สวัสดีนะครับผมชื่อเซ้นวันนี้ผมมีประสบการณ์จริงๆของผม ที่มันดูแล้ว อ่านแล้วอาจจะยาว เหมือนกับนิยายน้ำเน่า แต่เซ้นก็คิดอย่างนั้นครับว่าชีวิตเซ้นมันยิ่งกว่าละครน้ำเน่าซะอีก เรื่องที่เซ้นจะเล่านี้ มันเป็นเรื่องความรักของเซ้นเองครับ อาจจะแปลกๆในสังคนแต่เซ้นอยากให้อ่านครับ แล้วช่วยบอกที่ว่าเซ้นทำถูก หรือ ผิด แล้วถ้าเซ้นทำผิดเซ้นยังสามารถแก้ไข ได้อย่างไรครับ เซ้นมืดแปดด้านแล้วครับ เซ้นไไม่กล้าปรึกษาใครเลยครับ ช่วยหน่อยคราบ.......
ความรักของผม
สวัสดีครับผมชื่อ เซ้น วันนี้ผมมีเหตุการณ์ที่ผมกักเก็บมันไว้นานแล้วผมไม่สามารถระบายออกไป พูดให้ใครฟังได้เลย เพราะว่าผมยังไม่แน่ใจว่ามันจะทำให้ผมต้องเศร้าเสียใจหรือดีใจ เรื่องความรักของผมอาจจะไม่เหมือนความรักของคนอื่นโดยทั่วไป มันทั้งแปลก มันน่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แต่มันก็เป็นไปแล้ว เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อตอนที่ผมยังเป็นเด็กอายุสิบสามปี หรือประมาณว่าผมเพิ่งจะสอบเข้า ม หนึ่ง ของโรงเรียนแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศไทย วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมเข้าสอบที่โรงเรียนระดับมัธยมตอนต้นวันแรกที่ผมไปผมไม่รู้จักใครเลยเพื่อนของผมก็กระจาย ไปคนละทาง สองทาง ผมก็อยู่แบบคนไร้ญาติคราบ ก็ยืนอยู่ใต้อาคารเรียนงะคราบไม่รุว่าไปทางไหนยืนรอผลสอบอยู่คราบก็มีใครไม่ รู้มาสะกิดผมที่ไหลด้านหลัง ตอนแรกผมก็นึกว่าเพื่อนๆของผมแต่ที่ไหนได้เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งครับ ที่นั่งหน้าผมตอบอยู่ในห้องสอบนั้นเองครับ ตอนเขาเรียกผมก็ไม่ได้สนใจอะไรครับ แค่มองผ่านๆก็ขาวๆรูปร่างสมสวนครับแต่ผมก็ไม่ได้สนใจไรมากกว่านั้นครับ เค้าก็ถามว่าชื่อไร ผมบอกว่าชื่อเซ้น แล้วผมก็ถามกลับไปบ้างว่านายงะชื่ออะไร เค้าบอกว่า มาย (นามสมมุติ หรือว่าจริงวะ)55 หลังจากนั้นทำความรู้จักกันก็สนิทกันมากๆครับ ไปไหนไปด้วยกันมันก็ตามปกติของคนที่เหงาๆอยากมีเพื่อนคุยแหละครับพอเจอเพื่อนใหม่เลยสนิทกันมากตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรนะครับ แต่พอไม่นานด้วยความที่เราสนิทกันมากผมจึงได้มีโอกาศดูเค้าแบบเต็มตามากขึ้น ได้รู้จักนิสัยของเค้าคนนั้นผมคนหล่อมากๆๆๆๆๆ เลยครับ(นี่ผมเพิ่งรู้หรอไอ้เซ้น) ก็มันมีอยู่คาบหนึ่งครับผมนั่งอยู่กับเพื่อนๆในห้องตามปกติของเด็กคาบว่างละครับก็นั่งอยู่บนเก้าอี้หัวล้านตัวหนึ่งครับ(เก้าอี้หัวล้านก็ไม่มีที่พิงหลังงะครับ) ผมก็นั่งคนละตัวกับมายแต่ซักประเดียวหนึ่งมายก็มานั่งหลังผมแบบสนิทชิดมากๆๆขนาดว่าไอ้ตัวน้อยนั้นมันมาทาบอยู่กับผมงะครับ แล้วไม่พอยังเอาคางมาเท้าบนไหลเราด้วยในระยะที่ว่าแค่หันผมโดนจูบงะและที่สำคัญเค้ากอดผมด้วยงะตอนนั้นผมต้องรีบลุกขึ้นไปห้องน้ำ (อย่าคิดมากครับผมไม่ใช่คนลามก ไม่หื่นขนาดนั้น)ผมบอกว่าขอเข้าห้องน้ำก่อน เดี่ยวมาก็รีบ เดิน สลับกับวิ่ง และก็มาอยู่ในห้องน้ำ รู้สึกเขินๆแปลกๆ อยากที่จะต่อว่ามันมากมะกี้ แต่ใจจริงๆไม่อยากลุกขึ้นมาเลยอยากอยู่นานๆ แต่ก็ไม่ได้ต้องรักนวลสะหงวนตัว(เพราะผมถือถ้าไม่แน่ใจ ผมไม่รักจริง จ้างก็ไม่ให้ห้าๆแต่คนนี้ผมรักครับรักมากๆครครับแต่ต้องรักษา กักเก็บอาการไว้)แล้วผมก็ยืนบ้าอยู่ในห้องน้ำอีกสักพักใหญ่แล้วก็เรียนวิชาต่อไป(กรูบ้าจนหมดคาบในห้องน้ำเนี่ยนะ)พอผมเข้าไปในห้องมายมันก็บอกว่าให้ผมนั่งข้างๆ แถมเน้นด้วยเร็วๆ!!! ผมก็ไปนั่งตามคำสั่งของที่รักครy[ (รักแต่ผม) หลังจากนั้นเวลาผ่านไปไม่นานผมกับมายเริ่มมีอะไรเข้ามาใหม่ๆอีกหลายอย่างทั้งเพื่อนต่างๆที่เข้ามาเราทั้งสองก็เริ่มห่างกันจนแทบจะไม่มีเวลาให้กันเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ผมรู้สึกเสียใจ น้อยใจ ทั้งๆที่มายยังอยู่กับผมแต่ผมก็รู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิมหลังจากนั้นผมจึงรู้ว่าผมชอบมาย รัก เข้าแบบถอนตัวแบบไม่ขึ้นแล้ว (บ้าจริงเรา) เราก็ห่างเหินกันเป็นเทอมเลยนะครับตั้งแต่มอสองทอมแรก แต่พอเทอมสองอะไรมันก็เปลี่ยนไปผมกับมายก็ยังเหมือนเดิมแหละคราบแต่พอครั้งนี้มันมากกว่านั้นนะสิครับเราสนิทกันจนมันเกินเส้นของคำว่าเพื่อนไปแล้ว ก่อนสอบในแต่ละครั้งผมต้องติวให้มายตลอด(เพราะผมเองเรียนค่อนข้างดีครับ อยู่ที่สองของห้องคราบจากที่สิบสี่ของมอหนึ่ง มายก็เรียนดีครับในสายตาของผมมายทำไรดีไปหมดแหละครับมายก็เรียนอยู่ในลำดับที่เก้าไม่ก็สิบครับ ตลอด!!)นั้นก็เป็นเหตุผลหนึ่งเมื่ออยู่ในห้องผมต้องคอยลากหูให้เรียนทุกครั้งผมทำอย่างนี้มาเรื่อยครับ จนสายตาของเพื่อนในห้องต่างก็มองว่าเราเป็นไรมากกว่านั้นป่าว ผมก็ต้องรีบแก้ตัวว่าป่าว (เสียงสูง!!ครับ)มันก็มีอยู่คาบหนึ่งครับอันนี้ต้องเล่า คาบนั้นเรียนการงานแต่พอดีผมเสร็จงานก็มานั่งอยู่ที่โต๊ะ เรื่องที่มันไม่น่าจะเกิดก็เกิดมายมันตรงมาที่โต๊ะนั่งลงแล้วเอาหัวใจ(ไม่ได้ควักมาจากสำไส้ หรือข้างปอดนะครับ)หัวใจที่พับจากกระดาษครับแล้วมันก็บอกว่า “เพื่อนกูรักวะ”(ข้างๆหูนะครับ) แค่นั้นแหละครับผมหายสาบศูนย์เลย (เขิน อายมาก ถึงว่ามันอาจจะล่อเล่นก็เหอะ )วันนั้นผมไม่กล้าพูดกับมายเลย คอยหลบๆหน้า(มันยิ้มตลอด