สอบถามคนที่เคยเลี้ยงสุนัขชราค่ะ

กระทู้คำถาม
ขอเล่าประวัติก่อนนะคะ ยาวนิดนึงนะ ตอนนี้เค้าเสียแล้วคะ แต่ยังรู้สึกคาใจอะไรนิดหน่อย

เป็นสุนัขลาบราดอร์ผสมค่ะ อายุสิบกว่าปีแล้วค่ะ ตาฝ้าฟาง ฟันหัก ส่วนกะโหลกก็เนื้อหายหมดแล้ว เหลือแต่โครง
ก่อนหน้านั้นเค้ายังกินได้ปกติ กินเยอะมากด้วย แล้วมาช่วงพักหลัง ขาหลังเค้าเริ่มอ่อนแรง ลุกไม่ได้
เวลาจะลุกเค้าก็จะร้อง เราก็จะไปช่วยเค้ายกก้นขึ้น เพื่อให้เค้าเดินออกไปถ่ายเอง
เป็นอยู่อย่างนี้ประมาณ 4-5 วัน เราก็เลยคิดว่าลองไปหาหมอดูก่อนมั้ย เผื่อเค้าจะมียาอะไรฉีดหรือกิน เพื่อให้เค้ามีแรง
ก็เลยลองไปคลีนิคใกล้บ้านก่อน หมอเค้าก็บอกแค่ว่าเป็นสุนัขชรา อาการอย่างนี้มันเป็นเรื่องปกติ แล้วก็ฉีดยาแก้ปวด
ให้ยาแก้ปวดพร้อมวิตามินบีรวมกลับมาให้กิน และเอาเลือดไปตรวจด้วย
แล้วจะโทรบอกผลอีกประมาณ 2 วัน (ผลไม่มีอะไรผิดปกติ แค่ค่าไตสูงกว่าค่า max 0.2)

หลังจากกลับมาบ้าน ก็ลุกเองได้ในบางครั้ง แต่แค่วันหรือสองวันแค่นั้น จากนั้นก็ไม่ลุกอีกเลย จะลุกได้แค่ท่านั่งหมอบแค่นั้น
อืม..เอาแล้วไง ลองเปลี่ยนหมอดีกว่า เพราะขาเค้าเริ่มบวมแล้วด้วย ก็เลยเข้าไปหาหมอในตัวเมืองเป็นคลีนิคที่เราเคยพาเค้าไป

ตรวจเลือดอีกครั้ง เอกซเรย์ แล้วหมอก็ให้ฝากไว้ ดูอาการก่อน แต่หมอเค้าก็แล้วแต่เรานะว่าจะฝากหรือเปล่า เราก็ว่าฝากดีกว่า
เพราะบ้านเราก็อยู่ไกล ถ้าเกิดเป็นอะไร ยังไงเค้าก็ยังอยู่กับหมอ

ผลเลือดค่าไตสูงกว่าค่า max 0.1 ผลเอกซเรย์ก็จะเป็นพวกเรื่องข้อต่อที่ไม่ค่อยดีแล้ว

จากนั้นประมาณวันที่ 9 เราก็ไปรับเค้ากลับ จริงๆหมอให้ไปรับกลับตั้งแต่วันที่ 5 แต่เนื่องจากเรายังไม่สะดวกไป ก็เลยฝากไว้ก่อน

พอวันที่เราไปรับเค้ากลับ เรายังไม่ได้เห็นหน้าเค้าหรอก เพราะมัวแต่ไปคุยกับหมอเกี่ยวกับอาการของเค้า และกลับบ้านไปต้องทำอะไรบ้าง
เราเห็นแค่เค้ากำลังถูกหิ้วไปขึ้นรถ แค่นั้น

ระหว่างทางกลับบ้าน เค้าก็ร้องครางตลอด พี่เราก็ถามว่าทำไมแผลมันเต็มตัวขนาดนั้น เราก็ไม่รู้ เพราะเรายังไม่เห็น
กลับถึงบ้านแล้วค่อยดู พอถึงบ้าน สภาพที่เห็นคือ แผลตรงข้อศอกทั้งสองข้าง ใหญ่มาก  แผลที่ขาที่เป็นหนังด้านอีกประมาณ 3-4 ที่
(เดาว่าหมอไม่ดูแลให้เลยใช่มั้ย หมอไม่พลิกตัวให้เลยใช่มั้ย แค่ 9 วันน่ะ แผลไม่น่าจะเยอะขนาดนี้) และแผลกดทับที่ขาหลัง
อันนี้เป็นก่อนที่ไปหาหมอแล้ว แต่แผลนี้เล็กลง และตัวเค้าเหม็นฉี่มาก

