นี่คือบันทึกความรู้สึกกึ่งบทความวิจารณ์หนัง อาจมีข้อความ แสดงความรู้สึกเยิ่นเย้อของผู้เขียนปนอยู่มาก ถ้าอยากหามุมมองที่แตกต่างออกไปบ้าง ผู้เขียนก็หวังว่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่าน ขออภัยถ้าไม่ถูกใจ และขอขอบคุณที่อ่านจนจบ
เรื่องราวของคนดนตรีที่เสมือนจริง ดูไปสะอื้นในใจไป ทั้งยิ้ม ทั้งหัวเราะ ทั้งเศร้าจนน้ำตาซึม แต่เราต้องยอมรับว่ามันคือเรื่องจริงของวงการเพลง ไม่ว่าจะที่ไหน เมื่อไหร่ อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต หวนให้นึกถึงคำโบราณ 'คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า' จะมีกี่คนที่ไปถึงฝันที่สวยงามปลายรุ้ง ได้อิ่มเอมกับชับชนะแสนจอมปลอมที่แฝงกายมาด้วยชื่อเสียงเงินทอง และอีกกี่มากมายที่ต้องประสบกับเหตุการณ์เดียวกับ เลวิน เดวิส ชายผู้เปรียบเป็นตัวแทนของนักดนตรีที่มีฝัน... เคยฝัน... และพยายามหยุดฝัน!
แต่เชื่อเถอะ ถ้าเราเอาหลักการมาวัดกันในเรื่องของความฝัน ไม่มีตรรกะใดมาเปรียบเทียบได้หรอก เพราะบางครั้งความฝันก็เป็นดั่งเกราะกำบังแสนงดงาม เพียงเพื่อให้เราได้หลบหนีจากความจริงแสนโหดร้ายที่ต้องเผชิญ เมื่อมันหอมหวานแบบนี้แล้วผู้ใดที่เคยได้ตกอยู่ในห้วงแห่งหฤหรรษ์นี้แล้ว คงยากที่จะถอนตัว
สำหรับ ฉัน มีจุดเชื่อมโยงกับหนังเรื่องนี้อยู่หลายจุดเลยทีเดียว ทั้งที่จับต้องได้กีดี เช่น การร้องเพลง แมว หรือ ที่รู้สึกได้ก็ดีเช่น ความภาคภูมิในเสียงร้องและตัวตนในความเป็นคนดนตรีที่เราเฝ้าหล่อหลอมให้ตัวเองเป็นได้ในลักษณะแบบนี้
...ขอคิดแบบ ลูวิน ก็เป็นแบบนี้ ใครจะทำไม ถ้าไม่ชอบ ก็ได้โปรดอย่ามาเปลี่ยนแปลงให้ตัวเราเป็นอย่างที่คนอื่นอยากให้เป็น ปล่อยให้เราเติบโตในแบบที่เราต้องการเถอะ สักวันหนึ่ง เราจะเจอคนที่ต้องการแบ่งปันความฝันเดียวกับเรา เพื่อใช้เยียวยาความบอบช้ำทางอุดมการณ์เฉกเช่นเดียวกัน...ฉันคิดอย่างนี้นะ
ฉากที่ประทับใจมาก คือ ฉากที่ ลูวิน ขับรถกลับมานิวยอร์ค ด้วยสภาพอ่อนล้าอย่างเต็มที่ ฉับพลัน ก็มี แมว! วิ่งตัดหน้ารถจนถูกชนเข้าอย่างจัง ไม่มีใครสนใจแม้แต่ชายผู้หลับใหลอยู่ข้างๆก็ตาม
ใช่! แมว แมว ตัวเดิม ตัวตัวที่เคยหยิ่งผยอง กล้าอวดดีออกไปเผชิญอันตรายบนท้องถนน ที่เต็มไปด้วยรถราพลุกพล่านมากมาย และในที่สุด มันก็เจ็บตัวจนได้