เดียวเค้ารู้)หลังจากนั้นเรื่อยมาเราทั้งสองถึงแม้ว่าไม่ไปไหนด้วยกันแต่การกระทำต่างมันชวนให้คนในห้องคิด ทั้งผมเอาใจใส่เรื่องการเรียนของมาย ไม่เรียนผมลากหู ผมงอนมายง้อน่ารักมากโทรง้อนะครับ (แล้วพูดแต่ละคำชวนคิด)แต่มายไม่เคยพูดคำหยาบกับผมเลยนะคราบตั้งแต่ มอสองเทอมสอง เมื่อก่อนอาจจะมีคำว่า กู บ้าง แต่ตอนนี้ไม่เคยครับไอ่จำพวก ถ้าจะมีก็ก็มีแต่ “กูรัก” จากเรื่องประเภทนี้งะครับก็มีเพื่อนในห้องเริ่มมองผมกับมายแล้วยิ้มแบบน่าสงสัย เริ่มแซ๋วว่า หวงจังนะ รักจังนะคนนี้ บางคนก็พูดแบบตรงๆงะครับ จำพวกว่า “เซ้นรักมายก็บอกไปสิ รักจังนะครับกับไอ้มาย” คำพวกนี้งะครับเป็นยาฆ่า!!อย่างดี ทุกครั้งที่มีคนพูดผมก็ทำได้แค่ก้มหน้างะครับ(เขินตายอยู่แหละเงยหน้าเดียวเพื่อนเห็นเรายิ้ม) แล้วเวลาแห่งความทรงจำดีๆเรื่องราวดีๆมันก็มาจบลงเมื่อวันหนึ่งมายมันเกิดมีเรื่องในโรงเรียนไม่ใช่ชกต่อยนะครับแต่เรื่องประมาณว่าไม่ถูกคอกันงะครับ จนมาวันหนึ่งตอนเรียนอยู่ในคาบคณิตศาสตร์ มายบอกกับผมว่า “เราต้องย้ายโรงเรียน” ผมก็ยิ้มให้คราบ(ทำไรไม่ถูก)ไม่พูดอะไรแค่นั้นแหละครับ แล้วผมก็ไม่ได้พูดไรต่อไปอีกแถมน้ำตาเจ้าเก่าก็ตก แต่ใครคงไม่รู้หรอกครับเพราะผมก้มหน้าเรียน และอีกอย่างคุณครูสอนอยู่เด็กในห้องก็ไม่สนใจอะไรนอกจากกระดานดำ หลังจากวันนั้นผมต้องคอยหลบหน้ามายตลอดถามอะไรผมก็ตอบไปแบบว่า ผ่านๆไปที (ผมรู้ครับว่าการกระทำของผมในตอนนี้มันเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวอย่างมาก แต่ผมทำใจไม่ได้จริงๆ ผมอยากลืม ผมไม่อยากจำอีกแล้วผมเจ็บ ทุกครั้งที่ผมต้องหลบหน้า แสร้ง แกล้งทำไม่สนใจกับคนที่ผมรักหมดใจอย่างนี้ผมเจ็บทุกครั้งน้ำตาเจ้าเก่าก็ไหลรินมาที่แก้ม มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ผมต้องทนเห็นความผิดหวังในสายตาของคนที่ผมรักต้องเศร้า เพราะด้วยอาการของผมที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ในความคิดของผมตอนนั้นมันคือทางออกที่ดี ที่สุดสำหรับเราทั้งสอง)จนเวลาของผมกับมายก็จบลงเมื่อใบประกาศผลสอบของมอสามออกเกรดมา หลังจากวันนั้นผมไม่เคยได้เจอกับมาย(คนที่รักอีกเลย)จนมาถึงตอนนี้มันมีความคิดในสมองแค่ว่า ผมอยากเห็นหน้า อยาก กอด หรือได้ยินแค่เสียงก็พอผมขอแค่นั้นก็พอแล้วผมอยากได้ยินเสียงขี้เล่นของมาย อยากเห็นหน้า อยากขอโทษแต่วันนี้มันคงสายไปแล้วเราอยู่กันคนละโรงเรียนที่ไกลกันมากแต่ยังอยู่ในจังหวัดเดียวกันแต่ในความรู้สึกเหมือนเราอยู่คนละโลก จนมาถึงวันนี้ที่ผมเองหมดหนทางออกผมจึงตัดสินใจ นั่งเขียนเล่าเรื่องความรักของผมอยู่ตอนนี้จะจบอยู่แล้ว