ทะเลหมอก ดอกซากุระ ป๊ะสวนผลไม้ @ ดอยอ่างขาง




14  มกราคม  2557


นี่เป็นการรีวิวครั้งแรกของเรานะคะ เราเคยคิดจะลงหลายครั้งแล้ว แต่ก็กลัวเรื่องข้อมูลที่ไม่แน่นของเรา

และอีกอย่างก็กลัวคนจะบ่นว่าฉันอยากดูวิวน้ะไม่ได้อยากดูเธอ ต้องบอกก่อนว่าเราเน้นถ่ายรูปตัวเองมากกว่ารูปวิวนะคะ

หากไม่ชอบ ณ จุดๆนี้ปิดกระทู้นี้ได้ก่อนที่จะเสียสายตานะคะ

การไปอ่างขางของเรา เราเลือกใช้บริการลุงรักที่มีน้องคนนึงโพสไว้ในพันทิพค่ะ

รถลุงอาจจะไม่ใหม่นะคะ แต่การบริการและราคาดีมากค่ะ

เรานัดลุงมารับ 6:00 น. ใช้เวลาจากท่าแพไปถึงจุดสูงสุดที่บ้านนอแลทั้งสิ้น 4 ชั่วโมงค่ะ

ระหว่างทางเราจอดแวะข้างทางเป็นจุดๆด้วยนะคะ หากใครมาเที่ยวอ่างขางแบบมารถส่วนตัว

เราขอแนะนำจุดท่องเที่ยวแรกเลยนะคะ นั่นก็คือ '' ไร่องุ่นท่ามกลางขุนเขา '' ไร่องุ่นแห่งนี้จะอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ

ก่อนถึงโรงเรียนบ้านหลวงนะคะ ต้องขออภัยเรื่องเส้นทางเพราะเราอาศัยสายตาสอดส่ายไปทั่ว

หากเห็นที่ไหนน่าสนใจก็จะบอกให้ลุงจอดรถให้ค่ะ ขออภัยหากไม่สามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนได้นะคะ







ไร่องุ่นที่นีเค้าจะห่อกระดาษคลุมพวงองุ่นไว้นะคะ เพื่อกันสัตว์มาจิกแทะผลองุ่นค่ะ แต่หากเข้าไปเยี่ยมชมทางเจ้าของก็ยินดีแกะกระดาษออกให้บางจุดเพื่อถ่ายรูปและเด็ดชิมได้นะคะ และอย่าลืมอุดหนุนองุ่นกลับไปทานบ้านด้วยนะคะ





เลยจากไร่องุ่นมานิดเดียว ฝั่งซ้ายมือเช่นเดียวกัน คุณจะสังเกตุเห็นแผงขายผลไม้ทั้งส้ม องุ่น สตรอเบอรี่ ให้จอดรถได้เลยค่ะ เพราะด้านหลังของร้านนี้คือ '' สวนส้มแสนน่ารัก '' ทำให่นึกถึงละครเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง ขึ้นมาในบัดดล และหากข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามก็จะเห็นสวนลิ้นจี่เรียงรายริมทางเช่นกันค่ะเพียงแต่ตอนนี้ลิ้นจี่ยังไม่ออกนะคะ












ภายในสวนส้มก็จะมีต้นกาแฟแซมอยู้บ้างในบางจุดนะคะ หรือจะเข้าไปถ่ายต้นกาแฟข้างในโครงการก็จะมีเยอะกว่าจุดนี้นะคะ



ฝั่งตรงข้ามคือสวนลิ้นจี่นะคะ ตอนนี้ดอกยังไม่ออกเลยค่ะ คงอีกซักประมาณสองสามเดือนถึงจะได้ชมผลลิ้นจี่ คนขายบอกมานะคะ



