ผมรอดูตั้งแต่มีการประกาศแล้วว่ามหาวิมยาลัยจุฬาฯจะรับผิดชอบการปิดแยกปทุมวันแล้วว่า จะส่งผลอะไรให้กับย่านนี้อย่างที่คิดหรือเปล่า สุดท้ายก็ไม่ผิดจากที่คาดจริงๆ คือร้านค้าในย่านสยามสแควร์ยอดขายวูบหายไปจนถึงขนาดร้องกันว่า 80% ทีเดียว
บรรดาตึกแถวและเพิงค้าขายตั้งแต่ซอย 1 ถึงซอย 5 นั่นค่าเช่าสูงมากครับ ห้องขนาด 2 เมตรลึก 7 เมตรนั้นค่าเช่าช่วงมือที่ 2-3 ตกเดือนละ 60,000 - 90,000 แล้วแต่ทำเล หารเฉพาะค่าเช่าไม่รวมสินค้า, ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายรายวันเฉลี่ยวันละ 2-3,000 บาท ตามข่าวที่อ่านเจอนั้นร้านทำผมบางร้านค่าเช่าเดือนละกว่าแสนบาททีเดียว ทุกวันนี้ร้านค้าหลายๆแห่งต้องถูกเอาเปรียบจากมาเฟียแผงลอยริมถนนพระราม 1 ก็เรียกว่าหนักอยู่แล้ว ยังต้องเจอเข้ากับม็อบอุปถัมภ์โดยจุฬาเข้าอีก...นั่นก็กรรมของพวกคุณล่ะครับ
ยังมีโครงการ "สยามสแควร์ วัน" ที่เป็นศูนย์การค้าเปิดใหม่ที่ยังก่อสร้างค้างคานั่นอีก ที่จริงทางจุฬาก็ลากหมายกำหนดการเสร็จมาเกือบครึ่งปีแล้ว กระทั่งล่าสุดนัดหมายบรรดาผู้จับจองพื้นที่ให้เข้าตกแต่งร้านเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ทั้งๆที่ประเมินดูจากโครงสร้างแล้วคงต้องเลื่อนอีก พอเจอการปิดแยกปทุมวันเข้าซ้ำก็สนุกสิครับ ผมถามคนรู้จักที่ไปจองพื้นที่เอาไว้บางคนแล้วเห็นส่ายหน้าไปตามๆกัน ไม่มีใครสงสัยว่ายังไงๆก็คงมีการเลื่อนอีก แต่ที่เครียดคือเดาจังหวะการเตรียมเปิดร้านไม่ออกจริงๆ เพราะมีทั้งเรื่องการแต่งร้าน, สินค้าเข้าร้าน และพนักงานขาย ฯลฯ ทั้งหมดในฝั่งสยามสแควร์คือลูกค้าของมหาวิทยาลัยทั้งสิ้น
ภาพพจน์ของสยามสแควร์คือแหล่งรวมสินค้าแฟชั่นอันดับต้นๆของกรุงเทพฯ อาหารและเครื่องดื่มอาจไม่กระเทือนเท่าไหร่หรืออาจขายดีด้วยซ้ำเพราะคนในม็อบช่วยกันอุดหนุน แต่อื่นๆนอกจากนี้ก็หน้าซีดกันไป
พอผ่านมา 3 วันแนวโน้มจำนวนคนมาร่วมม็อบเริ่มถดถอยแต่การปิดกั้นพื้นที่ยังเท่าเดิม จำนวนร้านค้าส่วนที่เดือดร้อนจากการขาดหายของลูกค้ากลุ่มขาประจำปรกติก็ยังเท่าเดิมด้วย และโครงการศูนย์การค้าที่ยังค้างก็จะยังคงค้างต่อไปก่อนโดยไม่รู้อนาคตว่าจะจบช้าหรือเร็ว เป็นไปได้ว่าจุฬาคงจะรวยมากจนไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ และอาจคิดว่าทำเลทองขนาดนี้จบเรื่องเมื่อไหร่คนเดินย่านนี้ก็กลับมาเมื่อนั้น แต่คนที่มาลงทุนในพื้นที่ของจุฬาเขาไม่ได้ทุนหนาจนรอโดยไม่รู้กำหนดกันทุกรายครับ
ผู้บริหารของจุฬาฯอาจจะเชื่อมั่นว่าตัวเองกำลังทำเพื่อชาติ.....แต่ลูกค้าของจุฬาฯจะคิดอย่างเดียวกันหรือเปล่า?
