สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ผมคบกับแฟนมาสามปี ทำงานค่อนข้างหนักเนื่องจากมีอาชีพเป็น consult
กลับดึกบ้าง ไปต่างจังหวัดบ้าง
ไม่ค่อยได้พาแฟนไปเที่ยวไหน ดีสุดก็แค่ดูหนัง กินข้าว buffet ตามห้าง (เคยไปทะเล ครั้งเดียว)
ผมคิดว่าผมเป็นคนดีเท่าที่จะทำได้แล้ว คือไม่เจ้าชู้ ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่
ดูแลงานบ้าน ซักผ้า ล้างจานให้ทุกอย่าง
แต่ผมเป็นคนไม่โรแมนติค แต่งตัวไม่เป็น เซ็ตผมก็ทำไม่เป็น
สิ่งที่เธอกรอกหูผมมาตลอดสามปี คือ ทำไมผมไม่เหมือนคนนั้น ไม่เหมือนคนนี้
ผมก็ได้แต่พยายามทำนะ ในแบบที่เธอชอบน่ะ แต่ทำแล้วก็ไม่ถูกใจเธออยู่ดี
ผมเป็น Geek มากๆ ผมจินตนาการไม่ออก ว่าแฟนผมจะชอบดอกไม้แบบไหน ซื้อไปไม่ถูกใจเธอก็โยนทิ้ง
คิดไม่ออกว่าควรจะพาแฟนไปเที่ยวที่ไหน พยายามถามเธอหลายครั้ง ว่าอยากไปไหน
เธอก็บอกว่าเป็นหน้าที่ของผู้ชายที่ต้องคิด ผมก็ ok จะลองพยายาม สุดท้ายก็ล้มเหลว
มันคงไม่ใช่ทางผม เพราะผมเป็นพวก Geek รึป่าวนะ
ตลอดเวลา 3 ปีนี้ผมไม่เคยโกรธไม่เคยด่าเธอเลย เวลาทะเลาะกันผมจะเงียบตลอด เธอก็จะหาว่าผมปล่อยให้เธอพูดคนเดียว
เราจะทะเลาะกันทุกงานเทศกาล วันเกิด วันครบรอบ วาเลนไท ลอยกระทง ปีใหม่ เป็นทุกปี
เพราะผมเป็นไม่โรแมนติค นั่นแหละ เลยทำหลายอย่างไม่ถูกใจ
ผมคิดไม่ออกว่าจะซื้อของขวัญแบบไหนให้เธอดี
แต่ถ้าเป็นของที่เธอต้องการ แค่บอกผมมา ผมหาให้ได้หมด แม้กระทั่งตั๋วคอนเสิร์ต
ที่ขายหมดแล้ว ผมต้องยอมซื้อต่อจากคนอื่น ซึ่งแพงกว่าราคาจริง สามเท่าผมก็หาให้ได้
แต่ขอเหอะ ถ้าให้คิดเองผมคิดไม่ออกหรอก
ต้นปี 56 นี้ผมพบว่าเธอแอบคุยกับผู้ชายคนนึง ที่ทำงานเดียวกันกับเธอ สมมติชื่อนาย A
จริงๆแล้วผมก็ไม่รู้เรื่องหรอก ถ้าเมียของนาย A ไม่มาหาผมและขอให้เตือนแฟนผมว่าอย่าไปยุ่งกับสามีเค้า
ผมถามเธอว่าทำแบบนี้ทำไม คำตอบคือผม ไม่โรแมนติก เท่าไอ้นาย A คนนี้
โชคดีจังที่ผมทราบ เรื่องนี้ก่อนที่มันจะเลยเถิดไปไกล
เธอขอโทษผม และโทษว่าผมดูแลเธอไม่ดี
โอเค ครั้งนี้ครั้งแรกช่างมัน
