“สุเทพ เทือกสุบรรณ” ในปี ๒๕๓๗ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ได้รับการผลักดันจาก “ชวน หลีกภัย” นายกรัฐมนตรีให้ขึ้นเป็น “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์”ซึ่ง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง โดยในการดำเนิน นโยบาย “ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม” หรือ “สปก.” ปรากฏว่า “ที่ดิน” ที่จะต้องจัดสรรให้กับ “เกษตรกร” กลับไปอยู่ในมือของ “เศรษฐีและกลุ่มนายทุนทางการเมืองของพรรค ปชป.”โดยปรากฏชื่อ “นายทศพร เทพบุตร” สามีของ “นางอัญชลี เทพบุตร” เลขานุการของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ”เป็นผู้รับที่ดิน สปก. ๔-๐๑ มากกว่า ๙๘ ไร่ ๑ งาน ๗ ตารางวา และสุดท้าย “ศาลฎีกา” ได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๐ ในคดีหมายเลขดำที่ ๑๗๖๕/๒๕๔๑ และคดีหมายเลขแดงที่ ๑๔๘๕/๒๕๔๔ ให้นายทศพร เทพบุตร จำเลย (สามีนางอัญชลี วานิช เทพบุตร)ออกจากที่ดิน สปก. ที่ครอบครองมายาวนานกว่า ๑๒ ปี เนื้อที่ ๙๘ไร่ ๑ งาน ๗ ตารางวา เนื่องจาก “จำเลย” ไม่ได้เป็นเกษตรกรจริง !
นอกจากนี้ยังปรากฏว่าในช่วงที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เป็น “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ในปี พ.ศ.๒๕๓๗ ยังเกิดกรณีการทุจริต“โครงการปรับปรุงคุณภาพยางเพื่อ ยกระดับราคาขายเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร” วงเงินงบประมาณ ๙๐๐ ล้านบาทโดยมีการดำเนินการก่อสร้าง “โรงรมยาง” ให้เกษตรกรในพื้นที่ “๓๐๐ ตำบล”ทุกจังหวัดภาคใต้ ที่มีพื้นที่ปลูกยางพารา โดย “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์”ได้กำหนดเงื่อนไขให้มี “ผู้รับเหมารายเดียว” และห้ามไม่ให้มีการรับเหมาช่วงซึ่งสุดท้าย “ผู้รับเหมารายเดียว” ดังกล่าว ก็ไม่สามารถสร้าง “โรงรมยาง” ทั้ง ๓๐๐ แห่งให้เสร็จสิ้นได้ กระทั่งเกิดการ “เหมาช่วง”และผู้รับเหมาทิ้งงาน และทิ้งให้โรงรมยาง กลายเป็น “โรงรมยางร้าง” พร้อมกับงบประมาณ ๙๐๐ ล้านบาท ต้องสูญสลายหายไปในที่สุด
“สุเทพ เทือกสุบรรณ” มีโอกาสสัมผัสเก้าอี้ “รัฐมนตรี”อีกครั้งในตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม” ในปี ๒๕๔๐ยุค “รัฐบาลชวน หลีกภัย” สมัยที่ ๒ ซึ่งขณะนั้น “กระทรวงคมนาคม” จะต้องดำเนินโครงการ “โครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพฯ( Bangkok Elevated Road and Train System – BERTS)” หรือ “โฮปเวลล์” ที่มีเสาปูนโด่เด่แถวดอนเมือง ที่เหมือนจะทำถนนยกระดับนั่นแหล่ะที่ “บริษัท โฮปเวลล์” ของฮ่องกง ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้“กระทรวงคมนาคม” ภายใต้การกำกับดูแลของ “รัฐมนตรีฯ สุเทพ” ตัดสินใจ “ยกเลิกสัญญากับโฮปเวลล์” จนเป็นเหตุให้โฮปเวลล์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกว่า ๕๖,๐๐๐ ล้านบาทตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา“ตอม่อโฮปเวลล์” กว่า ๕๐๐ ต้น ก็ยังคงเรียงรายประจานพรรคประชาธิปัตย์มาจนถึงทุกวันนี้!!