หลังจากชื่นชมบรรยากาศของสวนส้มอย่างจุใจแล้ว ลุงก็พาขับรถมาเรื่อยๆ เพื่อต้องการไปไร่ชา 2000 อันลือชื่อ แต่โชคร้ายที่วันนี้หมอกเยอะทางทหารเลยไม่อนุญาติให้ขึ้นไปค่ะ เนื่องจากถนนเป็นเลนเดียว แคบๆ กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุแก่นักท่องเที่ยว แต่ยังดีที่มีไร่ชาเล็กๆระหว่างทางให้เราได้เข้าไปสูดดมใบชาและถ่ายรูปเป็นการแก้ขัด





จุดหมายต่อไปลุงรักแนะนำให้ไปจุดสูงสุดก่อนเลย นั่นก็คือ '' หมู่บ้านนอแล ''



ทะเลหมอกที่นี่ปกคลุมทั่วบริเวณเลยค่ะ วันนี้เราไม่ต้องไปจอดรถถ่ายรูปทะเลหมอกเลยค่ะเพราะที่นี่สัมผัสกับทะเลหมอกได้อย่างใกล้ชิด ประหนึ่งว่าเรากำลังแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางทะเลหมอกแห่งนี้เลยค่ะ



โชคดีได้มาเจอดงดอกท้อด้วยค่ะ ลูกท้อกำลังออกเห็นแล้วนึกถึงซีรีย์มังกรหยกขี้นมาเลยค่ะ เคยคิดว่าสงสัยดงดอกท้อจะมีแต่ในละครซะอีก








เดินมามุมนี้ก็จะเจอกับต้นลำโพง ดอกสีเหลืองสวย ลักษณะของดอกเป็นที่มาของชื่อนั่นเองค่ะ




วันที่เราไปไม่สามารถมองเห็นชายแดนพม่าเนื่องจากหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณอย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นนั่นหล่ะค่ะ เอาเป็นว่ามาชมรูปฝั่งไทยก็พอนะคะ เป็นรูปฐานปฎิบัติการณ์และหลุมหลบภัยรูปแบบต่างๆนะคะ










ก่อนออกจากหมู่บ้านแวะอุดหนุนมันเผาและไข่ปิ้งกินแก้หนาวได้นะคะ



ผักบนยอดดอยก็มีขายนะคะ หรือจะซื้อของที่ระลึกจากฝีมือชาวเขาเผ่าปะหล่องก็มีให้เลือกสรรพอสมควรเลยค่ะ





จุดต่อไปคือการไปเยี่ยมชมไร่สตรอเบอร์รี่ ณ หมู่บ้านขอบด้ง เจอแม่อุ๊ยแถวนั้นก็อย่าลืมอุดหนุนกำไลแฮนเมดแกด้วยนะคะ





สตรอเบอร์รี่ตอนนี้มีไม่เยอะนะคะ เนื่องจากส่งเข้าโครงการหลวงซะส่วนใหญ่ แต่ยังพอมีลูกใหญ่สีแดงให้ได้ถ่ายรูปบ้างเล็กน้อยค่ะ ส่วนตัวแล้วเราชอบวิวโดยรอบมากเลยค่ะ ฉะนั้นสตรอเบอร์รี่จะมีน้อยหรือมากก็ไม่สำคัญเท่ากับการได้มาซึมซับบรรยากาศที่สวยงามของที่นี่เลยค่ะ