เราสองคนกลับมาคบกันอีกครั้ง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ผมจึงตรัสรู้ได้ว่า ที่เธอมักจะหงุดหงิดในเรื่องหยุมหยิม นั้นเป็นเพราะ
เธอมีคนอื่น จึงเกิดการเปรียบเทียบตลอดเวลาที่อยู่กับผม
แล้วมุมมองเธอคือผมแย่กว่า เธอเลยหงุดหงิดและชวนทะเลาะตลอดเวลานั่นเอง
ผ่านไป 5 เดือนทุกอย่างเหมือนจะดี
เข้าสู่เดือน ตุลาคม 2556
เธอเริ่มหงุดหงิดผมบ่อยขึ้น อีกครั้ง
ไม่ว่าจะเรื่องไม่เซตผม ใส่เสื้อแขนยาวแล้วไม่ยอมพับแขนเสื้อ
โทรศัพท์ของผมตังหมดก็โดนด่า และอีกหลายเรื่อง เช่น กินข้าวเสร็จแล้ว วางช้อนส้อมไม่เรียบร้อย
เรื่องง่ายๆ ที่พูดดีๆ ก้ได้ ไม่ควรจะทะเลาะกัน ก็เป็นเรื่องได้ทุกครั้ง
แต่ผมไม่ทันสังเกต ที่ช่วงเวลานั้น ที่ผมไปรับเธอที่ทำงาน จะมีพี่ชายคนนึง ชื่อพี่ B
คอยเดินมาส่งบ่อยๆ เธอบอกผมว่าเป็นพี่ที่ทำงาน นิสัยดี เป็นคนตลก ผมก็ไม่ได้สนใจ
ยกมือไหว้มันด้วยซ้ำ
กลางเดือน พ.ย. 2556 วันเกิดของผม เราทะเลาะกันอีกครั้งเนื่องจากผมพาเธอ แค่ไปดูหนังและกินข้าว
มันคงไม่ประทับใจเธอ (แต่วันเกิดตูแท้ๆ)
เธอขอเลิกกับผมในวันนั้นเลย
หลังจากนั้น โทรไปง้อ ก็ไม่ได้ผล เธอบอกต้องมีของมาง้อ
ผมก็คิดไม่ออก เลยถามไปว่า จะเอาอะไรช่วยบอกมา
เธอ อยากได้ทองคำ 2 บาท
ผมก็ ok แต่ยังไม่มีเวลาไปซื้อ ประกอบกับต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด
ไปๆกลับๆ ทำได้แค่โทรไปหาและส่งขนมไปให้กิน
แต่ดูท่าทีเธอแล้วคงไม่ยอมกลับมาง่ายๆ ผมเริ่มทำใจแล้ว
ผ่านไป 20 วัน (ราวๆ 10 ธ.ค. 2556) เธอโทรกลับมาหาผม
พร้อมเรื่องที่ผมไม่อยากได้ยิน
เธอท้องกับพี่ B
ช่วงเวลา 20 วันที่ผมไปทำงานและทำได้แค่โทรมา เธอไปอยู่กับพี่ B ครับ
และตอนนี้เธอไม่เหลือใคร เธอท้อง ไม่มีพ่อ
เธอขอโทษที่เห็นแก่ตัว แต่ขอให้ผมพาไปทำแท้ง
เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางอกจริงๆ เสียใจที่แฟนไปให้คนอื่นเอาฟรีๆ
แล้วยังต้องมาทำบาป แบบไม่รู้เรื่องอีก
แต่ก็ต้องยอมครับ ผมรักเธอ ผมเป็นคนพาเธอไปทำแท้ง ออกเงินให้และดูแล