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ถ้ายังไม่ตาย แมวผู้แสนอวดดีตัวนั้นก็ตัดสินใจมุ่งหน้าเดินทางต่อไปในป่ากว้าง เพื่อรอคอยว่าวันหนึ่ง มันจะกลับมาแข็งแรงร่าเริงสดใสได้เหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง
...จุกเลย! ฉันเคยมั่นใจ กล้าเสี่ยง กล้าทดลอง แค่การล้มเหลวไม่กี่ครั้ง กลับทำให้ฉันละทิ้งความฝันนั้นไปอย่างแสนเสียดาย ไม่พร้อมเดินทางต่อไปในถนนสายชีวิต ที่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครหยุดอยู่กับที่ได้ นอกจาก ความตายเท่านั้น ที่จะลบเราออกจาโลกใบนี้
ฉะนั้น ถ้ายังหายใจอยู่ ก็จงไปต่อ จะบอบช้ำแค่ไหน ให้เวลาเป็นยารักษา ....หยุดพักที่จะฝันได้ ขอแต่อย่าเลิกล้มความฝัน ถ้ามันช่วยหล่อเลี้ยงให้ชีวิตขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างมีความหวัง
เข้าเรื่องเกี่ยวกับหนัง หนังเรื่องนี้ บทดีมาก ขอแนะนำสำหรับคนที่ชอบดูหนังที่ใช้คาแรคเตอร์ของตัวละครมาขับเคลื่อนให้เนื้อเรื่องที่แสนจะน่าเบื่อเดินทางไปข้างหน้าอย่างน่าติดตามและพอเพลิดเพลิน แม้ว่าที่สุดแล้วหนังจะไม่ได้พาเราไปไหนไกล ถึงวนกลับมาที่จุดเดิมอย่างมีชั้นเชิงของเรื่อง งงเล็กๆในตอนจบ
แต่กลับรู้สึกอิ่มเอมใจ และมีความหวังที่จะออกเดินทางด้วยความฝันอีกครั้ง น่าแปลกใจจริงๆ อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ที่แสนจะอับโชคของลูวิน ที่ทำให้รู้สึกว่า โลกนี้ไม่ได้มีเราคนเดียวสักหน่อยที่โชคไม่ดี สักวันมันก็ต้องเป็นวันของเราบ้า่ง ถ้าเรายังเลือกที่ลงมือทำ ฉันนึกออกแค่นั้นเองจริงๆ
ขอให้มีความสุขกับการชมภาพยนตร์
[CR] Inside Llewyn Davis (คน กีต้าร์ แมว) สปอล์ย
เรื่องราวของคนดนตรีที่เสมือนจริง ดูไปสะอื้นในใจไป ทั้งยิ้ม ทั้งหัวเราะ ทั้งเศร้าจนน้ำตาซึม แต่เราต้องยอมรับว่ามันคือเรื่องจริงของวงการเพลง ไม่ว่าจะที่ไหน เมื่อไหร่ อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต หวนให้นึกถึงคำโบราณ 'คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า' จะมีกี่คนที่ไปถึงฝันที่สวยงามปลายรุ้ง ได้อิ่มเอมกับชับชนะแสนจอมปลอมที่แฝงกายมาด้วยชื่อเสียงเงินทอง และอีกกี่มากมายที่ต้องประสบกับเหตุการณ์เดียวกับ เลวิน เดวิส ชายผู้เปรียบเป็นตัวแทนของนักดนตรีที่มีฝัน... เคยฝัน... และพยายามหยุดฝัน!
