บทที่1
ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายที่ท่อแสงลงเพื่อให้ความอบอุ่นกับทุกชีวิตบนโลก เสียงปันจักรยานคนเล็ก ดังผสานกับเสียงคลอเพลงอย่างอารมณ์ดี
ดังผ่านความเงียบไปบนถนนที่ทอดยาวเข้าไปภายในซอยของหมู่บ้านแห่งหนึ่งแถวๆเขตบึงกุ่ม ยามบ่ายเช่นนี้ผู้คนส่วนใหญ่ออกไปทำงานนอก
บ้านกันหมด ทำให้ถนนภายในซอยดูเงียบกว่าปกติ
เปรียวปรียา ฮัมเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดี พลางสอดส่ายสายตาทักทายเจ้านกกระจอกตัวเล้กที่เกาะอยู่สายไฟ มีช่วงหนึ่งของชีวิต ที่เธอ
รู้สึกอิจฉานกตัวเล็กๆพวกนี้ ที่มันมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเอง อย่างจะท่องโลกไปไกลแค่ไหนก็ทำได้ ไม่มีข้อจำกัดมากมายเช่นดั่ง
มนุษย์ แต่พอนึกถึงบทประพันธ์ที่เธอชอบ หนังที่เธอเคยดู หรือเพลงเพราะๆที่เธอเคยฟัง ทำให้หญิงสาวรู้สึกขอบคุณพระเจ้ายิ่งนัก ที่ให้โอกาส
เธอได้เกิดเป็นมนุษย์ และมีโอกาสได้รับความบันเทิงเหล่านั้น หญิงสาวเริ่มเห็นคุณค่าของมือเล็กๆทั้งสองข้างของเธอ ที่จะเป็นผู้กุ่มชะตาหลาย
ล้านชีวิตที่อยู่ร่ายรอบตัว นี่คือภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในฐานะมนุษย์ของเธอ
ขณะที่หญงิสาวกำลังอิ่มเอมกับสภาพแวดล้อมรอบๆกายอยู่นั้น อยู่ๆก็มีร่างของใครคนหนึ่งกระโดดออกมาจากดอกเฟื้องฟ้ามายืนกางแขนกาง
ขาอยู่ตรงหน้าจักรยานของเธอ
"จ๊ะเอ๋! ยัยส้มบูด"
"ว๊ายยย...ไอ้ลมบ้าหมู ไอ้บ้า ล้มๆๆๆ ว๊ายย!!"
แท๊ดดด!! โครม!!
"อึ๋ย!"
หมดกันช่วงบ่ายแห่งอารมณ์ที่สุนทรี หมดกัน!!...หญิงสาวโอดครวญอยู่ในใจ รู้สึกชังน้ำหน้าคนที่แกล้งเธอเพิ่มมากขึ้นพันเท่าทวีคูณ
"โอ้ย!"
พอจะขยับตัวลุกขึ้น หญิงสาวก็ต้องทรุดลงไปนอนคว่ำอยู่อย่างเดิม เพราะรู้สึกปวดดหนึบๆที่ข้อศอกและหัวเข่าข้างขวาของเธอ
"ระวังๆ เดี๋ยวฉันช่วย เธอนี่นะนอกจากจะบูดสมชื่อแล้วยังซุ่มซ่ามไม่มีใครเกินอีก น่าอายจริงๆ"
ถึงจะรู้สึกผิดไม่น้อย ที่ตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนสาวต้องเจ็บตัว แต่มีหรือที่คนอย่างนายวายุ จะยอมเสียฟอร์มขอโทษเธอง่ายๆ
ทันที่ที่เขาช่วยยกจักรยานที่ทับอยู่บนตัวของเธออกไปให้หญิงสาวพยุงตัวเองขึ้นมานั่งได้ เธอก็ไม่รอช้าที่จะทำอย่างใจยากเสียที
เพลี๊ยะ!!
ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเศษหินก้อนเล็กๆฟาดเข้าที่แก้มซ้ายของชายหนุ่มเต็มแรงจนหน้าหัน พร้อมกับความรู้สึกชา มึนไปทั่วใบหน้า
"นี่สำหรับที่นายจงใจแกล้งฉัน โอ้ย!"
หญิงสาวพยายามจะพยุงตัวลุกขึ้น แต่ก็ต้องทรุดลงไปนั่งแมะอยู่กับที่อีกครั้ง เพราะเธอปวดร้าวไปทั่วตัว
"เอาซะหน้าซาเลย มือหรือเท้าน่ะทำไมถึงได้หนักขนาดนี้ มานี่ฉันช่วย"
วายุลูบแก้มซ้ายพลางมองหญิงสาวตาค้อน ก่อนที่จะเข้าไปพยุงเธอ
"ไม่ต้อง! อย่าเอามือสกปรกของนายมาแตะตัวฉัน"
หญิงสาวปัดมือเขาทิ้งอย่างไม่ใยดี และพยายามจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม
"อวดดี!"
"เรื่องของฉัน!"
