อุดมการณ์เสรีภาพของอเมริกาที่มีอยู่(อย่างแรงกล้า)ในปัจจุบัน
มิใช่เรื่องที่เกิดขึ้นใหม่แต่อย่างไร อุดมการณ์เสรีภาพในสหรัฐอเมริกานี้เกิดขึ้นมาพร้อมๆ
กับการก่อตั้งประเทศ เสรีภาพเป็น“สิทธิที่จะทำอะไรก็ได้ตราบเท่าที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น”
เป็นสัจธรรมในตัวมันเอง กล่าวคือ ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน พวกเขาได้รับมอบสิทธิที่แน่นอน
อันไม่อาจเพิกถอนได้จากพระเจ้าผู้สร้างในบรรดาสิทธิเหล่านั้น ได้แก่ สิทธิในชีวิต สิทธิในอิสรภาพ
และสิทธิในการแสวงหาความสุข หรือที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆว่า
“ All you have to do to be free is to be born”
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าอุดมการณ์เสรีภาพในสหรัฐอเมริกานั้นจะมีกำเนิดขึ้นภายในรัฐ
แต่หากมองถึงจุดเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์ภูมิปัญญาเราก็จะพบว่า
สหรัฐอเมริกาก็ได้รับอิทธิพลแนวความคิดนี้มาจากยุโรปด้วยเช่นกัน
"เสรีภาพ คือ ไม่ใช่ทาสหรือตรงข้ามกับภาวะของการเป็นทาส"
ประเด็นหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้จากหนังเรื่องนี้คือ ความลักลั่นในกรอบความคิดเรื่อง"เสรีภาพ"
เมื่อตอนปฏิวัติ 1773 ที่สหรัฐอเมริกาเรียกร้องอิสรภาพกับอังกฤษแต่ก็ใช้คำว่า"ทาส”
ไปพร้อมๆกับคำว่า"อิสรภาพ”? เรียกร้องอิสรภาพจากผู้อื่นแต่ก็บังคับให้คนผิวดำในประเทศ
ไม่มีอิสรภาพ? ทำไมยังคงมีคนบางกลุ่มตกเป็นทาสทั้งๆที่อุดมการณ์ใหญ่ของประเทศคือ"เสรีภาพ”?
ใครที่มีสิทธิ์ใช้เสรีภาพนั้นกันแน่? ใช่ทุกคนในสังคมหรือไม่?
กระตุ้นให้ข้าพเจ้าคิดถึงข้อความในคำประกาศอิสรภาพของโธมัส เจฟเฟอร์สัน
ซึ่ง Marvin Harrisยกมาเสียดสีว่า
"ไม่มีสัจธรรมข้อไหนที่ประจักษ์แจ้งในตัวมันเอง มากไปกว่าข้อความที่ว่า...
คนเราทุกคนเกิดมาไม่เท่าเทียมกัน"
โดยอธิบายเปรียบเทียบให้เห็นกรอบความคิดของ "เสรีภาพ” ที่คู่ขนานกับแนวคิด
“เชื้อชาตินิยม”อันส่งผลต่อความคิดเรื่อง"ความเท่าเทียม"ของคนในสังคมมาจนปัจจุบัน
อีกประเด็นหนึ่งที่หนังเรื่องนี้เชื่อมโยงได้ดีก็คือ การนำกรอบความคิดของเสรีภาพ
ไปเชื่อมโยงกับกรอบแนวคิดของ"สิทธิ” ซึ่งในประเด็นนี้ต้องขอยอมรับว่า
กระตุ้นการขบคิดของข้าพเจ้าเป็นอย่างมากจนตั้งคำถามถึง “Equal right to Liberty”
ในสหรัฐอเมริกา อะไรที่คุณอ้างว่าเป็นเสรีภาพของคุณ(คนผิวขาว/นายทุน)
นั่นหมายความว่า คุณต้องยอมให้คนอื่น(ทาส/คนผิวดำ/สตรี)ทำได้ด้วย?