เมื่อมหาวิทยาลัยจุฬาฯ.....ฆ่าลูกค้าตนเอง
บรรดาตึกแถวและเพิงค้าขายตั้งแต่ซอย 1 ถึงซอย 5 นั่นค่าเช่าสูงมากครับ ห้องขนาด 2 เมตรลึก 7 เมตรนั้นค่าเช่าช่วงมือที่ 2-3 ตกเดือนละ 60,000 - 90,000 แล้วแต่ทำเล หารเฉพาะค่าเช่าไม่รวมสินค้า, ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายรายวันเฉลี่ยวันละ 2-3,000 บาท ตามข่าวที่อ่านเจอนั้นร้านทำผมบางร้านค่าเช่าเดือนละกว่าแสนบาททีเดียว ทุกวันนี้ร้านค้าหลายๆแห่งต้องถูกเอาเปรียบจากมาเฟียแผงลอยริมถนนพระราม 1 ก็เรียกว่าหนักอยู่แล้ว ยังต้องเจอเข้ากับม็อบอุปถัมภ์โดยจุฬาเข้าอีก...นั่นก็กรรมของพวกคุณล่ะครับ
ยังมีโครงการ "สยามสแควร์ วัน" ที่เป็นศูนย์การค้าเปิดใหม่ที่ยังก่อสร้างค้างคานั่นอีก ที่จริงทางจุฬาก็ลากหมายกำหนดการเสร็จมาเกือบครึ่งปีแล้ว กระทั่งล่าสุดนัดหมายบรรดาผู้จับจองพื้นที่ให้เข้าตกแต่งร้านเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ทั้งๆที่ประเมินดูจากโครงสร้างแล้วคงต้องเลื่อนอีก พอเจอการปิดแยกปทุมวันเข้าซ้ำก็สนุกสิครับ ผมถามคนรู้จักที่ไปจองพื้นที่เอาไว้บางคนแล้วเห็นส่ายหน้าไปตามๆกัน ไม่มีใครสงสัยว่ายังไงๆก็คงมีการเลื่อนอีก แต่ที่เครียดคือเดาจังหวะการเตรียมเปิดร้านไม่ออกจริงๆ เพราะมีทั้งเรื่องการแต่งร้าน, สินค้าเข้าร้าน และพนักงานขาย ฯลฯ ทั้งหมดในฝั่งสยามสแควร์คือลูกค้าของมหาวิทยาลัยทั้งสิ้น
ภาพพจน์ของสยามสแควร์คือแหล่งรวมสินค้าแฟชั่นอันดับต้นๆของกรุงเทพฯ อาหารและเครื่องดื่มอาจไม่กระเทือนเท่าไหร่หรืออาจขายดีด้วยซ้ำเพราะคนในม็อบช่วยกันอุดหนุน แต่อื่นๆนอกจากนี้ก็หน้าซีดกันไป
พอผ่านมา 3 วันแนวโน้มจำนวนคนมาร่วมม็อบเริ่มถดถอยแต่การปิดกั้นพื้นที่ยังเท่าเดิม จำนวนร้านค้าส่วนที่เดือดร้อนจากการขาดหายของลูกค้ากลุ่มขาประจำปรกติก็ยังเท่าเดิมด้วย และโครงการศูนย์การค้าที่ยังค้างก็จะยังคงค้างต่อไปก่อนโดยไม่รู้อนาคตว่าจะจบช้าหรือเร็ว เป็นไปได้ว่าจุฬาคงจะรวยมากจนไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ และอาจคิดว่าทำเลทองขนาดนี้จบเรื่องเมื่อไหร่คนเดินย่านนี้ก็กลับมาเมื่อนั้น แต่คนที่มาลงทุนในพื้นที่ของจุฬาเขาไม่ได้ทุนหนาจนรอโดยไม่รู้กำหนดกันทุกรายครับ
ผู้บริหารของจุฬาฯอาจจะเชื่อมั่นว่าตัวเองกำลังทำเพื่อชาติ.....แต่ลูกค้าของจุฬาฯจะคิดอย่างเดียวกันหรือเปล่า?