ในช่วงที่เธอยังไม่แข็งแรง
ผ่านมาจนถึงสิ้นปีอีกครั้ง ผมติดงานที่ต่างจังหวัดไม่สามารถฉลองกับเธอได้
จึงขับรถ พาเธอไปส่งบ้าน ซึ่งไกลมากราวๆ 3 ชั่วโมงจากกรุงเทพในวันที่ 31 ธ.ค. 2556
เช้าวันที่ 1 ม.ค. 2557 เธอบอกผมว่าไม่ต้องมารับ เพราะพ่อขับรถมาส่งที่กรุงเทพแล้ว
เราเจอกันตอนเย็นวันที่ 1 ม.ค. 2557
มีรูป sync มาจากโทรศัพท์เธอ เข้ามาที่ dropbox ของผม
ผมพบว่าเป็นรูปเธอกอดอยู่กับนาย B ในเวลา 00:30 วันที่ 1 ม.ค. 2557 ที่กรุงเทพ
ผมงงครับ ผมไปส่งเธอกลับบ้านแล้ว เธอมาอยู่กรุงเทพได้ยังไง
หลักฐานคามือขนาดนี้ เธอยอมรับว่าอยาก countdown อยากดูพลุ
เหตุผลแค่นี้แหละครับ เธอจึงยอมนั่งรถกลับมาเองใช้เวลา 3 ชม หลังที่ผมส่งเธอแล้ว
เธอบอกว่าไม่มีอะไร เป็นแค่พี่น้องกันแล้ว
เชื่อไหม ว่าผมเชื่อ.....
และยังคบเธออยู่
วันนี้วันที่ 18 ม.ค. 2557
ทะเลาะกันเรื่องผม ไม่ยอมทาครีมกันแดดที่หน้าของผมเอง
เธอบอกว่าเธอทนไม่ไหวแล้ว และจะไม่อยู่กับผมแน่ๆ
ถ้าไม่ติดว่าผมหน้าที่การงานดีกว่าไอ้นาย B เธอบอกว่าเธอคงคบกับนาย B ไปแล้ว
ผมได้แต่คิดในใจว่า (ก็ครีมกันแดดหมด จะไปซื้อพรุ่งนี้ แต่พูดไม่ได้ เพราะถ้าทะเลาะกัน ผมต้องเงียบ)
ขอโทษที่ใช้พื้นที่กระทู้นี้นะครับ
จะบอกพ่อแม่หรือเพื่อนก็ไม่ได้ จะปรึกษาใครก็ไม่ได้
จนถึงวินาที ที่พิมพ์ข้อความนี้ก็ยังคบกันอยู่
แต่อึดอัดมาก เซ็ง เศร้า
กลับดึกบ้าง ไปต่างจังหวัดบ้าง
ไม่ค่อยได้พาแฟนไปเที่ยวไหน ดีสุดก็แค่ดูหนัง กินข้าว buffet ตามห้าง (เคยไปทะเล ครั้งเดียว)
ผมคิดว่าผมเป็นคนดีเท่าที่จะทำได้แล้ว คือไม่เจ้าชู้ ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่
ดูแลงานบ้าน ซักผ้า ล้างจานให้ทุกอย่าง
แต่ผมเป็นคนไม่โรแมนติค แต่งตัวไม่เป็น เซ็ตผมก็ทำไม่เป็น
สิ่งที่เธอกรอกหูผมมาตลอดสามปี คือ ทำไมผมไม่เหมือนคนนั้น ไม่เหมือนคนนี้
ผมก็ได้แต่พยายามทำนะ ในแบบที่เธอชอบน่ะ แต่ทำแล้วก็ไม่ถูกใจเธออยู่ดี
ผมเป็น Geek มากๆ ผมจินตนาการไม่ออก ว่าแฟนผมจะชอบดอกไม้แบบไหน ซื้อไปไม่ถูกใจเธอก็โยนทิ้ง