เมื่อ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” กลับมาได้ดิบได้ดีเป็น “รองนายกรัฐมนตรี”ใน “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ปี ๒๕๕๑ กลับปรากฏข้อมูล“นายแทน เทือกสุบรรณ” บุตรชายของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ถือครองที่ดิน “เขาแพง” เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน ๖๒ ไร่ ๑ งาน ๙๗ ตารางวา ซึ่งกลับเป็นพื้นที่ที่มีความลาดชันเกิน ๓๕ องศา ซึ่งขัดกับประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดิน พ.ศ.๒๕๓๕ที่ห้ามออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินที่มีความลาดชันเกิน ๓๕ องศาโดยเมื่อ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๖ อัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้อง“นายแทน เทือกสุบรรณ” พร้อมพวกรวม ๔ ราย “ฐานก่อสร้าง แผ้วถางป่า หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง หรือเผาป่าในที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครอง หรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔”.
นอกจากนี้ในยุคเดียวกับที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เป็น “รองนายกรัฐมนตรี” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็ปรากฏข้อมูลการทุจริต “โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย(แฟลต) ๑๖๓ แห่ง”กรอบวงเงินงบประมาณ ๓,๗๐๙,๘๐๐,๐๐๐บาท (สามพันเจ็ดร้อยกว่าล้าน)และ “โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ(ทดแทน) ๓๙๖ สถานี แห่งทั่วประเทศ” กรอบวงเงินงบประมาณกว่า ๖,๖๗๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ภายใต้การกำกับดูแล ของ “รองนายกรัฐมนตรี” ที่ชื่อ “สุเทพ เทือกสุบรรณ”ซึ่งที่สุดท้ายสถานีตำรวจ “ร้าง” ทั่วประเทศ จนถึงทุกวันนี้ !..
***สุเทพ ยังมาบอกว่าตนเองเป็นผู้ บริสุทธิ์ ไม่เคยโกงชาติทุจริตต่อชาติ ตระกูลโกง รู้ไว้บ้างคนที่หลงไหล "นายสุเทพ เทือกสุบรรณ"
มาทบทวนความจำกันครับ ว่า "เทพเทือก" ทำผลงานอะไรฝากไว้ให้กับประเทศชาติบ้าง
“สุเทพ เทือกสุบรรณ” ในปี ๒๕๓๗ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ได้รับการผลักดันจาก “ชวน หลีกภัย” นายกรัฐมนตรีให้ขึ้นเป็น “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์”ซึ่ง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง โดยในการดำเนิน นโยบาย “ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม” หรือ “สปก.” ปรากฏว่า “ที่ดิน” ที่จะต้องจัดสรรให้กับ “เกษตรกร” กลับไปอยู่ในมือของ “เศรษฐีและกลุ่มนายทุนทางการเมืองของพรรค ปชป.”โดยปรากฏชื่อ “นายทศพร เทพบุตร” สามีของ “นางอัญชลี เทพบุตร” เลขานุการของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ”เป็นผู้รับที่ดิน สปก. ๔-๐๑ มากกว่า ๙๘ ไร่ ๑ งาน ๗ ตารางวา และสุดท้าย “ศาลฎีกา” ได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๐ ในคดีหมายเลขดำที่ ๑๗๖๕/๒๕๔๑ และคดีหมายเลขแดงที่ ๑๔๘๕/๒๕๔๔ ให้นายทศพร เทพบุตร จำเลย (สามีนางอัญชลี วานิช เทพบุตร)ออกจากที่ดิน สปก. ที่ครอบครองมายาวนานกว่า ๑๒ ปี เนื้อที่ ๙๘ไร่ ๑ งาน ๗ ตารางวา เนื่องจาก “จำเลย” ไม่ได้เป็นเกษตรกรจริง !
