ทำไมฝ่ายชายต้องเป็นคนจ่ายค่าสินสอดให้ฝ่ายหญิงด้วยครับ

สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิป พอดีวันก่อนผมนั่งคุยเล่นๆกับรุ่นน้อง เกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานและการจ่ายค่าสินสอด
โดยสรุปได้สั้นๆประมาณนี้ "ทำไม ฝ่ายชายนั้น ต้องเป็นคนจ่ายค่าสินสอด ทั้งๆที่ตอนไปขอลูกสาวเค้า ก็ใช้คำว่า "ขอ"
ซึ่งคำๆนี้คือถ้าเราถูกขอมา ก็ต้องให้ไปไม่ใช่หรอครับ ขอมาก็ให้ไป แล้วในเมื่อใช้คำว่า "ขอ" ทำไมต้องไปเสียเงินด้วย
แล้วถ้าเอาจริงๆ ถ้าไปขอเค้าแต่งงาน หรือไปขอลูกสาวกับญาติๆผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง ผมเคยเห็น และเคยได้ยินมาว่า
ลูกสาวของฉัน เลี้ยงมาอย่างดี ส่งเสีย เลี้ยงดู ร่ำเรียน จนโตมาได้ขนาดนี้ แค่นี้ไม่พอหรอกนะ แล้วเค้าไม่คิดหรอว่า
ฝ่ายชายพ่อแม่ก็เลี้ยงดูมาอย่างดี ส่งเสีย ร่ำเรียนเหมือนกัน แต่ทำไมฝ่ายชายถึงยังต้องไปเสียเงินค่าสินสอดอีกล่ะครับ
มันเหมือนไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่" อันนี้ก็เป็นความคิดที่ผมได้คุยกับรุ่นน้อง แล้วมานั่งคิดไปคิดมา ผมว่ามันก็จริงนะ
แล้วเพื่อนๆล่ะครับ มีความคิดเห็นยังไงบ้าง ไม่ต้องซีเรียสนะคับ ผมแค่อยากรู้ความคิดเห็นของหลายๆคนว่าคิดยังไง
กับเรื่องนี้ ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และแสดงความคิดเห็นครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
หัวเราะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดเห็นที่ 9
เวลามีข่าวจะแต่งงาน
ฝ่ายชาย มักจะโดนถามว่า เจ้าสาวสวยไหม
ฝ่ายหญิง มักจะโดนถามว่า ได้สินสอดเท่าไหร่

สินสอด มันเป็นทั้งหน้าตาของฝ่ายชาย และ ฝ่ายหญิง
สินสอดเป็นการแสดงถึงฐานะของฝ่ายชาย ว่ามีเงินเท่าไหร่ ในการมาสู่ของสาว

ถ้าสินสอดเงินน้อย มันบ่งบอกว่าได้สามีจน ก็คงอดคิดไม่ได้ว่า เขาจะมีปัญญาเลี้ยงดูลูกสาวเราไหวหรอ
แค่ค่าสินสอดยังไม่มีปัญญาหามาจ่าย แล้วต่อไปภายภาคหน้า เกิดมีลูกมีหลานขึ้นมา จะเอาที่ไหนเลี้ยง

สำหรับบางคนที่ลูกสาวแต่งออก ไม่ได้อยู่ช่วยพ่อแม่หาเงิน สินสอดส่วนนี้ จะเป็นเงินชดเชยรายได้ส่วนที่พ่อแม่ควรได้รับจากลูกสาว
แต่ว่าลูกเขยนำมาให้ก่อนล่วงหน้าเลย แทนรายได้ที่ลูกสาวต้องเลี้ยงดูพ่อแม่

บางบ้านที่ผู้หญิงฐานะดี บางครั้งเงินสินสอด พ่อแม่ก็ไม่เอา เก็บไว้เป็นทุนให้ลูกสาวกับลูกเขยเอาไว้ตั้งตัว
บางครั้งฝ่ายหญิงกลัวน้อยหน้า อาจจะนำเงินตนเองมารวมกับฝ่ายชาย เพื่อให้สินสอดดูเยอะขึ้น เป็นการเอาหน้าแขก
เพื่อไม่ให้ฝ่ายชายเสียหน้า ที่มีเงินน้อยกว่าฝ่ายหญิง ทำให้ผู้ชายดูดีในสายตาญาติพี่น้องว่า ไม่ได้ด้อยกว่าแต่ประการใด