นอกจากนั้นยังเปิดเผยให้เห็นถึงลัทธิเหยียดเชื้อชาติ(racism)ที่ยังคงมีชีวิตอยู่
อีกทั้ง"อคติ"ที่แอบแฝงสร้างความเหลื่อมล้ำที่เป็นฐานของความรุนแรงต่อมา
ประเด็นที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุดคือ ประเด็นเรื่องการถูกทำให้เป็นทาส
และการยอมจำนน การสิ้นหวัง และการเป็นอื่น กล่าวคือ
หนังเรื่องนี้ได้พยายามแสดงให้เห็นถึง กระบวนการของการลดทอนความเป็นมนุษย์
ทั้งในด้าน นายทาส และ ตัวทาส ผู้ชมจะได้รับ “ความรู้สึก”
และมุมมองเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างมากมาย
อันจะตอบคำถามได้ว่า “ทำไมทุกคนถึงเท่ากัน”
“ข้าพเจ้าไม่อยากรอดชีวิต
แต่ข้าพเจ้าอยากใช้ชีวิต”
ปล.เขียนด้วยอารมณ์ล้วนๆ 555
หากมีข้อผิดพลาดประการใด
ต้องขออภัยมากๆ มา ณ ที่นี้
12 Years a Slave ในมุมมองของข้าพเจ้า
มิใช่เรื่องที่เกิดขึ้นใหม่แต่อย่างไร อุดมการณ์เสรีภาพในสหรัฐอเมริกานี้เกิดขึ้นมาพร้อมๆ
กับการก่อตั้งประเทศ เสรีภาพเป็น“สิทธิที่จะทำอะไรก็ได้ตราบเท่าที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น”
เป็นสัจธรรมในตัวมันเอง กล่าวคือ ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน พวกเขาได้รับมอบสิทธิที่แน่นอน
อันไม่อาจเพิกถอนได้จากพระเจ้าผู้สร้างในบรรดาสิทธิเหล่านั้น ได้แก่ สิทธิในชีวิต สิทธิในอิสรภาพ
และสิทธิในการแสวงหาความสุข หรือที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆว่า
“ All you have to do to be free is to be born”
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าอุดมการณ์เสรีภาพในสหรัฐอเมริกานั้นจะมีกำเนิดขึ้นภายในรัฐ
แต่หากมองถึงจุดเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์ภูมิปัญญาเราก็จะพบว่า
สหรัฐอเมริกาก็ได้รับอิทธิพลแนวความคิดนี้มาจากยุโรปด้วยเช่นกัน
"เสรีภาพ คือ ไม่ใช่ทาสหรือตรงข้ามกับภาวะของการเป็นทาส"
ประเด็นหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้จากหนังเรื่องนี้คือ ความลักลั่นในกรอบความคิดเรื่อง"เสรีภาพ"
เมื่อตอนปฏิวัติ 1773 ที่สหรัฐอเมริกาเรียกร้องอิสรภาพกับอังกฤษแต่ก็ใช้คำว่า"ทาส”
ไปพร้อมๆกับคำว่า"อิสรภาพ”? เรียกร้องอิสรภาพจากผู้อื่นแต่ก็บังคับให้คนผิวดำในประเทศ
ไม่มีอิสรภาพ? ทำไมยังคงมีคนบางกลุ่มตกเป็นทาสทั้งๆที่อุดมการณ์ใหญ่ของประเทศคือ"เสรีภาพ”?
ใครที่มีสิทธิ์ใช้เสรีภาพนั้นกันแน่? ใช่ทุกคนในสังคมหรือไม่?
กระตุ้นให้ข้าพเจ้าคิดถึงข้อความในคำประกาศอิสรภาพของโธมัส เจฟเฟอร์สัน
ซึ่ง Marvin Harrisยกมาเสียดสีว่า
"ไม่มีสัจธรรมข้อไหนที่ประจักษ์แจ้งในตัวมันเอง มากไปกว่าข้อความที่ว่า...
คนเราทุกคนเกิดมาไม่เท่าเทียมกัน"
โดยอธิบายเปรียบเทียบให้เห็นกรอบความคิดของ "เสรีภาพ” ที่คู่ขนานกับแนวคิด
“เชื้อชาตินิยม”อันส่งผลต่อความคิดเรื่อง"ความเท่าเทียม"ของคนในสังคมมาจนปัจจุบัน
อีกประเด็นหนึ่งที่หนังเรื่องนี้เชื่อมโยงได้ดีก็คือ การนำกรอบความคิดของเสรีภาพ
ไปเชื่อมโยงกับกรอบแนวคิดของ"สิทธิ” ซึ่งในประเด็นนี้ต้องขอยอมรับว่า
กระตุ้นการขบคิดของข้าพเจ้าเป็นอย่างมากจนตั้งคำถามถึง “Equal right to Liberty”
ในสหรัฐอเมริกา อะไรที่คุณอ้างว่าเป็นเสรีภาพของคุณ(คนผิวขาว/นายทุน)
นั่นหมายความว่า คุณต้องยอมให้คนอื่น(ทาส/คนผิวดำ/สตรี)ทำได้ด้วย?
นอกจากนั้นยังเปิดเผยให้เห็นถึงลัทธิเหยียดเชื้อชาติ(racism)ที่ยังคงมีชีวิตอยู่
อีกทั้ง"อคติ"ที่แอบแฝงสร้างความเหลื่อมล้ำที่เป็นฐานของความรุนแรงต่อมา
ประเด็นที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุดคือ ประเด็นเรื่องการถูกทำให้เป็นทาส
และการยอมจำนน การสิ้นหวัง และการเป็นอื่น กล่าวคือ
หนังเรื่องนี้ได้พยายามแสดงให้เห็นถึง กระบวนการของการลดทอนความเป็นมนุษย์
ทั้งในด้าน นายทาส และ ตัวทาส ผู้ชมจะได้รับ “ความรู้สึก”
และมุมมองเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างมากมาย
อันจะตอบคำถามได้ว่า “ทำไมทุกคนถึงเท่ากัน”
“ข้าพเจ้าไม่อยากรอดชีวิต
แต่ข้าพเจ้าอยากใช้ชีวิต”
ปล.เขียนด้วยอารมณ์ล้วนๆ 555
หากมีข้อผิดพลาดประการใด
ต้องขออภัยมากๆ มา ณ ที่นี้