นอกจากนี้ยังปรากฏว่าในช่วงที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เป็น “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ในปี พ.ศ.๒๕๓๗ ยังเกิดกรณีการทุจริต“โครงการปรับปรุงคุณภาพยางเพื่อ ยกระดับราคาขายเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร” วงเงินงบประมาณ ๙๐๐ ล้านบาทโดยมีการดำเนินการก่อสร้าง “โรงรมยาง” ให้เกษตรกรในพื้นที่ “๓๐๐ ตำบล”ทุกจังหวัดภาคใต้ ที่มีพื้นที่ปลูกยางพารา โดย “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์”ได้กำหนดเงื่อนไขให้มี “ผู้รับเหมารายเดียว” และห้ามไม่ให้มีการรับเหมาช่วงซึ่งสุดท้าย “ผู้รับเหมารายเดียว” ดังกล่าว ก็ไม่สามารถสร้าง “โรงรมยาง” ทั้ง ๓๐๐ แห่งให้เสร็จสิ้นได้ กระทั่งเกิดการ “เหมาช่วง”และผู้รับเหมาทิ้งงาน และทิ้งให้โรงรมยาง กลายเป็น “โรงรมยางร้าง” พร้อมกับงบประมาณ ๙๐๐ ล้านบาท ต้องสูญสลายหายไปในที่สุด
“สุเทพ เทือกสุบรรณ” มีโอกาสสัมผัสเก้าอี้ “รัฐมนตรี”อีกครั้งในตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม” ในปี ๒๕๔๐ยุค “รัฐบาลชวน หลีกภัย” สมัยที่ ๒ ซึ่งขณะนั้น “กระทรวงคมนาคม” จะต้องดำเนินโครงการ “โครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพฯ( Bangkok Elevated Road and Train System – BERTS)” หรือ “โฮปเวลล์” ที่มีเสาปูนโด่เด่แถวดอนเมือง ที่เหมือนจะทำถนนยกระดับนั่นแหล่ะที่ “บริษัท โฮปเวลล์” ของฮ่องกง ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้“กระทรวงคมนาคม” ภายใต้การกำกับดูแลของ “รัฐมนตรีฯ สุเทพ” ตัดสินใจ “ยกเลิกสัญญากับโฮปเวลล์” จนเป็นเหตุให้โฮปเวลล์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกว่า ๕๖,๐๐๐ ล้านบาทตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา“ตอม่อโฮปเวลล์” กว่า ๕๐๐ ต้น ก็ยังคงเรียงรายประจานพรรคประชาธิปัตย์มาจนถึงทุกวันนี้!!
เมื่อ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” กลับมาได้ดิบได้ดีเป็น “รองนายกรัฐมนตรี”ใน “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ปี ๒๕๕๑ กลับปรากฏข้อมูล“นายแทน เทือกสุบรรณ” บุตรชายของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ถือครองที่ดิน “เขาแพง” เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน ๖๒ ไร่ ๑ งาน ๙๗ ตารางวา ซึ่งกลับเป็นพื้นที่ที่มีความลาดชันเกิน ๓๕ องศา ซึ่งขัดกับประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดิน พ.ศ.๒๕๓๕ที่ห้ามออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินที่มีความลาดชันเกิน ๓๕ องศาโดยเมื่อ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๖ อัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้อง“นายแทน เทือกสุบรรณ” พร้อมพวกรวม ๔ ราย “ฐานก่อสร้าง แผ้วถางป่า หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง หรือเผาป่าในที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครอง หรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔”.
นอกจากนี้ในยุคเดียวกับที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เป็น “รองนายกรัฐมนตรี” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็ปรากฏข้อมูลการทุจริต “โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย(แฟลต) ๑๖๓ แห่ง”กรอบวงเงินงบประมาณ ๓,๗๐๙,๘๐๐,๐๐๐บาท (สามพันเจ็ดร้อยกว่าล้าน)และ “โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ(ทดแทน) ๓๙๖ สถานี แห่งทั่วประเทศ” กรอบวงเงินงบประมาณกว่า ๖,๖๗๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ภายใต้การกำกับดูแล ของ “รองนายกรัฐมนตรี” ที่ชื่อ “สุเทพ เทือกสุบรรณ”ซึ่งที่สุดท้ายสถานีตำรวจ “ร้าง” ทั่วประเทศ จนถึงทุกวันนี้ !..
***สุเทพ ยังมาบอกว่าตนเองเป็นผู้ บริสุทธิ์ ไม่เคยโกงชาติทุจริตต่อชาติ ตระกูลโกง รู้ไว้บ้างคนที่หลงไหล "นายสุเทพ เทือกสุบรรณ"