(กระทู้เล่าหนัง) The Secret Life of Walter Mitty: บันทึกฝันไว้ในรูปถ่าย



ย้อนไปเมื่อสักสองรัอยปีก่อนหน้านี้มนุษย์เริ่มเรียนรู้หลักการของการรวบรวมแสงที่ตกกระทบกับวัตถุและสะท้อนเข้าตาให้เกิดภาพ การมองเห็น และจากภาพจดจำในสมองก็แปรเปลี่ยนเป็นภาพที่บันทึกไว้ในฟิล์ม ทำให้เกิดภาพและเรื่องราวต่างๆที่จะบันทึกไว้มากมาย เราเรียกวัตถุนั้นว่า กล้องถ่ายรูป

ในขณะที่เรากำลังเดินตามค้นคว้า ใฝ่หาเรื่องราว ความทรงจำระหว่างทางย่อมหล่นหายบ้างไปตามกาลเวลา แต่ส่วนหนึ่งของความดีงาม ส่วนหนึ่งของความเลวทราม ส่วนหนึ่งของเรื่องราวถูกบันทึกและถ่ายทอดไว้เพื่อให้ย้อนเห็นถึงคุณค่า และช่วงเวลาเหล่านั้นเสมอๆ ไม่ว่าผู้บันทึกจะเคยมองเห็นอะไร การถ่ายภาพนั้นๆไว้ถือว่าเป็นเรื่องที่ซื่อสัตย์ที่สุดอย่างหนึ่งเท่าที่เขาจะถ่ายทอดออกมาได้

ไม่นานนักหลังจากที่มนุษย์สามารถบันทึกภาพนิ่งที่ตาเห็น เราก้าวข้ามไปสู่การบันทึกภาพเคลื่อนไหว เราบันทึกคำบอกเล่าภาพและเสียงควบคู่ไปในเวลาเดียวกัน คำถามต่อไปในอนาคตเราจะมีเครื่องมือไหนเกิดขึ้นอีกเพื่อบันทึกความฝันเรามั้ย หรือจริงๆแล้วความฝันของมนุษย์ไม่ได้มีไว้บันทึก เพราะมันเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ให้เราลงมือทำจริง ด้วยการลงมือทำ ออกไปค้นหา บันทึกความฝันให้เป็นความจริงและเสริมแต่งด้วยจินตนาการเท่าที่ใครสุดจะคาดเดา

นิยามที่แสงใช้เวลาเดินทางมายังโลก คือด้วยความเร็วที่เกือบสามแสนกิโลเมตรต่อวินาที ชีวิตคนเราเองก็เดินทางด้วยความเร็วนั้นเช่นกัน ด้วยอัตราความเร็วเท่านี้ที่มนุษย์จะเร็วได้ นั่นหมายถึงว่าถ้าความฝันอยู่ในระยะทางที่เท่าๆกัน คนเริ่มต้นก่อนนั้นย่อมมีโอกาสเดินทางไปสู่ความจริงได้ก่อน เราเดินทางด้วยความเร็วที่เท่ากัน เรามีเวลาเดินทางในหนึ่งวันเท่ากัน สุดท้ายมันคงอยู่ที่ว่าช้าเร็วใครจะเริ่มต้นก่อน เพื่อบันทึกแสงและความจริงเหล่านั้นให้เกิดขึ้นกับตัวเอง

ปอลอ ใครสักคนเคยบอกไว้ว่า ภาพหนึ่งภาพแทนคำนับล้าน ถ้าชีวิตทั้งชีวิตถูกถ่ายทอดออกมาได้เพียงหนึ่งภาพ เราคิดว่าภาพไหนจะแทนทั้งหมดของเรื่องราวเราออกมาได้

ติดตามการเล่าหนังได้ที่ www.fb.com/lightherewritenow
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่