มีคนโจมตี พรบ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน ว่า...
ที่ศาล รธน.มาเกี่ยวเรื่อง พรบ.เงินกู้ 2 ล้านๆเพราะ..พรบ.นี้กำหนดไม่ให้เอาเงินเข้าคลัง..
จริงเท็จประการใด..ท่านใดรู้รายละเอียดบ้าง....ตามนี้ครับ...
"ตามหลักแล้ว ฝ่ายบริหารจะตั้งงบประมาณการบริหารประเทศ แล้วฝ่ายนิติบัญญัติก็จะตรวจสอบ
พิจารณารายละเอียดของโครงการต่างๆ หากงบประมาณผ่านสภาฯ รัฐบาลก็ใช้เงินผ่านกระทรวงการคลัง
บางโครงการต้องใช้เงินเยอะ งบประมาณใน 1 ปี อาจไม่เพียงพอ
ก็อาจจะเขียนโครงการตั้งงบผูกพันโครงการไว้หลายปีจนแล้วเสร็จ
เรื่องรถไฟความเร็วสูง ถ้ารัฐบาลเขียนโครงการใส่ในงบประมาณ ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
ศาลรัฐธรรมนูญก็ไปยุ่งไม่ได้ แต่คราวนี้รัฐบาลตั้งเป็นโครงการพัฒนาระบบคมนาคมฯ (ประมาณนี้)
ต้องใช้เงินทั้งโครงการ 2 ล้านล้านบาท โดยรัฐบาลใช้วิธีออก พ.ร.บ.เงินกู้สองล้านล้านบาท
ซึ่งที่ผ่านมาก็มีรัฐบาลที่ออก พ.ร.บ.เงินกู้ อยู่และศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่เคยเข้าไปยุ่ง
"แล้วคราวนี้ ทำไมศาลรัฐธรรมนูญถึงสั่งห้ามสร้างรถไฟความเร็วสูง บอกให้ทำถนนลูกรังให้หมดประเทศซะก่อน"
ลูกถามแย้งขึ้นมา อยากได้คำตอบแบบรวดรัด
ก็เพราะปกติเงินกู้ที่กู้มา ต้องเอาเข้าคลังแล้วรัฐบาลค่อยเบิกจ่ายตามระเบียบการคลังของประเทศยังไง
แต่ใน พ.ร.บ.เงินกู้ฯ นี้ ระบุให้ไม่ต้องเอาเงินกู้นี้เข้าคลัง เพราะเกรงว่าระเบียบการเบิกจ่ายจะทำให้โครงการต่างๆ ล่าช้าออกไป
ฝ่ายค้านก็เกรงว่า ถ้าเงินกู้นี้ไม่เข้าคลัง การตรวจสอบการใช้เงินก็เป็นไปได้ยาก แถมรายละเอียดโครงการก็ไม่ชัดเจน
ซ้ำกว่านั้นผลวิจัยฯ ยังบอกว่า เงินที่กู้มาเราก็ต้องชดใช้พร้อมดอกเบี้ยซึ่งหากไม่อยากให้กระทบสถานะความมั่นคงทางการคลัง
จะต้องใช้เวลาใช้หนี้ถึง 50 ปี
ประเด็นที่เข้าไปถึงศาลรัฐธรรมนูญคือ เงินกู้ที่กู้มา รัฐบาลจะไม่เอาเข้าคลัง
ฝ่ายค้านเห็นว่าน่าจะขัดรัฐธรรมนูญ จึงส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
ทีนี้ศาลรัฐธรรมนูญที่ตั้งขึ้น เป็นระบบไต่สวน (ที่เราเห็นในศาลอาญาและศาลแพ่ง เป็นระบบกล่าวหา ผู้ใดกล่าวหาผู้อื่นต้องหาหลักฐานและพยานมาพิสูจน์ต่อศาล)
ซึ่งระบบไต่สวนนี้ ศาลมีอำนาจซักถาม เรียกพยานต่างๆ มาสอบถามได้
โดยมากศาลก็จะเรียกผู้ร้องและผู้ถูกร้องมาไต่สวน และเรียกผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ มาไต่สวนเพิ่มเติม
เรื่อง พรบ.เงินกู้สองล้านล้าน ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ศาลยังไม่ได้ตัดสิน ยังมีการนัดผู้เชี่ยวชาญมาไต่สวนเพิ่มเติม และประโยคที่ศาลซักถามคุณชัชชาติ รมต.คมนาคม ก็ไม่ใช่คำตัดสิน
สรุป ศาลไม่ได้ใช้อำนาจเกินขอบเขตขนาดว่าจะไปห้ามสร้างรถไฟความเร็วสูง
แต่เพราะรัฐบาลไม่เอาโครงการเข้าในระบบงบปีประมาณปกติ
แถมออก พรบ.เงินกู้สองล้านล้าน ก็จะไม่เอาเข้าคลัง
ฝ่ายค้านเห็นว่าน่าจะขัดรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญจึงเข้ามาเกี่ยวด้วย......"
ท่านใดอ่านแล้วคิดประการใดช่วยแย้งด้วยครับ...
พอดี..ผมไม่รู้รายละเอียดเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนี้...
