กองทุนเทมเพิลตัน โดยมาร์ค โมเบียส ไหลเข้าหุ้น หนุนบาทแข็งค่า

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1389696264

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวของค่าเงินประจำวันอังคารที่ 14 มกราคม 2557 ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 32.97/99 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (13/1) ที่ 32.95/96 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทนั้นเคลื่อนไหวในทิศทางที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ หลังจากมีรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐในเดือนธันวาคมปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 74,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 196,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลักต่าง ๆ อีกทั้งการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในประเทศไทยยังไม่มีการใช้ความรุนแรงและไม่มีสัญญาณการเข้าแทรกแซงตลาดของธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อบาทเพื่อชดเชยการตัดขายทำกำไรก่อนหน้านี้ โดยค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นกว่า 0.5% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สู่ระดับแข็งค่าที่สุดที่ระดับ 32.76 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. ประกอบกับนายมาร์ค โมเบียส ผู้จัดการกองทุนแฟรงคลิน เทมเพิลตัน ได้เข้าลงทุนกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ในตลาดหุ้นไทยโดยเน้นไปที่สินค้าโภคภัณฑ์และพลังงาน เนื่องจากมองว่าสถานการณ์การเมืองจะไม่เหมือนเดิมและปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยจะเป็นไปในเชิงบวกในอนาคต อย่างไรก็ตาม วันนี้คณะเจรจาในสภาคองเกรซสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงต่อร่างงบประมาณรายจ่ายวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ที่มีเป้าหมายเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถเปิดดำเนินงานจนถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้แล้ว ร่างกฎหมายดังกล่าวซึ่งคาดว่าจะมีการยื่นขอเข้าสู่การพิจารณาขั้นสุดท้ายของสภาคองเกรซในวันเสาร์นี้เวลา 20.00 น. ตามเวลาสหรัฐ เพื่อช่วยลดผลกระทบของการปรับลดค่าใช้จ่ายในวงกว้าง ด้วยการเพิ่มงบรายจ่ายในโครงการต่าง ๆ ภายในประเทศและด้านการทหารระหว่างปีงบประมาณ 2014 ขึ้นอีกราว 4.5 หมื่นล้าน โดยตลอดทั้งวันค่าเงินบาทมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 32.72-33.00 บาท/ดอลลาร์ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 32.77/78 บาท/ดอลลาร์

สำหรับค่าเงินยูโรวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 1.3663/65 ดอลลาร์/ยูโร ทรงตัวเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (13/1) ที่ 1.3664/67 ดอลลาร์/ยูโร โดยเงินยูโรนั้นเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบตลอดทั้งวัน หลังจากที่ประธานธนาคารกลางยุโรป นายมาริโอ้ ดรากี ได้ให้ความเห็นว่าจะยังคงดูอัตราเงินเฟ้อของกลุ่มยูโรโซนก่อนจะดำเนินมาตรการอัดฉีดเงินเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ช่วงบ่ายของวันนี้นายอีวัลด์ โนวอทนี สมาชิกประธานธนาคารกลางยุโรปได้ออกมาให้ความเห็นในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจยูโรโซน ส่งผลให้ค่าเงินยูโรขึ้นไปแตะที่ระดับ 1.3697 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนจะปรับฐานลงมาอยู่ในกรอบ กรอบการเคลื่อนไหวที่ 1.3649-1.3697 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1.3680/82 ดอลลาร์/ยูโร

สำหรับค่าเงินเยนวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 103.33/38 เยน/ดอลลาร์ ทรงตัวเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (13/1) ที่ 103.38/40 เยน/ดอลลาร์ โดยค่าเงินเยนปรับตัวแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค.ออกมาแย่กว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ อย่างไรก็ดีค่าเงินเยนปรับตัวอ่อนค่าขึ้น หลังจากทางการญี่ปุ่นเปิดเผยยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน พ.ย.สูงเป็นประวัติการณ์ที่ยอดขาดดุล 5.928 แสนล้านบาท โดยตลอดทั้งวันค่าเงินเยนมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 102.97-103.74 เยน/ดอลลาร์ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 103.63/65 เยน/ดอลลาร์

อนึ่ง ข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจและต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน ธ.ค.(PPI), ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ธ.ค. (CPI) (14/1), อัตราการว่างงานของออสเตรเลีย (15/1) จำนวนผู้ขอสวัสดิการครั้งแรกรายสัปดาห์ (16/1), ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือน ธ.ค., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือน ธ.ค., ดัชนียอดค้าปลีกของประเทศอังกฤษ (17/1)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ +5.8/6.0 สตางค์/ดอลลาร์ และอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ +9.0/11.00 สตางค์/ดอลลาร์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่