หลังจากจัดแจงอะไรเรียบร้อย เราก็โทรไปถามหมอว่าแผลที่ข้อศอกเค้าคืออะไร หมอบอกว่า หมอกรีดเอง เพราะเค้าเป็นแผลกดทับ
หมอเอาเนื้อที่ตายออก อืม...แต่มันใหญ่มากนะหมอ มันเป็นเหมือนแผลที่แหวะออกจากกัน เราก็เฮ้อ คิดอยู่ว่าแผลใหญ่ขนาดนี้กว่าจะหายอ่ะนะ

และอาการเค้าตอนที่อยู่กับหมอ ตามที่หมอเล่าคือ เค้าสามารถนั่งหมอบกินข้าวเองได้ กินน้ำเองได้ ถ่ายเองได้ มีเห่าด้วย แล้วหมอก็พา
เค้าออกไปรับแดด รับลมอยู่หน้าร้านด้วย ประมาณนี้

แต่ทำไมพอกลับมาที่บ้านแล้ว ที่หมอว่ามาเนี่ยะ "ไม่มีเลย" เค้าไม่สามารถทำอะไรเองได้ซักอย่าง น้ำก็ต้องป้อนในท่านอนนั่นแหละ
ข้าวไม่กิน นั่งเองไม่ได้ หมอบอกว่าให้ระวังเรื่องอากาศหนาว เพราะเค้าเป็นโลหิตจาง

เราก็ปูผ้าให้เค้า ห่มผ้าให้ มีถุงน้ำร้อนเพิ่มมาอีก เพราะตอนนั้นอากาศที่บ้านก็หนาวมากจริงๆ

เช้าวันต่อมา เหมือนเดิมค่ะ ไม่กินข้าว มีฉี่บ้าง พอช่วงบ่ายๆ เหมือนเค้าเริ่มเอาผ้าออก ก็เข้าใจว่าอาจจะร้อน เลยเอาถุงน้ำร้อนออก
แต่ก็ห่มผ้าให้ครึ่งตัว พอเย็นๆ ก็ลองป้อนข้าวเค้าอีกครั้ง เค้ากินอ่ะ เราก็ดีใจ เข้าใจว่า เค้าอาจจะเริ่มดีขึ้นแล้ว กินหมับๆเลย เราก็ป้อนๆ
สลับกับป้อนน้ำ พอหมดไปจานนึงแล้ว ก็ลองลองป้อนจานสอง เค้าก็ยังกินอยู่ ก็เลยยังป้อนเค้า

แต่พอซักพักเ้ค้าอาเจียนออกมา มีข้าวออกมานิดหน่อย แล้วก็มีน้ำออกมา อาเจียนเสร็จ เราก็เรียกเค้า เรียกๆ แต่เค้าก็ยังนิ่ง
เราก็จับตรงท้องเค้าเพื่อดูว่ายังหายใจมั้ย มันเหมือนยังกระเพื่อมอยู่ แต่เบามาก แล้วอยู่ดีๆ เค้าก็ยกหัวขึ้นมา แล้วก็ลงไป
นิ่งไปเลย อังตรงจมูกก็เหมือนไม่มีแล้ว จับตรงท้องก็เหมือนไม่มีแล้ว

ในที่สุดเค้าก็จากเราไป วันนั้นทั้งวัน เค้าก็ร้องตลอด แต่เราก็ไม่เข้าใจว่าเค้าต้องการอะไร แต่ที่สังเกตคือถ้าเค้าฉี่เค้าจะร้อง
เราก็จะไปเปลี่ยนผ้าให้ หรือการร้องของเค้ามันอาจจะเป็นการบอกลา

จากนั้นเราก็โทรไปถามหมอ ว่าเราจะรู้ได้ยังไงถ้าเค้าไปจริงๆ หมอบอกว่าให้จับตรงช่วงอกตรงขาหน้า ดูหัวใจว่าเต้นมั้ย
หาเจอที่ไหนล่ะหมอ เราก็เลยบอกหมอว่าเค้าคงไปแล้วแหละ หมอก็บอกว่าเป็นเพราะอากาศหนาว มันก็เลยทำให้เค้าไปไว
อันนี้นี่แหละที่สงสัย มันจริงเหรอหมอ

เล่ามายาว เราสงสัยตรงที่ว่าเพราะอากาศหนาวและเค้าเป็นโลหิตจาง ทำให้เค้าเสียชีวิตเร็วขึ้นเหรอคะ
ใครมีประสบการณ์บ้าง รบกวนแชร์หน่อยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่