เงินสินสอด ไม่จำเป็นว่าต้องเข้ากระเป๋าพ่อแม่ฝ่ายหญิงเสมอไป และพ่อแม่ฝ่ายหญิงก็ไม่ได้งกเงินทุกคน
บางบ้านที่ลูกเขยมีเงินมาก แต่ทำงานที่เสี่ยงไม่มั่นคง เงินสินสอดที่พ่อแม่เรียกมา อาจจะเก็บไว้ เผื่อยามฉุกเฉินที่ลูกมีปัญหา
กลับมากู้ยืมเงินพ่อแม่ เงินส่วนนี้พ่อแม่ก็จะคืนให้ เรียกว่าเก็บเงินของลูกไว้ให้ เผื่อเรียกใช้ยามจำเป็น  หรือยามลูกไม่มีทุนทำงาน
กลับมาขอเงินพ่อแม่ แทนที่จะไปกู้ยืมคนอื่นเขา พ่อแม่ก็อาจจะนำเงินนี้มาคืนให้เป็นทุนทำกินได้อีกเช่นกัน


ส่วนฝ่ายชาย มันเป็นตัวชี้วัดฐานะตนเองที่ชัดเจน บ่งบอกถึงความร่ำรวย
และถ้าเป็นลูกชายคนโต ในครอบครัวคนจีน งานแต่งแทบจะยกกิจการให้เป็นของขวัญงานแต่งงานเลย เพราะการแต่งงาน
เป็นการบ่งบอกว่า ผู้ชายเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีครอบครัว มีความรับผิดชอบแล้ว สามารถดูแลกิจการได้แล้ว กิจการที่ยกให้
ถือว่าเป็นทุนในการตั้งตัวทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว เงินสินสอดอาจจะไม่ใช่เงินที่ตัวเจ้าบ่าวเป็นคนออกทั้งหมด
อาจจะเป็นเงินพ่อแม่ที่ออกให้ เงินนี้จะกลายเป็นทุนที่พ่อแม่ยกให้ผู้ชายไว้ตั่งตัว เลี้ยงดูครอบครัวตนเอง


มันแล้วแต่แนวคิดของพ่อแม่แต่ละคน ว่ามีความคิดเรื่องเงินสินสอดอย่างไร
แต่ถ้าพ่อแม่ยากจน เงินนี้จำเป็นสำหรีบเลี้ยงดูตนเองยามแ่ก่ ที่ลูกไม่ได้อยู่กับตนแน่นอน
แต่ถ้าพ่อแม่รวย เงินนี้เขาไม่เอาหรอก  ถ้าไม่คืนให้หลังแต่งงาน ก็คงเป็นไว้ให้ลูกใช้ยามจำเป็น โดยไม่ใช้เงินก้อนนี้เลย

แต่ถ้าไม่ให้มีเงินสินสอดเลยคงไม่ได้ มันจะทำให้งานแต่งงานดูไม่มีค่า ดูไม่ต้องใช้ความพยายามในการมาสู่ขอ
ถ้าไม่อยากเสียเงินค่าสินสอด ก็อยู่กินกันเลย โดยไม่จัดงานจะดีกว่า
ความคิดเห็นที่ 22
โดยส่วนตัวเราไม่เห็นด้วยเรื่องมีสินสอดค่ะ
เพราะหลายๆคนมักให้เหตุผลว่าเรียกสินสอดเพื่อให้แน่ใจว่าฝ่ายชายเลี้ยงดูฝ่ายหญิงได้
ประเพณีเป็นเช่นนี้ก็เพราะสมัยก่อนผู้หญิงไม่ได้ทำงาน อายุ 14-15 ก็ถูกจับแต่งงานแล้ว ยังวัยรุ่นอยุ่เลย งานก็ทำไม่ได้ พ่อแม่ผู้หญิงเลยต้องแน่ใจว่าฝ่ายชายจะเลี้ยงดูลูกสาวได้