แต่เชื่อเถอะ ถ้าเราเอาหลักการมาวัดกันในเรื่องของความฝัน ไม่มีตรรกะใดมาเปรียบเทียบได้หรอก เพราะบางครั้งความฝันก็เป็นดั่งเกราะกำบังแสนงดงาม เพียงเพื่อให้เราได้หลบหนีจากความจริงแสนโหดร้ายที่ต้องเผชิญ เมื่อมันหอมหวานแบบนี้แล้วผู้ใดที่เคยได้ตกอยู่ในห้วงแห่งหฤหรรษ์นี้แล้ว คงยากที่จะถอนตัว
สำหรับ ฉัน มีจุดเชื่อมโยงกับหนังเรื่องนี้อยู่หลายจุดเลยทีเดียว ทั้งที่จับต้องได้กีดี เช่น การร้องเพลง แมว หรือ ที่รู้สึกได้ก็ดีเช่น ความภาคภูมิในเสียงร้องและตัวตนในความเป็นคนดนตรีที่เราเฝ้าหล่อหลอมให้ตัวเองเป็นได้ในลักษณะแบบนี้
...ขอคิดแบบ ลูวิน ก็เป็นแบบนี้ ใครจะทำไม ถ้าไม่ชอบ ก็ได้โปรดอย่ามาเปลี่ยนแปลงให้ตัวเราเป็นอย่างที่คนอื่นอยากให้เป็น ปล่อยให้เราเติบโตในแบบที่เราต้องการเถอะ สักวันหนึ่ง เราจะเจอคนที่ต้องการแบ่งปันความฝันเดียวกับเรา เพื่อใช้เยียวยาความบอบช้ำทางอุดมการณ์เฉกเช่นเดียวกัน...ฉันคิดอย่างนี้นะ
ฉากที่ประทับใจมาก คือ ฉากที่ ลูวิน ขับรถกลับมานิวยอร์ค ด้วยสภาพอ่อนล้าอย่างเต็มที่ ฉับพลัน ก็มี แมว! วิ่งตัดหน้ารถจนถูกชนเข้าอย่างจัง ไม่มีใครสนใจแม้แต่ชายผู้หลับใหลอยู่ข้างๆก็ตาม
ใช่! แมว แมว ตัวเดิม ตัวตัวที่เคยหยิ่งผยอง กล้าอวดดีออกไปเผชิญอันตรายบนท้องถนน ที่เต็มไปด้วยรถราพลุกพล่านมากมาย และในที่สุด มันก็เจ็บตัวจนได้
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ถ้ายังไม่ตาย แมวผู้แสนอวดดีตัวนั้นก็ตัดสินใจมุ่งหน้าเดินทางต่อไปในป่ากว้าง เพื่อรอคอยว่าวันหนึ่ง มันจะกลับมาแข็งแรงร่าเริงสดใสได้เหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง
...จุกเลย! ฉันเคยมั่นใจ กล้าเสี่ยง กล้าทดลอง แค่การล้มเหลวไม่กี่ครั้ง กลับทำให้ฉันละทิ้งความฝันนั้นไปอย่างแสนเสียดาย ไม่พร้อมเดินทางต่อไปในถนนสายชีวิต ที่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครหยุดอยู่กับที่ได้ นอกจาก ความตายเท่านั้น ที่จะลบเราออกจาโลกใบนี้
ฉะนั้น ถ้ายังหายใจอยู่ ก็จงไปต่อ จะบอบช้ำแค่ไหน ให้เวลาเป็นยารักษา ....หยุดพักที่จะฝันได้ ขอแต่อย่าเลิกล้มความฝัน ถ้ามันช่วยหล่อเลี้ยงให้ชีวิตขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างมีความหวัง
เข้าเรื่องเกี่ยวกับหนัง หนังเรื่องนี้ บทดีมาก ขอแนะนำสำหรับคนที่ชอบดูหนังที่ใช้คาแรคเตอร์ของตัวละครมาขับเคลื่อนให้เนื้อเรื่องที่แสนจะน่าเบื่อเดินทางไปข้างหน้าอย่างน่าติดตามและพอเพลิดเพลิน แม้ว่าที่สุดแล้วหนังจะไม่ได้พาเราไปไหนไกล ถึงวนกลับมาที่จุดเดิมอย่างมีชั้นเชิงของเรื่อง งงเล็กๆในตอนจบ
แต่กลับรู้สึกอิ่มเอมใจ และมีความหวังที่จะออกเดินทางด้วยความฝันอีกครั้ง น่าแปลกใจจริงๆ อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ที่แสนจะอับโชคของลูวิน ที่ทำให้รู้สึกว่า โลกนี้ไม่ได้มีเราคนเดียวสักหน่อยที่โชคไม่ดี สักวันมันก็ต้องเป็นวันของเราบ้า่ง ถ้าเรายังเลือกที่ลงมือทำ ฉันนึกออกแค่นั้นเองจริงๆ
ขอให้มีความสุขกับการชมภาพยนตร์