คิดไม่ออกว่าควรจะพาแฟนไปเที่ยวที่ไหน พยายามถามเธอหลายครั้ง ว่าอยากไปไหน
เธอก็บอกว่าเป็นหน้าที่ของผู้ชายที่ต้องคิด ผมก็ ok จะลองพยายาม สุดท้ายก็ล้มเหลว
มันคงไม่ใช่ทางผม เพราะผมเป็นพวก Geek รึป่าวนะ
ตลอดเวลา 3 ปีนี้ผมไม่เคยโกรธไม่เคยด่าเธอเลย เวลาทะเลาะกันผมจะเงียบตลอด เธอก็จะหาว่าผมปล่อยให้เธอพูดคนเดียว
เราจะทะเลาะกันทุกงานเทศกาล วันเกิด วันครบรอบ วาเลนไท ลอยกระทง ปีใหม่ เป็นทุกปี
เพราะผมเป็นไม่โรแมนติค นั่นแหละ เลยทำหลายอย่างไม่ถูกใจ
ผมคิดไม่ออกว่าจะซื้อของขวัญแบบไหนให้เธอดี
แต่ถ้าเป็นของที่เธอต้องการ แค่บอกผมมา ผมหาให้ได้หมด แม้กระทั่งตั๋วคอนเสิร์ต
ที่ขายหมดแล้ว ผมต้องยอมซื้อต่อจากคนอื่น ซึ่งแพงกว่าราคาจริง สามเท่าผมก็หาให้ได้
แต่ขอเหอะ ถ้าให้คิดเองผมคิดไม่ออกหรอก
ต้นปี 56 นี้ผมพบว่าเธอแอบคุยกับผู้ชายคนนึง ที่ทำงานเดียวกันกับเธอ สมมติชื่อนาย A
จริงๆแล้วผมก็ไม่รู้เรื่องหรอก ถ้าเมียของนาย A ไม่มาหาผมและขอให้เตือนแฟนผมว่าอย่าไปยุ่งกับสามีเค้า
ผมถามเธอว่าทำแบบนี้ทำไม คำตอบคือผม ไม่โรแมนติก เท่าไอ้นาย A คนนี้
โชคดีจังที่ผมทราบ เรื่องนี้ก่อนที่มันจะเลยเถิดไปไกล
เธอขอโทษผม และโทษว่าผมดูแลเธอไม่ดี
โอเค ครั้งนี้ครั้งแรกช่างมัน
เราสองคนกลับมาคบกันอีกครั้ง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ผมจึงตรัสรู้ได้ว่า ที่เธอมักจะหงุดหงิดในเรื่องหยุมหยิม นั้นเป็นเพราะ
เธอมีคนอื่น จึงเกิดการเปรียบเทียบตลอดเวลาที่อยู่กับผม
แล้วมุมมองเธอคือผมแย่กว่า เธอเลยหงุดหงิดและชวนทะเลาะตลอดเวลานั่นเอง
ผ่านไป 5 เดือนทุกอย่างเหมือนจะดี
เข้าสู่เดือน ตุลาคม 2556
เธอเริ่มหงุดหงิดผมบ่อยขึ้น อีกครั้ง
ไม่ว่าจะเรื่องไม่เซตผม ใส่เสื้อแขนยาวแล้วไม่ยอมพับแขนเสื้อ
โทรศัพท์ของผมตังหมดก็โดนด่า และอีกหลายเรื่อง เช่น กินข้าวเสร็จแล้ว วางช้อนส้อมไม่เรียบร้อย
เรื่องง่ายๆ ที่พูดดีๆ ก้ได้ ไม่ควรจะทะเลาะกัน ก็เป็นเรื่องได้ทุกครั้ง
แต่ผมไม่ทันสังเกต ที่ช่วงเวลานั้น ที่ผมไปรับเธอที่ทำงาน จะมีพี่ชายคนนึง ชื่อพี่ B
