ม่อนแจ่มไดอารี่

หลังจากยืนยันการชำระเงิน ตั๋วเครื่องบินราคาถูกบินตรงจากภูเก็ตสู่เชียงใหม่ก็ถูกจองสมบูรณ์อย่างเสร็จสิ้น
กลางเดือนธันวาคม 2556 เดินทาง...อีกสิบเอ็ดเดือนเจอกัน...
…ไปแบบใจง่ายๆไม่ได้แพลนเห็นเพื่อนๆในกรุงเทพเค้าชวนกันในเฟสก็หน้ามึนตามเค้าไป...
'แต่ใครจะรู้ว่ามันจะกลายเป็นทริปในความทรงจำตลอดไป'...

    ทำงานหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ทะเลอยู่ที่ภูเก็ตจนเกือบลืมไปแล้วว่ามีทริปปลายปีที่เชียงใหม่
ช่างใจอยู่นานว่าจะทิ้งตั๋วดีไหม เพราะจำนวนชาวแก็งค์ที่จองตั๋วไว้ส่วนใหญ่ทิ้งตั๋วไปเกินครึ่ง
แต่แล้ว...กลิ่นไอของความหนาวเย็นจากทางเหนือก็เรียกร้อง...'ไปก็ไปวะ'

    และแล้ววันแห่ง'ชะตากรรม'หรือต้องเรียกว่า'โชคชะตา' ก็…เริ่มขึ้น
หลังจากคืนแรกอันเมามายแถวนิมมานเพราะฤทธิ์ Hoegaarden 4 แก้วยักษ์แล้วตบด้วย Singha อีก 9 ขวด
แผนการทุกอย่างที่วางไว้ในช่วงเช้าจึงงดไปโดยปริยาย...
    
    คืนที่สองพวกเราจองเป็น Guest House ไว้ ที่เราไปพักนั้นเป็นบ้านเดี่ยวสามชั้นมีห้องพักสามห้อง
ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาทางขึ้นม่อนแจ่ม...ซึ่งพวกเราจองไว้สองห้อง..ไม่ต่างอะไรกับการเหมาทั้งหลัง
บริเวณชั้น 3 มีครัวแถมสามารถปิ้งย่างได้ด้วย...เยี่ยม
    
    หลังจากที่เราเข้าเช็คอินในช่วงบ่ายทำให้ทราบว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้มีแต่พวกเราที่เข้าพัก
ยังขาดอยู่อีกหนึ่งห้อง…ที่รู้คือชื่อที่จองไว้น่าจะเป็นผู้หญิง..เพื่อนสาวแอบชำเลืองเห็นในสมุดรับจอง
    
    ทริปนี้เราไปกันทั้งหมด4คน ชาย2หญิง2 ใครเห็นก็คงคิดว่ามากันเป็นคู่แน่ๆ..แต่เปล่า
ถ้าจะได้กันก็คงตั้งแต่สมัยมหา'ลัยแล้วล่ะ...บางทีก็แอบสงสัยทำไมพวกเมิงไม่เอากู

    ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ ฝ่ายชายอย่างเราจึงยอมให้สุภาพสตรีรับหน้าที่นำทางและขับรถ
ส่วนเราทำหน้าที่จัดเสบียงและสิ่งมึนเมา..'แมนโคตร'…งั้นสำหรับคืนนี้ Leo 1 ลังสำหรับท่านชาย
แล้วก็เครื่องดื่มเบาๆสำหรับพนักงานขับรถกับเนวิเกเตอร์ พร้อมด้วยกับแกล้มไม่กี่อย่าง......ฟิน

