาพึมพำกับตัวเอง และเดินรอบห้องหาช่องทางที่มันเข้ามา ทั้งๆ ที่ห้องปิดสนิท ไม่มีกระทั่งกระแสลมจะลอดผ่านเข้ามาได้ แล้วมันเข้ามาจากตรงไหน เขาแทบจะรื้อข้าวของออกมากองไว้กลางห้องเพื่อหา “รู” ที่มันจะมุดเข้ามาได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบว่าเจ้าตัวแสบนั้นจะโผล่มาจากที่ไหนได้ เขานั่งนิ่ง เฝ้ามองไปที่ถังขยะเผื่อจะพบช่องที่มันวิ่งออกมา จากนั่งเป็นเอนตัวลงนอน และหลับไปในที่สุด แต่ไม่นานเสียงถุงพลาสติกในถังขยะก็ดังแกรกกรากขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาคว้าไม้กวาดได้ก็ตีลงไปทันที แต่ไม่มีวี่แววของมันแล้ว มันไวเสียกว่าปรอด เขามัดปากถุงแล้วนำขยะไปทิ้ง... ไม่มีเสียงของพวกมันในห้องแล้ว แต่มันกลับไปวิ่งเริงร่ากันบนฝ้าเพดานเช่นเคย... เถอะ อย่างน้อยคืนนี้มันก็ไม่มีอะไรจะให้ลงไปคลุกคุ้ยเล่นได้อีกแล้ว เช้าถัดมาเขาก็ไปทำงานสาย...
และทันทีที่กลับถึงห้อง เขากวาดสายตาสำรวจไปทั่วบริเวณห้อง คราวนี้กระปุกพลาสติกใส่ครีมเทียมถูกกัดจนฝาสีแดงกระจุยกระจาย ใยสังเคราะห์ของที่นอนหลุดออกมาอยู่ด้านนอกพร้อมรอยกัดแทะเป็นรูโหว่ เขาดิ่งไปหาตู้เสื้อผ้าตรวจตราละเอียดยิบทุกตัว โชคดีที่เป็นตู้ไม้ทึบ มันยังไม่เข้าไปเล่นซ่อนหากันในนั้น เขาเดินไปที่ตู้โชว์ไม้สักมองผ่านบานประตูตู้กระจกเข้าไป ตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์ ยังอยู่ดี ตุ๊กตาจีนและกรอบรูปยังอยู่ในสภาพเดิม โมเดลรถแข่ง เครื่องบินจำลอง และของเล่นไม้ยังไม่ถูกทำลายลง
กลับมาที่ชั้นวางของ บะหมี่สำเร็จรูปถูกกัดถุงเป็นรูหกเกลื่อน ถุงข้าวสารที่เพิ่งซื้อมายังไม่ทันได้เปิดใช้ถูกมันกัดก้นถุง ข้าวไหลออกมาเป็นทาง และแถมด้วยเม็ดสีดำขนาดเท่าเม็ดข้าวสารปะปนอยู่ในกองเกลื่อนนั้นด้วย นั่นทำให้เขาฉุนขาดจนแทบจะเอาไม้ไล่ตีมันให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนั้น กว่าจะเก็บทุกสิ่งทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางได้ก็ปาเข้าไปค่อนคืน
“ไง สายทุกวันเลยนี่” เสียงเหน็บจาก ‘เจ็ดโมงเช้า’ เขาไม่สนใจกระทั่งจะปรายตามอง แต่ตรงดิ่งไปยังอีกคนที่พอจะสนทนากันได้
“มีอะไรพอที่จะกำจัดหนูได้มั่งไหม” คำถามไม่อ้อมค้อม
“กับดักสิ ไปซื้อกับดักแล้วเอามาวางตรงที่หนูมันวิ่งประจำ เอาเหยื่อวางล่อ เดี๋ยวมันก็เข้าไป แล้วค่อยเอาไปปล่อย” ผู้มีศีลและธรรมที่สุดในสำนักงานเสนอแนะอย่างนั้น
“เห็นเขาว่ามีไม้ไล่หนู ใช้ได้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่เคยลอง ไปซื้อมาวางดูสิ เผื่อมันจะได้ผล” อีกคนที่อยู่ข้างฝ่ายสันถวไมตรียังยืนยันด้วยวิธี ’ขับไล่’
“ก็ทำเหมือนมันเป็นเพื่อนไปเลย อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข อยากวิ่งก็วิ่งไป ว่างๆ ก็ชวนมันมานั่งอ่านหนังสือด้วยกัน”
“อย่าทำอะไรมันเลย มันก็เป็นสิ่งมีชีวิตหาเช้ากินค่ำเหมือนเรา” ติดตลกไปก็เท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องน่าขำสักนิด ลองสิ ถ้ามันได้เข้ามาอยู่ในชีวิตใครแล้วจะไม่รู้สึกเหมือนมีก้อนกรวดในรองเท้าได้ มันอาจจะไม่ทำให้รู้สึกเหมือนโลกจะถล่ม ฟ้าดินจะทลาย โรงเรียนถูกเผาและข่าวอาชญากรรมรายวัน แต่มันคือแหล่งเพาะเชื้อที่ขึ้นชื่อที่สุด
“ตราบใดที่มันไม่มาแทะเล็บตีนผมตอนหลับ มันก็อยู่อย่างสงบของมันไป” เจ้าหน้าที่จากฝ่ายการตลาดบอกอย่างนั้น
“ถ้าเป็นผม ผมจะวางยา” อีกเสียงดังขึ้นด้านหลังจากฝ่ายวางแผนและนโยบาย หลังจากที่โต๊ะทำงานกลายเป็นที่รวมกลุ่มสนทนาเรื่องกำจัดหนู
“ตายไปตกนรก” ข้อเสนอแนะของเลขาผู้บริหาร ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มสนทนา
“ผมอาจจะตายก่อนมัน ถ้าไม่ทำให้มันตายก่อนผม” ความคิดเห็นสุดท้ายจากหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของบริษัท
นั่นทำให้ตัดสินใจได้ ถึงแม้ว่าหัวข้อการสนทนาของวันนั้นจะไม่ใช่เรื่องฟุตบอล การเมือง และผู้หญิง แต่เรื่องราวของเขาก็ดังไปทั่วสำนักงาน ทุกคนรู้ว่าเขากำลังมีก้อนกรวดอยู่ในรองเท้า
เขาหยิบหนังสือพิมพ์รายวันฉบับล่าสุดพาดหัวข่าวการฆาตกรรมรายวันที่ภาคใต้มาอ่าน เพื่อปิดประเด็นสนทนา และนั่นทำให้เขาหวนคิดไปถึงผู้บริหารประเทศ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นจะแค่ “เหมือนมีก้อนกรวดอยู่ในรองเท้า หรือมีหนูวิ่งอยู่บนฝ้าเพดานบ้าน” ก็เกินคาดเดา เขาไม่รู้หรอกว่าผู้มีอำนาจในเรื่องนี้จะจัดการกับหนูหรือก้อนกรวด