แต่สมัยนี้มันไม่ใช่แล้ว ทุกวันนี้ผู้หญิงได้เรียนหนังสือ ได้ทำงานเหมือนผู้ชายทุกอย่าง กว่าจะแต่งงานก็อยู่ในวัยผู้ใหญ่ทำงานได้แล้ว ไม่ใช่แต่งตอนวัยรุ่นเหมือนสมัยก่อน ก็โตๆกันแล้ว เลี้ยงตัวเองไม่เป็นหรอ
จะมีครอบครัวจะมีความรักก็มีไป แล้วก็ช่วยกันสร้างฐานะ ช่วยกันเลี้ยงลูก ฝ่ายหญิงเป็นง่อยอะไรยังไง ทำไมต้องคาดหวังให้สามีเลี้ยงดู

แต่เหตุผลที่สมเหตุสมผลในการเรียกสินสอดที่น่าจะเป็นกรณีที่ฝ่ายหญิงแต่งออก ต้องไปอยุ่บ้านฝ่ายชาย ไปดูแลทางบ้านฝ่ายชาย ไม่สามารถดูแลทางบ้านตัวเองได้เต็มที่ อันนี้ก็ถือเป็นเงินค่าชดเชยไป
แต่ถ้าเป็นกรณีแต่งแล้วแยกออกมาอยู่กันเอง หรือฝ่ายชายแต่งเข้าบ้านผู้หญิง แบบนี้ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องเรียกสินสอด
ความคิดเห็นที่ 65
ถ้าเป็นสมัยก่อนก็เห็นด้วยเรื่องสินสอดนะ
แต่สมัยนี้ผู้หญิงส่วนมากไม่เหมือนคนสมัยก่อนแล้ว เราเป็นผู้หญิงเหมือนกัน เรายังกลัวความคิดของผู้หญิงสมัยนี้หลายๆคนเลย

ไอเรื่องที่เคยเสียเปรียบ >>>> ทำไมล่ะ เดี๋ยวนี้หญิงชายเค้าเท่าเทียมกันแล้วหย่ะ เธอทำได้ ฉันก็ทำได้
ไอเรื่องที่ยังได้เปรียบผู้ชาย >>>>> สารพัดเหตุผลจะยกมาอ้าง ข้ออ้างทางสภาพกายผู้หญิง ต้องท้อง ต้องมีประจำเดือน ฯลฯ

เราเห็นแล้วเรารู้สึกได้ถึงความเห็นแก่ตัวรางๆเลย ไอเรื่องที่เราสงสารผู้ชายเลยนะ คือ

คบกัน ต้องจ่าย ต้องเลี้ยง >>> ถ้าไม่จ่าย คือเห็นแก่ตัว งก ถ้าให้หารกัน ก็หาว่างกบ้าง จนบ้าง
นอกจากต้องเลี้ยงผู้หญิงแล้ว ยังต้องมีเงินเก็บเยอะๆด้วย >>> ถ้าไม่มี หาว่าบริหารเงินไม่เป็น จะเป็นผู้นำยังไง ใช้เงินไม่เป็น ฝากชีวิตได้เหรอ?
(แหม คุณเธอเล่นดูดทรัพย์เค้าไปขนาดนั้นแล้ว จะเอาที่ไหนมาเก็บเยอะแยะ ไม่จ่ายไม่ให้ก็หาว่าไม่รักอีก)
พอจะแต่ง ต้องจ่ายค่าสินสอดด้วย >>> จ่ายน้อย หรือ ไม่จ่าย เหมือนผู้หญิงไม่มีค่า นั่นนี่โน่น คิดเล็กคิดน้อย ต่อไปจะอยุ่กันยังไง
จัดงานแต่งผู้ชายก็ต้องจ่ายด้วยส่วนใหญ่ >>> จ่ายอีกแล้ววว
(อันนี้เห็นจากคนรอบตัว) ผู้หญิงพอแต่งไป ยังทำงานนะ เงินตัวเอง ช้อป เที่ยว กิน แต่ค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่านั่นค่านี่ ค่ากินในบ้าน อะไรต่างๆผู้ชายจ่ายหมดเลย ผู้หญิงมีหน้าที่หาเงินใช้จ่ายบำเรอความสุขตัวเองพอ