    ระหว่างที่พวกเรากำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเย็นในที่พัก บทสนทนาเกี่ยวกับแขกอีกท่าน
คือเรื่องที่นำมาเป็นประเด็น การวิเคราะห์ในแง่มุมต่างๆว่าแขกอีกท่านหนึ่งเป็นอย่างไรจึงหลีกเลี่ยงมิได้
เรียกง่ายๆว่านินทาตั้งแต่หน้ายังไม่เจอ บ้างก็ว่าน่าจะเป็นสาววัยทำงาน บ้างก็ว่าน่าจะเป็นวัยรุ่นสาวใส
ประเด็นนี้ทำให้สุภาพบุรุษใจหมาอย่างเราใจพองโต หรือหนักกว่านั้นอาจเป็นคุณป้าพาลูกหลานมาพักผ่อน
…จบ...ปิดประตูมโนได้อย่างรุนแรง...ใครคิดวะ
    
    ยี่สิบเอ็ดนาฬิกาขณะที่ลิ้มรสเบียร์ท่ามกลางสายฝนที่เทลงมาบวกกับอากาศหนาวในกลางเดือนธันวา
บุคคลที่ตกเป็นประเด็นในการสนทนาเพิ่งจะเดินทางมาถึง รถยนต์หนึ่งคันพร้อมผู้หญิง4คน...เชร้ดดดดด
"ประตูอยู่ทางนี้ครับ" วาจาแรกจากระเบียงชั้น 3 ที่เอ่ยกับคณะสาวๆที่ยืนงงขณะหาทางเข้าที่พักอยู่ด้านล่าง

    หลังจากใช้สายตาฝ่าความสลัวของแสงไฟที่ประตูหน้าบวกกับฤทธิ์ของเครื่องดื่มสลายยางอาย
คำตอบที่ได้ "น่ารักทั้งแก็งค์เลยว่ะ" เพื่อนชายที่ไปด้วยกันคาบข่าวมาบอก...สีหน้าเมิงดีใจมากเพื่อน

    "จะขึ้นมาไหมวะ"...เพื่อนชายกระซิบถามด้วยท่าทางตื่นเต้นประหนึ่งได้นัดบอด
    "กูว่าขึ้นว่ะ"...ผมกระซิบตอบด้วยอาการเดียวกับมัน...จะตื่นเต้นทำไมวะเนี่ย

    หลังจากสิ้นเสียงสนทนาไม่นาน สาวๆก็ปรากฏตัว
    "เชิญครับ"น้ำเสียงเชื้อเชิญถูกปฏิเสธด้วยคำว่า "ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวใช้ครัวข้างล่างดีกว่า"
    โลกดับ มโนสลาย..ผมมองเห็นได้ในแววตาเพื่อน
    "พี่ว่านั่งข้างบนบรรยากาศดีกว่านะคะ มาแจมด้วยกันก็ได้" เพื่อนสาวที่มาด้วยช่วยเสริมเหมือนรู้ใจเพื่อนชาย
    อีกฝ่ายจึงตอบตกลง...แทบจะเดินเข้าไปกราบเบญจางคประดิษฐ์เพื่อนสาว...ผมรู้ได้ในความคิดเพื่อนทันที    …มันต้องคิดเหมือนกับผมเป็นแน่

    และแล้วสิ่งเหล่านี้ก็เริ่มเกิดกับตัวผม...แวบแรกที่พบ'เธอ'ผู้นั้นโลกของผมก็เปลี่ยนไป หูอื้อ ตาพล่า โฟกัสเริ่มไม่ชัดเจน
อาจเพราะผมไม่ได้ใส่แว่นตาหรือว่าอำนาจของเบียร์ก็มิรู้ได้...ทุกอย่างดับหมด ผมมองเห็นเพียง'เธอ'แค่คนเดียว...เวอร์ที่สุด
    
    จากนั้นบทสนทนาต่างมากมายๆจึงเกิดขึ้น พวกเธอมาทางรถไฟจากกรุงเทพ รถเสียเวลา รถเช่าไม่เวิร์ก
ช้าเพราะหาของกิน ทำงานที่ไหนสักที่ พรุ่งนี้ลงไปเที่ยวนิมมาน …….แล้วต่างๆนานาอีกมากมาย ผมสารภาพเลยว่าจำไม่ได้...
…จำได้เพียงว่า...ผมนั่งคุยกับ'เธอ'ทั้งคืน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่