คอยเดินมาส่งบ่อยๆ เธอบอกผมว่าเป็นพี่ที่ทำงาน นิสัยดี เป็นคนตลก ผมก็ไม่ได้สนใจ
ยกมือไหว้มันด้วยซ้ำ
กลางเดือน พ.ย. 2556 วันเกิดของผม เราทะเลาะกันอีกครั้งเนื่องจากผมพาเธอ แค่ไปดูหนังและกินข้าว
มันคงไม่ประทับใจเธอ (แต่วันเกิดตูแท้ๆ)
เธอขอเลิกกับผมในวันนั้นเลย
หลังจากนั้น โทรไปง้อ ก็ไม่ได้ผล เธอบอกต้องมีของมาง้อ
ผมก็คิดไม่ออก เลยถามไปว่า จะเอาอะไรช่วยบอกมา
เธอ อยากได้ทองคำ 2 บาท
ผมก็ ok แต่ยังไม่มีเวลาไปซื้อ ประกอบกับต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด
ไปๆกลับๆ ทำได้แค่โทรไปหาและส่งขนมไปให้กิน
แต่ดูท่าทีเธอแล้วคงไม่ยอมกลับมาง่ายๆ ผมเริ่มทำใจแล้ว
ผ่านไป 20 วัน (ราวๆ 10 ธ.ค. 2556) เธอโทรกลับมาหาผม
พร้อมเรื่องที่ผมไม่อยากได้ยิน
เธอท้องกับพี่ B
ช่วงเวลา 20 วันที่ผมไปทำงานและทำได้แค่โทรมา เธอไปอยู่กับพี่ B ครับ
และตอนนี้เธอไม่เหลือใคร เธอท้อง ไม่มีพ่อ
เธอขอโทษที่เห็นแก่ตัว แต่ขอให้ผมพาไปทำแท้ง
เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางอกจริงๆ เสียใจที่แฟนไปให้คนอื่นเอาฟรีๆ
แล้วยังต้องมาทำบาป แบบไม่รู้เรื่องอีก
แต่ก็ต้องยอมครับ ผมรักเธอ ผมเป็นคนพาเธอไปทำแท้ง ออกเงินให้และดูแล
ในช่วงที่เธอยังไม่แข็งแรง
ผ่านมาจนถึงสิ้นปีอีกครั้ง ผมติดงานที่ต่างจังหวัดไม่สามารถฉลองกับเธอได้
จึงขับรถ พาเธอไปส่งบ้าน ซึ่งไกลมากราวๆ 3 ชั่วโมงจากกรุงเทพในวันที่ 31 ธ.ค. 2556
เช้าวันที่ 1 ม.ค. 2557 เธอบอกผมว่าไม่ต้องมารับ เพราะพ่อขับรถมาส่งที่กรุงเทพแล้ว
เราเจอกันตอนเย็นวันที่ 1 ม.ค. 2557
มีรูป sync มาจากโทรศัพท์เธอ เข้ามาที่ dropbox ของผม
ผมพบว่าเป็นรูปเธอกอดอยู่กับนาย B ในเวลา 00:30 วันที่ 1 ม.ค. 2557 ที่กรุงเทพ
ผมงงครับ ผมไปส่งเธอกลับบ้านแล้ว เธอมาอยู่กรุงเทพได้ยังไง
หลักฐานคามือขนาดนี้ เธอยอมรับว่าอยาก countdown อยากดูพลุ
เหตุผลแค่นี้แหละครับ เธอจึงยอมนั่งรถกลับมาเองใช้เวลา 3 ชม หลังที่ผมส่งเธอแล้ว
เธอบอกว่าไม่มีอะไร เป็นแค่พี่น้องกันแล้ว
เชื่อไหม ว่าผมเชื่อ.....