นี่ถ้าไม่ใช่ยัยหนูส้มบูด นายวายุคงไม่เสียเวลาง้องอนเธออยู่แบบนี้เป็นแน่
นายลมบ้าหมูกับคุณหนูส้มบูด ตอนที่1
ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายที่ท่อแสงลงเพื่อให้ความอบอุ่นกับทุกชีวิตบนโลก เสียงปันจักรยานคนเล็ก ดังผสานกับเสียงคลอเพลงอย่างอารมณ์ดี
ดังผ่านความเงียบไปบนถนนที่ทอดยาวเข้าไปภายในซอยของหมู่บ้านแห่งหนึ่งแถวๆเขตบึงกุ่ม ยามบ่ายเช่นนี้ผู้คนส่วนใหญ่ออกไปทำงานนอก
บ้านกันหมด ทำให้ถนนภายในซอยดูเงียบกว่าปกติ
เปรียวปรียา ฮัมเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดี พลางสอดส่ายสายตาทักทายเจ้านกกระจอกตัวเล้กที่เกาะอยู่สายไฟ มีช่วงหนึ่งของชีวิต ที่เธอ
รู้สึกอิจฉานกตัวเล็กๆพวกนี้ ที่มันมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเอง อย่างจะท่องโลกไปไกลแค่ไหนก็ทำได้ ไม่มีข้อจำกัดมากมายเช่นดั่ง
มนุษย์ แต่พอนึกถึงบทประพันธ์ที่เธอชอบ หนังที่เธอเคยดู หรือเพลงเพราะๆที่เธอเคยฟัง ทำให้หญิงสาวรู้สึกขอบคุณพระเจ้ายิ่งนัก ที่ให้โอกาส
เธอได้เกิดเป็นมนุษย์ และมีโอกาสได้รับความบันเทิงเหล่านั้น หญิงสาวเริ่มเห็นคุณค่าของมือเล็กๆทั้งสองข้างของเธอ ที่จะเป็นผู้กุ่มชะตาหลาย
ล้านชีวิตที่อยู่ร่ายรอบตัว นี่คือภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในฐานะมนุษย์ของเธอ
ขณะที่หญงิสาวกำลังอิ่มเอมกับสภาพแวดล้อมรอบๆกายอยู่นั้น อยู่ๆก็มีร่างของใครคนหนึ่งกระโดดออกมาจากดอกเฟื้องฟ้ามายืนกางแขนกาง
ขาอยู่ตรงหน้าจักรยานของเธอ
"จ๊ะเอ๋! ยัยส้มบูด"
"ว๊ายยย...ไอ้ลมบ้าหมู ไอ้บ้า ล้มๆๆๆ ว๊ายย!!"
แท๊ดดด!! โครม!!
"อึ๋ย!"
หมดกันช่วงบ่ายแห่งอารมณ์ที่สุนทรี หมดกัน!!...หญิงสาวโอดครวญอยู่ในใจ รู้สึกชังน้ำหน้าคนที่แกล้งเธอเพิ่มมากขึ้นพันเท่าทวีคูณ
"โอ้ย!"
พอจะขยับตัวลุกขึ้น หญิงสาวก็ต้องทรุดลงไปนอนคว่ำอยู่อย่างเดิม เพราะรู้สึกปวดดหนึบๆที่ข้อศอกและหัวเข่าข้างขวาของเธอ
"ระวังๆ เดี๋ยวฉันช่วย เธอนี่นะนอกจากจะบูดสมชื่อแล้วยังซุ่มซ่ามไม่มีใครเกินอีก น่าอายจริงๆ"
ถึงจะรู้สึกผิดไม่น้อย ที่ตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนสาวต้องเจ็บตัว แต่มีหรือที่คนอย่างนายวายุ จะยอมเสียฟอร์มขอโทษเธอง่ายๆ
ทันที่ที่เขาช่วยยกจักรยานที่ทับอยู่บนตัวของเธออกไปให้หญิงสาวพยุงตัวเองขึ้นมานั่งได้ เธอก็ไม่รอช้าที่จะทำอย่างใจยากเสียที
เพลี๊ยะ!!
ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเศษหินก้อนเล็กๆฟาดเข้าที่แก้มซ้ายของชายหนุ่มเต็มแรงจนหน้าหัน พร้อมกับความรู้สึกชา มึนไปทั่วใบหน้า
"นี่สำหรับที่นายจงใจแกล้งฉัน โอ้ย!"
หญิงสาวพยายามจะพยุงตัวลุกขึ้น แต่ก็ต้องทรุดลงไปนั่งแมะอยู่กับที่อีกครั้ง เพราะเธอปวดร้าวไปทั่วตัว
"เอาซะหน้าซาเลย มือหรือเท้าน่ะทำไมถึงได้หนักขนาดนี้ มานี่ฉันช่วย"
วายุลูบแก้มซ้ายพลางมองหญิงสาวตาค้อน ก่อนที่จะเข้าไปพยุงเธอ
"ไม่ต้อง! อย่าเอามือสกปรกของนายมาแตะตัวฉัน"
หญิงสาวปัดมือเขาทิ้งอย่างไม่ใยดี และพยายามจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม
"อวดดี!"
"เรื่องของฉัน!"
นี่ถ้าไม่ใช่ยัยหนูส้มบูด นายวายุคงไม่เสียเวลาง้องอนเธออยู่แบบนี้เป็นแน่