ผมก็ยังรักมายเหมือนเดิมผมไม่สามารถรักใครได้อีกเลยใจมันยอมลืมมีคนอีกมากมายที่เข้ามาแต่ผมก็ไม่สามารถเลือกได้ เพราะคนที่ผมรักคนเดียวที่ทำให้ตัวผมได้รู้จักกับความรักก็คือมาย ถึงแม้วันนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เซ้นอยากบอกมายนะว่า “เซ้นรักมายมากนะ มาย!! เซ้น ขอโทษ!! ขอโทษที่ทำแบบนั้นกับมายขอโทษที่เฉยชา เรารู้แล้วว่าเรารักมายขนาดไหน เราลืมมายไม่ได้เลย แล้วมายละคิดถึง เซ้น บ้างมั้ย!!! …………………”
ตอนที่ผมพยายามลืมมายนั้นผมไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับ facebook เลยนะครับ เพราะอยากลืมเรื่องราวที่ทำให้เจ็บแล้วผมก็เปลี่ยนซิม แต่พออยู่มาสักพักรู้ตัวเองว่าเราผิดแล้ว เดินทางผิดไปแล้ว ก็เปิดเฟสดูเห็นเรื่องราวที่มายเขียนมาบอก เบิดเด วันเกิดนะ…รัก(ล่าสุดเมื่อ 15 ธันวาคม 2556 นี้เองครับ)แค่นั้นแหละครับผมน้ำตาแตกคาโน๊ตบุ๊คเลย แต่มันสายไปแล้วหละครับ มันสายไปแล้ว ผมมาไกลกว่าที่มันจะเดินกลับไปได้อีกแล้ว
“บางคนอ่านแล้วอาจจะเกลียดคนเขียนไปเลยก็ได้ เซ้นอยากบอกคนอ่านทุกคนนะครับ ว่าบางครั้งอะไรมันไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกของคนที่เรารัก ช่วงเวลาที่แสนสุขยากจะลืมเลือนได้ อย่าทำเหมือนเซ้น เพราะคุณอาจจะต้องมานั่งเสียใจและเกลียดตัวเองเหมือนเซ้น รักใครบอกเค้าไป ตอนที่เรายังมีเวลา ตอนที่เขายังได้ยินเราพูด บอกเค้าไปซะ เพราะว่าวันไหนที่เขาจากเราไปตะโกนจนคอแตก น้ำตาไหลรินเป็นสายเลือดเค้าคนนั้นก็ไม่ได้ยินแล้วครับ……..”
เรื่องที่ผมอยากจะระบาย(ไม่ใช่ถ่ายนะคราบ)
ความรักของผม
สวัสดีครับผมชื่อ เซ้น วันนี้ผมมีเหตุการณ์ที่ผมกักเก็บมันไว้นานแล้วผมไม่สามารถระบายออกไป พูดให้ใครฟังได้เลย เพราะว่าผมยังไม่แน่ใจว่ามันจะทำให้ผมต้องเศร้าเสียใจหรือดีใจ เรื่องความรักของผมอาจจะไม่เหมือนความรักของคนอื่นโดยทั่วไป มันทั้งแปลก มันน่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แต่มันก็เป็นไปแล้ว เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อตอนที่ผมยังเป็นเด็กอายุสิบสามปี หรือประมาณว่าผมเพิ่งจะสอบเข้า ม หนึ่ง ของโรงเรียนแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศไทย วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมเข้าสอบที่โรงเรียนระดับมัธยมตอนต้นวันแรกที่ผมไปผมไม่รู้จักใครเลยเพื่อนของผมก็กระจาย ไปคนละทาง สองทาง ผมก็อยู่แบบคนไร้ญาติคราบ ก็ยืนอยู่ใต้อาคารเรียนงะคราบไม่รุว่าไปทางไหนยืนรอผลสอบอยู่คราบก็มีใครไม่ รู้มาสะกิดผมที่ไหลด้านหลัง