คือเห้นแล้วรู้สึกเข้าใจเลย ว่าถ้าไม่มีเงินจริงนี่มีแฟน หรือ แต่งงานไม่ได้นะ
ผู้หญิงที่ไม่อยู่ในจำพวกนี้ ไม่ได้ดูคนที่เงิน ไม่เห็นแก่ตัวเกินไป เห็นใจคนเป็นแฟน ปากบอกเท่าเทียมก็คือเท่าเทียมจริงๆอ่ะ
ไม่ใช่ดีแต่ปาก แต่การกระทำไม่ใช่

เราว่าผู้หญิงแบบนี้เป็นของหายากในปัจจุบันเลยนะ หายากพอๆกันผู้ชายแท้ๆดีๆแล้วยังโสดเลยค่ะ

เราว่าผู้หญิงที่ให้เกียรติผู้ชาย ดูน่ารักมาก มากกว่าผู้หญิงที่คิดแต่ว่า ฉันต้องท้อง ฉันต้องมีประจำเดือน ฉันอ่อนแอกว่า ฉันอย่างนั้นอย่างนี้
มาเป็นข้ออ้างเพื่อเอาเปรียบผู้ชายอ่ะ

เท่าที่เราเห็นผู้หญิงที่เต็มใจจ่ายทุกสิ่งอย่างร่วมกับฝ่ายชายอ่ะ ส่วนใหญ่ผู้ชายไม่ค่อยยอมให้จ่ายหรอก จ่ายให้หมดแหละ
ตามความเห็นส่วนตัวของเรานะ เราว่าผู้ชายที่ชอบมาบ่นๆใน pantip เรื่องเป็นฝ่ายจ่ายส่วนใหญ่แล้ว เพราะเจอผู้หญิงที่เจาะจงว่าแกต้องจ่ายเท่านั้น
แกเป็นผู้ชาย แกต้องจ่าย!! ไรงี้มากกว่า
ถ้าเราเป็นผู้ชาย เราเจอแบบนี้เราก็ไม่อยากเลี้ยงนะ ถ้ารักถ้าชอบไปแล้วก็คงต้องยอม แต่มันคงขัดอยุ่ในความรู้สึกลึกๆนั่นแหละ
ถ้าเจอแบบเห้ย ไม่เป็นไร เราช่วยจ่าย ไรแบบนี้ คงรู้สึกดีอ่ะ แบบว่าอยากให้แสดงน้ำใจก็พอ ไม่ได้อยากให้มาจ่ายให้จริงๆหรอก

*** นี่คือผู้หญิงส่วนใหญ่นะ ไม่ทุกคนหรอก คนดีๆก็มีค่ะ มีเยอะด้วย แค่หายากนิดนึง
แล้วความจริงอีกอย่างคือ ผู้หญิงดีๆแบบนี้ มักจะต้องเจอกับผู้ชายเลวๆเสมอไป แล้วผู้ชายดีๆ ก็จะเจอกับผู้หญิงแย่ๆที่กล่าวไปต้นๆแหละ
ฉะนั้น คู่ไหนเจอคนที่พอดีกันแล้ว รักษาความรักเอาไว้ให้ดีนะคะ เพราะแบบนี้หายากมากจริงๆ
ความคิดเห็นที่ 5
ผุ้หญิงเป็นตั้งท้อง ร่างกายต้องรับภาระหนักกว่าคะ
และ พ่อแม่อยากรุ้ว้าคุณจะเลี้ยงลูกสาวเขาไหวไหม
พ่อแม่ฝ่ายหญิงที่ไม่เห็นแก่เงิน จะคืนเงินสินสอดนี้ให้หลังแต่งงานเพื่อ
ให้2คนเป็นเงินก้นถุง

แต่ผุ้ชายบางคนก็ไปขอพ่อขอแม่ตัวเองมาแต่งสะงั้น จุดประสงค์จึงเพี้ยนไปหมด

อ้อ อย่าถามนะว่าทำไมผุ้ชายควรเป็นฝ่ายเลี้ยงดูผุ้หญิง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่