และยังคบเธออยู่
วันนี้วันที่ 18 ม.ค. 2557
ทะเลาะกันเรื่องผม ไม่ยอมทาครีมกันแดดที่หน้าของผมเอง
เธอบอกว่าเธอทนไม่ไหวแล้ว และจะไม่อยู่กับผมแน่ๆ
ถ้าไม่ติดว่าผมหน้าที่การงานดีกว่าไอ้นาย B เธอบอกว่าเธอคงคบกับนาย B ไปแล้ว
ผมได้แต่คิดในใจว่า (ก็ครีมกันแดดหมด จะไปซื้อพรุ่งนี้ แต่พูดไม่ได้ เพราะถ้าทะเลาะกัน ผมต้องเงียบ)
ขอโทษที่ใช้พื้นที่กระทู้นี้นะครับ
จะบอกพ่อแม่หรือเพื่อนก็ไม่ได้ จะปรึกษาใครก็ไม่ได้
จนถึงวินาที ที่พิมพ์ข้อความนี้ก็ยังคบกันอยู่
แต่อึดอัดมาก เซ็ง เศร้า
แสดงความคิดเห็น
หากทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายลงไปเราจะยังมีทางได้โอกาสอีกไหมคะ?
เราคุยกับคนๆนึงมาได้เกือบครึ่งปีค่ะ
เราเจอกับเขาเพราะเป็นเพื่อนของเพื่อน
ลักษณะนิสัยเขาจะเป็นคนนิ่งๆเงียบๆ ไม่ค่อยแสดงออก
ออกแนวเด็กเรียนวิชาการ ใจดีมาก
ที่ผ่านมาเราคุยกันด้วยดีตลอด เราแอบชอบเขาก่อน
เราพยายามคุยไปเรื่อยๆ จนในที่สุดความรู้สึกของเราก็ตรงกัน ที่ผ่านมาเราคุยกันด้วยดีมาก เขาห่วงใยเราตลอด เราเองที่ติดจะมีนิสัยขี้เหวี่ยงขี้วีน แต่เขาก็รับเราได้ตลอด
จนเมื่อเดือนพฤศจิกาที่ผ่านมาอยู่ๆเราก็รู้สึกไปเองว่าเขาดูแลเราไม่ดีเลย ไม่เหมือนคู่อื่นๆคงเป็นเพราะเขาไม่ค่อยแสดงออก เราก็เริ่มไปวีนไปเหวี่ยงเขา
แล้วที่โหดร้ายที่สุด เราส่งรูปของเพื่อนสนิทเรากับเขาแล้วบอกว่าอยากให้เขาเป็นอย่างนั้นบ้าง ช่วงนั้นทะเลาะกันบ่อย
เขาก็อดทนมาโดยตลอด
แต่แน่นอนความอดทนทุกคนมีขีดจำกัด ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว
เขาเริ่มเปลี่ยนไปคุยกับเราน้อยลง
จนในที่สุดเมื่อวานนี้เองที่เราคุยกันแล้วเขาบอกว่ายังรู้สึกดีอยู่แต่มันไม่เหมือนเดิม เหมือนแต่ก่อนที่ไม่ว่าจะเหนื่อยจากงานในม.แค่ไหนเขาก็ยังมีแรงอยากคุยกับเราเสมอ แต่เดี๋ยวนี้เขาบอกมันไม่ใช่ เหมือนความสุขที่เคยมีมันหายไปไหนหมดไม่รู้ แต่เขาก็ยังรู้สึกดีกับเราอยู่แต่มันไม่ใช่เหมือนเดิมแล้ว
เราฟังแล้วเจ็บมากค่ะ คือทั้งหมดเป็นความผิดเราเองทั้งหมดเลย เรารู้ตัวดี เขาบอกไม่รู้จะทำยังไงต่อไปเหมือนกัน เราพยายามบอกเขาว่าเราจะปรับปรุงตัว เขาบอกว่าถ้าเราปรับปรุงตัวตอนนี้แต่เขายังเหมือนเดิมไม่ได้คนที่เสียใจก็คือเราทั้งคู่ ตอนนี้เขาเลยบอกให้กลับไปเป็นเพื่อนกันซึ่งอันนี้เราเข้าใจค่ะ บุญแค่ไหนแล้วที่เขายังอดทนกับเราอยู่ เราเลยพยายามทำตัวเป็นเพื่อนกับเขาค่ะ