ตอนแรกผมก็นึกว่าเพื่อนๆของผมแต่ที่ไหนได้เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งครับ ที่นั่งหน้าผมตอบอยู่ในห้องสอบนั้นเองครับ ตอนเขาเรียกผมก็ไม่ได้สนใจอะไรครับ แค่มองผ่านๆก็ขาวๆรูปร่างสมสวนครับแต่ผมก็ไม่ได้สนใจไรมากกว่านั้นครับ เค้าก็ถามว่าชื่อไร ผมบอกว่าชื่อเซ้น แล้วผมก็ถามกลับไปบ้างว่านายงะชื่ออะไร เค้าบอกว่า มาย (นามสมมุติ หรือว่าจริงวะ)55 หลังจากนั้นทำความรู้จักกันก็สนิทกันมากๆครับ ไปไหนไปด้วยกันมันก็ตามปกติของคนที่เหงาๆอยากมีเพื่อนคุยแหละครับพอเจอเพื่อนใหม่เลยสนิทกันมากตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรนะครับ แต่พอไม่นานด้วยความที่เราสนิทกันมากผมจึงได้มีโอกาศดูเค้าแบบเต็มตามากขึ้น ได้รู้จักนิสัยของเค้าคนนั้นผมคนหล่อมากๆๆๆๆๆ เลยครับ(นี่ผมเพิ่งรู้หรอไอ้เซ้น) ก็มันมีอยู่คาบหนึ่งครับผมนั่งอยู่กับเพื่อนๆในห้องตามปกติของเด็กคาบว่างละครับก็นั่งอยู่บนเก้าอี้หัวล้านตัวหนึ่งครับ(เก้าอี้หัวล้านก็ไม่มีที่พิงหลังงะครับ) ผมก็นั่งคนละตัวกับมายแต่ซักประเดียวหนึ่งมายก็มานั่งหลังผมแบบสนิทชิดมากๆๆขนาดว่าไอ้ตัวน้อยนั้นมันมาทาบอยู่กับผมงะครับ แล้วไม่พอยังเอาคางมาเท้าบนไหลเราด้วยในระยะที่ว่าแค่หันผมโดนจูบงะและที่สำคัญเค้ากอดผมด้วยงะตอนนั้นผมต้องรีบลุกขึ้นไปห้องน้ำ (อย่าคิดมากครับผมไม่ใช่คนลามก ไม่หื่นขนาดนั้น)ผมบอกว่าขอเข้าห้องน้ำก่อน เดี่ยวมาก็รีบ เดิน สลับกับวิ่ง และก็มาอยู่ในห้องน้ำ รู้สึกเขินๆแปลกๆ อยากที่จะต่อว่ามันมากมะกี้ แต่ใจจริงๆไม่อยากลุกขึ้นมาเลยอยากอยู่นานๆ แต่ก็ไม่ได้ต้องรักนวลสะหงวนตัว(เพราะผมถือถ้าไม่แน่ใจ ผมไม่รักจริง จ้างก็ไม่ให้ห้าๆแต่คนนี้ผมรักครับรักมากๆครครับแต่ต้องรักษา กักเก็บอาการไว้)แล้วผมก็ยืนบ้าอยู่ในห้องน้ำอีกสักพักใหญ่แล้วก็เรียนวิชาต่อไป(กรูบ้าจนหมดคาบในห้องน้ำเนี่ยนะ)พอผมเข้าไปในห้องมายมันก็บอกว่าให้ผมนั่งข้างๆ แถมเน้นด้วยเร็วๆ!!! ผมก็ไปนั่งตามคำสั่งของที่รักครy[ (รักแต่ผม) หลังจากนั้นเวลาผ่านไปไม่นานผมกับมายเริ่มมีอะไรเข้ามาใหม่ๆอีกหลายอย่างทั้งเพื่อนต่างๆที่เข้ามาเราทั้งสองก็เริ่มห่างกันจนแทบจะไม่มีเวลาให้กันเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ผมรู้สึกเสียใจ น้อยใจ ทั้งๆที่มายยังอยู่กับผมแต่ผมก็รู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิมหลังจากนั้นผมจึงรู้ว่าผมชอบมาย รัก เข้าแบบถอนตัวแบบไม่ขึ้นแล้ว (บ้าจริงเรา) เราก็ห่างเหินกันเป็นเทอมเลยนะครับตั้งแต่มอสองทอมแรก แต่พอเทอมสองอะไรมันก็เปลี่ยนไปผมกับมายก็ยังเหมือนเดิมแหละคราบแต่พอครั้งนี้มันมากกว่านั้นนะสิครับเราสนิทกันจนมันเกินเส้นของคำว่าเพื่อนไปแล้ว ก่อนสอบในแต่ละครั้งผมต้องติวให้มายตลอด(เพราะผมเองเรียนค่อนข้างดีครับ อยู่ที่สองของห้องคราบจากที่สิบสี่ของมอหนึ่ง มายก็เรียนดีครับในสายตาของผมมายทำไรดีไปหมดแหละครับมายก็เรียนอยู่ในลำดับที่เก้าไม่ก็สิบครับ ตลอด!!)