มีคนโจมตี พรบ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน ว่า…???
ที่ศาล รธน.มาเกี่ยวเรื่อง พรบ.เงินกู้ 2 ล้านๆเพราะ..พรบ.นี้กำหนดไม่ให้เอาเงินเข้าคลัง..
จริงเท็จประการใด..ท่านใดรู้รายละเอียดบ้าง....ตามนี้ครับ...
"ตามหลักแล้ว ฝ่ายบริหารจะตั้งงบประมาณการบริหารประเทศ แล้วฝ่ายนิติบัญญัติก็จะตรวจสอบ
พิจารณารายละเอียดของโครงการต่างๆ หากงบประมาณผ่านสภาฯ รัฐบาลก็ใช้เงินผ่านกระทรวงการคลัง
บางโครงการต้องใช้เงินเยอะ งบประมาณใน 1 ปี อาจไม่เพียงพอ
ก็อาจจะเขียนโครงการตั้งงบผูกพันโครงการไว้หลายปีจนแล้วเสร็จ
เรื่องรถไฟความเร็วสูง ถ้ารัฐบาลเขียนโครงการใส่ในงบประมาณ ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
ศาลรัฐธรรมนูญก็ไปยุ่งไม่ได้ แต่คราวนี้รัฐบาลตั้งเป็นโครงการพัฒนาระบบคมนาคมฯ (ประมาณนี้)
ต้องใช้เงินทั้งโครงการ 2 ล้านล้านบาท โดยรัฐบาลใช้วิธีออก พ.ร.บ.เงินกู้สองล้านล้านบาท
ซึ่งที่ผ่านมาก็มีรัฐบาลที่ออก พ.ร.บ.เงินกู้ อยู่และศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่เคยเข้าไปยุ่ง
"แล้วคราวนี้ ทำไมศาลรัฐธรรมนูญถึงสั่งห้ามสร้างรถไฟความเร็วสูง บอกให้ทำถนนลูกรังให้หมดประเทศซะก่อน"
ลูกถามแย้งขึ้นมา อยากได้คำตอบแบบรวดรัด
ก็เพราะปกติเงินกู้ที่กู้มา ต้องเอาเข้าคลังแล้วรัฐบาลค่อยเบิกจ่ายตามระเบียบการคลังของประเทศยังไง
แต่ใน พ.ร.บ.เงินกู้ฯ นี้ ระบุให้ไม่ต้องเอาเงินกู้นี้เข้าคลัง เพราะเกรงว่าระเบียบการเบิกจ่ายจะทำให้โครงการต่างๆ ล่าช้าออกไป
ฝ่ายค้านก็เกรงว่า ถ้าเงินกู้นี้ไม่เข้าคลัง การตรวจสอบการใช้เงินก็เป็นไปได้ยาก แถมรายละเอียดโครงการก็ไม่ชัดเจน
ซ้ำกว่านั้นผลวิจัยฯ ยังบอกว่า เงินที่กู้มาเราก็ต้องชดใช้พร้อมดอกเบี้ยซึ่งหากไม่อยากให้กระทบสถานะความมั่นคงทางการคลัง
จะต้องใช้เวลาใช้หนี้ถึง 50 ปี
ประเด็นที่เข้าไปถึงศาลรัฐธรรมนูญคือ เงินกู้ที่กู้มา รัฐบาลจะไม่เอาเข้าคลัง
ฝ่ายค้านเห็นว่าน่าจะขัดรัฐธรรมนูญ จึงส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
ทีนี้ศาลรัฐธรรมนูญที่ตั้งขึ้น เป็นระบบไต่สวน (ที่เราเห็นในศาลอาญาและศาลแพ่ง เป็นระบบกล่าวหา ผู้ใดกล่าวหาผู้อื่นต้องหาหลักฐานและพยานมาพิสูจน์ต่อศาล)
ซึ่งระบบไต่สวนนี้ ศาลมีอำนาจซักถาม เรียกพยานต่างๆ มาสอบถามได้
โดยมากศาลก็จะเรียกผู้ร้องและผู้ถูกร้องมาไต่สวน และเรียกผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ มาไต่สวนเพิ่มเติม
เรื่อง พรบ.เงินกู้สองล้านล้าน ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ศาลยังไม่ได้ตัดสิน ยังมีการนัดผู้เชี่ยวชาญมาไต่สวนเพิ่มเติม และประโยคที่ศาลซักถามคุณชัชชาติ รมต.คมนาคม ก็ไม่ใช่คำตัดสิน
สรุป ศาลไม่ได้ใช้อำนาจเกินขอบเขตขนาดว่าจะไปห้ามสร้างรถไฟความเร็วสูง
แต่เพราะรัฐบาลไม่เอาโครงการเข้าในระบบงบปีประมาณปกติ
แถมออก พรบ.เงินกู้สองล้านล้าน ก็จะไม่เอาเข้าคลัง
ฝ่ายค้านเห็นว่าน่าจะขัดรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญจึงเข้ามาเกี่ยวด้วย......"
ท่านใดอ่านแล้วคิดประการใดช่วยแย้งด้วยครับ...
พอดี..ผมไม่รู้รายละเอียดเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนี้...