เมื่อคืนไปดื่มกันฉลองวันเกิดเขา จริงๆเขาไม่อยากให้เราไปเพราะเราเคยกินแล้วเมาเรื้อน(คออ่อนมาก)แต่เราสัญญาไว้ว่าจะไม่กินเหล้าเราเลยได้มา พอมาถึงเขาก็ไม่พูดอะไรกับเราเลย นอกจากบอกว่า อยากกินก็กินเลยแต่ดูแลตัวเองแล้วกัน
พอเขาไม่อยู่เพื่อนเลยส่งเบียร์มาให้ลองชิม เราก็เริ่มทรงตัวไม่ถูกแล้ว จะเดินไปบ้วนเบียร์ทิ้งเขาก็รีบเดินตามเรามาเพราะนึกว่าเราจะไปอาเจียน เขาดูเป็นห่วงเรามาก แต่พอจากนั้นเขากลับไม่คุยกับเราอีกเลย นั่งกินเบียร์เงียบๆ พอก่อนกลับเราถามเขาว่าทำไมไม่คุยกับเราเลย เราก็ยอมกลับไปเป็นเพื่อนเขาแล้ว เขาบอกว่ายังทำใจไม่ได้ประมาณนี้ ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปเหมือนกัน จากนั้นเขาก็ให้เพื่อนอีกคนไปส่งเรา เพราะเขาต้องไปส่งเพื่อนคน อื่นก่อน เราจะดื้อไม่ยอมกลับเขาก็บอกว่าอย่าให้เป็นห่วงเราเลยกลับไปก่อนเขาต้องไปดูเพื่อนคนอื่น
ตอนนี้เราเลยกลับมานั่งงงในชีวิตว่าจะทำยังไงต่อดี แต่เราตั้งมั่นไว้ว่าจะไม่ยอมแพ้ เราจะปรับนิสัยของเราให้ดีขึ้นแล้วเราจะจีบเขาใหม่ เราเลยอยากลองถามว่าเรามีโอกาสจะทำสำเร็จไหมคะ แล้วเราควรทำยังไงดี เว้นระยะห่างไปก่อนให้เขาได้คิด หรือเราจะลุยหน้าต่อไปเลย
เขาเป็นคนดีมากจริงๆค่ะ ทั้งที่เราทำตัวแย่ขนาดนั้นแต่เมื่อวันอังคารเราอยากกินเหล้าเขาก็ไปกับเราเพราะเป็นห่วง
เรางอแงจะไปนั่งที่สวนยุงก็เยอะเขาก็นั่งกับเรา
แถมยังไล่ยุงให้ด้วย เราไปกินต่อกับรุ่นพี่เขาเขาก็ผสมให้เราอ่อนมาก ไม่ให้เราชงเหล้าเอง แต่เขาไม่ยอมคุยกับเราเลยเอาแต่ประชดว่าอยากกินกินเลย
ตกลงนี่เขาใจดีทั่วๆไปหรือเรายังมีความหวังอยู่คะ
เพื่อนเขาบอกว่าเราเป็นคนแรกที่เขาจีบ เขาคงยังไม่รู้จะทำยังไงต่อ อย่างนี้เขาจะเข็ดจนไม่ให้โอกาสเราไหมคะ
สุดท้ายนี่อยากเตือนสติทุกคนที่อ่านอยู่ว่า ได้โปรดมองเห็นค่าในสิ่งที่คุณมี อย่าเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเลย เหมือนเราที่มีสิ่งที่ดีที่สุดเข้ามาแต่เรากลับทำร้ายเขาจนทุกอย่างเป็นอย่างนี้
ปล.ท็กสุขภาพจิตเพราะเราสับสนกับชีวิตมากเลยเหมือนกันค่ะ