นั้นก็เป็นเหตุผลหนึ่งเมื่ออยู่ในห้องผมต้องคอยลากหูให้เรียนทุกครั้งผมทำอย่างนี้มาเรื่อยครับ จนสายตาของเพื่อนในห้องต่างก็มองว่าเราเป็นไรมากกว่านั้นป่าว ผมก็ต้องรีบแก้ตัวว่าป่าว (เสียงสูง!!ครับ)มันก็มีอยู่คาบหนึ่งครับอันนี้ต้องเล่า คาบนั้นเรียนการงานแต่พอดีผมเสร็จงานก็มานั่งอยู่ที่โต๊ะ เรื่องที่มันไม่น่าจะเกิดก็เกิดมายมันตรงมาที่โต๊ะนั่งลงแล้วเอาหัวใจ(ไม่ได้ควักมาจากสำไส้ หรือข้างปอดนะครับ)หัวใจที่พับจากกระดาษครับแล้วมันก็บอกว่า “เพื่อนกูรักวะ”(ข้างๆหูนะครับ) แค่นั้นแหละครับผมหายสาบศูนย์เลย (เขิน อายมาก ถึงว่ามันอาจจะล่อเล่นก็เหอะ )วันนั้นผมไม่กล้าพูดกับมายเลย คอยหลบๆหน้า(มันยิ้มตลอด เดียวเค้ารู้)หลังจากนั้นเรื่อยมาเราทั้งสองถึงแม้ว่าไม่ไปไหนด้วยกันแต่การกระทำต่างมันชวนให้คนในห้องคิด ทั้งผมเอาใจใส่เรื่องการเรียนของมาย ไม่เรียนผมลากหู ผมงอนมายง้อน่ารักมากโทรง้อนะครับ (แล้วพูดแต่ละคำชวนคิด)แต่มายไม่เคยพูดคำหยาบกับผมเลยนะคราบตั้งแต่ มอสองเทอมสอง เมื่อก่อนอาจจะมีคำว่า กู บ้าง แต่ตอนนี้ไม่เคยครับไอ่จำพวก ถ้าจะมีก็ก็มีแต่ “กูรัก” จากเรื่องประเภทนี้งะครับก็มีเพื่อนในห้องเริ่มมองผมกับมายแล้วยิ้มแบบน่าสงสัย เริ่มแซ๋วว่า หวงจังนะ รักจังนะคนนี้ บางคนก็พูดแบบตรงๆงะครับ จำพวกว่า “เซ้นรักมายก็บอกไปสิ รักจังนะครับกับไอ้มาย” คำพวกนี้งะครับเป็นยาฆ่า!!อย่างดี ทุกครั้งที่มีคนพูดผมก็ทำได้แค่ก้มหน้างะครับ(เขินตายอยู่แหละเงยหน้าเดียวเพื่อนเห็นเรายิ้ม) แล้วเวลาแห่งความทรงจำดีๆเรื่องราวดีๆมันก็มาจบลงเมื่อวันหนึ่งมายมันเกิดมีเรื่องในโรงเรียนไม่ใช่ชกต่อยนะครับแต่เรื่องประมาณว่าไม่ถูกคอกันงะครับ จนมาวันหนึ่งตอนเรียนอยู่ในคาบคณิตศาสตร์ มายบอกกับผมว่า “เราต้องย้ายโรงเรียน” ผมก็ยิ้มให้คราบ(ทำไรไม่ถูก)ไม่พูดอะไรแค่นั้นแหละครับ แล้วผมก็ไม่ได้พูดไรต่อไปอีกแถมน้ำตาเจ้าเก่าก็ตก แต่ใครคงไม่รู้หรอกครับเพราะผมก้มหน้าเรียน และอีกอย่างคุณครูสอนอยู่เด็กในห้องก็ไม่สนใจอะไรนอกจากกระดานดำ หลังจากวันนั้นผมต้องคอยหลบหน้ามายตลอดถามอะไรผมก็ตอบไปแบบว่า ผ่านๆไปที (ผมรู้ครับว่าการกระทำของผมในตอนนี้มันเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวอย่างมาก แต่ผมทำใจไม่ได้จริงๆ ผมอยากลืม