นอกจากสตรอเบอร์รี่แล้วที่นี่ยังมีผักต่างๆที่ปลูกบนหมู่บ้านแห่งนี้อีกนะคะ




ต่อไปก็จะเป็นจุดท่องเที่ยวสุดท้ายของวันนี้แล้วนะคะ นั่นก็คือ '' สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง '' ก่อนอื่นกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ฉะนั้นจุดหมายแรกคงเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก สโมสรอ่างขาง เราสั่งอาหารมารัปประทาน สามรายการ คือ ไก่อุ๊ป เห็ดพอร์ตโทเบลโล่ทอดซีอิ๊ว และผัดซาโยเต้ แต่หมดซะ 2 รายการ จึงเหลือเพียง ไก่อุ๊ป เราเลยเปลี่ยนไปสั่ง ผัดปวยเหล็งมาแทน ส่วนของหวานก็อดอีกตามระเบียบเพราะ พีชลอยแก้วที่สั่งไปก็หมดอีกค่ะ ส่วนเครื่องดื่มเราสั่งน้ำลิ้นจี่ มาดูหน้าตาอาหารกันค่ะ ขอรับรองว่าอร่อยทุกอย่างสมตามคำร่ำลือจริงๆค่ะ

จานแรกคือ เมนูไก่อุ๊ปนะคะ



ถัดมาคือ เมนูผัดปวยเหล็งค่ะ



เครื่องดื่มคือ เมนูน้ำลิ้นจี่นะคะ



บรรยากาศริมระเบียงสวยงามมากเลยค่ะ เพราะมองไปเบื้องหน้าก็จะเห็นต้นซากุระอยู่ใกล้สายตาเลยค่ะ เสียดายช่วงที่เราไปโต๊ะเต็มค่ะ เพราะไปถึงช่วงเที่ยงพอดี



ทานเสร็จด้านหน้าร้านก็จะมีมุมให้จิบกาแฟและเขียนโปสการ์ดหาคนที่คุณรักได้ ตามสโลแกน '' กาแฟสักแก้ว โปสการ์ดสักใบ ถึงใครสักคน ''



ไฮไลท์ในวันนี้มาถึงแล้วค่ะ นั่นก็คือการได้ไปสัมผัสและถ่ายรูปกับต้นซากุระในฝัน เนื่องจากว่ายังไม่มีวาสนาได้ไปเห็นที่ญี่ปุ่น เราจึงต้องดั้งด้นมาถึงดอยอ่างขางเพื่อประการนี้โดยเฉพาะเลยค่ะ เราแนะนำว่าคุณไม่จำเป็นต้องจอดรถเสี่ยงตายถ่ายรูปริมถนนเลยค่ะ เพราะในสวน 80 ฝั่งตรงข้ามสโมสรดอกซากุระสวยที่สุดแล้วค่ะ ดอกเยอะบานเต็มต้น สีสันสดใส มองแล้วสวย หวานมาก แถมบรรยากาศที่ตกแต่งไว้ก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสวนของประเทศญี่ปุ่นเลยค่ะ






จบไฮไลท์ของทริปได้อย่างราบรื่น ต่อไปก็เป็นจุดที่เราผ่านมาก่อนถึงสโมสร นั่นคือจุดขึ่ม้าค่ะ จุดนี้สวยตั้งแต่มองมาจากบนรถจนต้องบอกลุงให้ขับกลับเข้ามาใหม่ค่ะ ราคานั่งถ่ายรูปบนหลังม้า 20 บาทนะคะ หากอยากขี่เดินรอบๆก็ 60  บาท เสร็จจากขี่ม้าก็อย่าลืมซื้อแครอทให้น้องม้ากันด้วยนะคะ กำละ 10 บาทเองค่ะ และตรงจุดนี้หากสังเกตุดีๆก็เห็นต้นกาแฟอยู่หลายต้นเลยค่ะ กำลังออกเมล็ดรับลมหนาวกันให้พรึ่บเลยค่ะ





ต้นไม้ต้นเตี้ยๆที่เห็นเป็นพุ่มหลายๆพุ่มนี่คือต้นกาแฟนะคะ สามารถเข้ามาชมด้านในได้เลยค่ะ




วันนี้ขอจบทริปกับสวนสวยๆภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางนะคะ หากจะติจะชมหรือจะแนะนำอะไรก็บอกเราได้นะคะ



แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  เที่ยวไทย เที่ยวภูเขา บันทึกนักเดินทาง
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่