ผมไม่อยากจำอีกแล้วผมเจ็บ ทุกครั้งที่ผมต้องหลบหน้า แสร้ง แกล้งทำไม่สนใจกับคนที่ผมรักหมดใจอย่างนี้ผมเจ็บทุกครั้งน้ำตาเจ้าเก่าก็ไหลรินมาที่แก้ม มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ผมต้องทนเห็นความผิดหวังในสายตาของคนที่ผมรักต้องเศร้า เพราะด้วยอาการของผมที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ในความคิดของผมตอนนั้นมันคือทางออกที่ดี ที่สุดสำหรับเราทั้งสอง)จนเวลาของผมกับมายก็จบลงเมื่อใบประกาศผลสอบของมอสามออกเกรดมา หลังจากวันนั้นผมไม่เคยได้เจอกับมาย(คนที่รักอีกเลย)จนมาถึงตอนนี้มันมีความคิดในสมองแค่ว่า ผมอยากเห็นหน้า อยาก กอด หรือได้ยินแค่เสียงก็พอผมขอแค่นั้นก็พอแล้วผมอยากได้ยินเสียงขี้เล่นของมาย อยากเห็นหน้า อยากขอโทษแต่วันนี้มันคงสายไปแล้วเราอยู่กันคนละโรงเรียนที่ไกลกันมากแต่ยังอยู่ในจังหวัดเดียวกันแต่ในความรู้สึกเหมือนเราอยู่คนละโลก จนมาถึงวันนี้ที่ผมเองหมดหนทางออกผมจึงตัดสินใจ นั่งเขียนเล่าเรื่องความรักของผมอยู่ตอนนี้จะจบอยู่แล้ว ผมก็ยังรักมายเหมือนเดิมผมไม่สามารถรักใครได้อีกเลยใจมันยอมลืมมีคนอีกมากมายที่เข้ามาแต่ผมก็ไม่สามารถเลือกได้ เพราะคนที่ผมรักคนเดียวที่ทำให้ตัวผมได้รู้จักกับความรักก็คือมาย ถึงแม้วันนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เซ้นอยากบอกมายนะว่า “เซ้นรักมายมากนะ มาย!! เซ้น ขอโทษ!! ขอโทษที่ทำแบบนั้นกับมายขอโทษที่เฉยชา เรารู้แล้วว่าเรารักมายขนาดไหน เราลืมมายไม่ได้เลย แล้วมายละคิดถึง เซ้น บ้างมั้ย!!! …………………”
ตอนที่ผมพยายามลืมมายนั้นผมไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับ facebook เลยนะครับ เพราะอยากลืมเรื่องราวที่ทำให้เจ็บแล้วผมก็เปลี่ยนซิม แต่พออยู่มาสักพักรู้ตัวเองว่าเราผิดแล้ว เดินทางผิดไปแล้ว ก็เปิดเฟสดูเห็นเรื่องราวที่มายเขียนมาบอก เบิดเด วันเกิดนะ…รัก(ล่าสุดเมื่อ 15 ธันวาคม 2556 นี้เองครับ)แค่นั้นแหละครับผมน้ำตาแตกคาโน๊ตบุ๊คเลย แต่มันสายไปแล้วหละครับ มันสายไปแล้ว ผมมาไกลกว่าที่มันจะเดินกลับไปได้อีกแล้ว
“บางคนอ่านแล้วอาจจะเกลียดคนเขียนไปเลยก็ได้ เซ้นอยากบอกคนอ่านทุกคนนะครับ ว่าบางครั้งอะไรมันไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกของคนที่เรารัก ช่วงเวลาที่แสนสุขยากจะลืมเลือนได้ อย่าทำเหมือนเซ้น เพราะคุณอาจจะต้องมานั่งเสียใจและเกลียดตัวเองเหมือนเซ้น รักใครบอกเค้าไป ตอนที่เรายังมีเวลา ตอนที่เขายังได้ยินเราพูด บอกเค้าไปซะ เพราะว่าวันไหนที่เขาจากเราไปตะโกนจนคอแตก น้ำตาไหลรินเป็นสายเลือดเค้าคนนั้นก็ไม่ได้ยินแล้วครับ……..”