สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ขอแชร์ข้อมูลด้วยคนคะ เนื่องจากเราสนใจเรื่องนี้มากค่ะ และติดตามอ่านหนังสืออ่านนอกเวลามาตลอด ^ ^
หนังสืออ่านนอกเวลาภาษาอังกฤษ ไม่เหมือนนิยายทั่วไปนะคะ เพราะหนังสือกลุ่มนี้ ออกแบบภายใต้หลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศเอาไว้ค่ะ เ้น้นสำหรับผู้อ่านที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศ หรือเป็นภาษาที่ 2 ฝึกอ่าน เพื่อสร้างคลังศัพท์ และคลังไวยากรณ์โดยเฉพาะ ตามหลักการ ดังนี้
1. มีการควบคุมจำนวนคำศัพท์หลัก (headword) ในเล่ม
2. กำหนดจำนวนคำในเล่ม (word count) ให้เหมาะกับระดับความรู้ของผู้อ่าน
3. ควบคุมหัวข้อไวยากรณ์ที่ใช้ในเล่ม ให้สอดคล้องกับความยากของคำศัพท์
หนังสืออ่านนอกเวลาจึงมีการแบ่งเป็น level ค่ะ โดยเอาคำศัพท์ และไวยากรณ์ทั้งหมด มาซอยเป็นก้อน ๆ ไล่จากง่ายเป็นยาก และเขียนเนื้อเรื่องหนังสือโดยใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ตามหัวข้อที่กำหนดเท่านั้น ดังนั้น เมื่ออ่านแล้วจะเห็นคำศัพท์ซ้ำไปซ้ำมา ในโครงสร้างประโยคแบบเดิม ๆ ทำให้ผู้อ่านทำความเข้าใจคำศัพท์ และเนื้อเรื่องได้ไม่ยากนัก และเริ่มต้นพัฒนาภาษาอังกฤษได้ค่ะ
เราถึงมีคำเรียกชื่อหนังสือกลุ่มนี้ว่า graded readers ไงคะ (graded = แบ่งเป็นระดับ + readers = หนังสือสำหรับฝึกอ่าน) ตามชื่อเลย
ข้อดี คือ หนังสือนอกเวลาจะช่วยสร้างคลังศัพท์ และไวยากรณ์ให้เรา โดยไม่ต้องท่องค่ะ เพียงแค่อ่านให้มากพอ และถี่พอเท่านั้นเอง
หนังสืออ่านนอกเวลาแต่ละชุด ส่วนใหญ่จะมี 2 ช่วง คือ ชุดสำหรับเด็กเล็ก กับชุดสำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่
1. ชึดเด็กเล็ก บรรจุคำศัพท์ ประมาณ 100-1,000 คำศัพท์ (frequently used words) ส่วนใหญ่ แบ่งออกเป็น 3-4 level
2. ชุดเด็กโต-ผู้ใหญ่ บรรจุคำศัพท์ ประมาณ 400-3,000 คำศัพท์ (frequently used words) ส่วนใหญ่ แบ่งออกเป็น 5-6 level
เมื่อตะลุยอ่านให้ัครบทั้ง series ก็จะได้คำศัพท์ตามนั้นเลย แถมได้ grammar มาด้วย เพราะเราเห็นศัพท์พร้อมโครงสร้างการใช้งาน ไม่ต้องท่อง !!!
ถ้าจะอ่านนิยายทั่วไป ที่ผู้แต่งเป็นเจ้าของภาษา เขียนเพื่อให้ผู้อ่านที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่อ่าน จะไม่มีการควบคุมการใช้คำศัพท์และำไวยากรณ์แบบนี้ค่ะ เพราะเขาถือว่า คนอ่านเป็นเจ้าของภาษารู้เรื่องอยู่แล้ว เหมือนเรา่อ่านนิยายไทยนั่นแล
มีการวิจัยเก็บข้อมูลเฉลี่ยเอาไว้ด้วยว่า ถ้าจะอ่านหนังสือนิยายภาษาอังกฤษทั่วไปให้รู้เรื่อง โดยไม่ต้องเปิดพจนานุกรม ผู้อ่านต้องมีความรู้คำศัพท์ประมาณ 70,000 คำ (เอิ่ม....)
ถ้าอ่านหนังสืออ่านนอกเวลา จะใช้ความรู้ศัพท์เพียง 100-3,000 คำ (frequently used words) เท่านั้น ก็อ่านเข้าใจได้เลย
การสร้างคลังศัพท์ 3,000 ถ้าไม่ใช่ด้วยการอ่านหนังสืออ่านอกเวลาแบบนี้ แล้วท่องเอาเอง โอกาสจำได้ทั้งหมดนี่ยากมากเลยนะคะ ที่สำคัญ 3,000 frequently used words นี้ ฝรั่งเขาวิจัยมาแล้วค่ะว่า เป็นคำกลุ่มที่มีอัตราการใช้ถี่ที่สุด ในภาษาอังกฤษที่ใช้สื่อสารกันในชีวิตประจำวัน มีคำกลุ่มนี้อยู่ด้วยประมาณ 90% ถ้าเรามีไว้ในครอบครอง หากินได้แน่นอนค่ะ ^ ^
ขอให้สนุกกับการอ่านภาษาอังกฤษนะค้า ไม่ยากอย่างที่คิดเลยค้า
หนังสืออ่านนอกเวลาภาษาอังกฤษ ไม่เหมือนนิยายทั่วไปนะคะ เพราะหนังสือกลุ่มนี้ ออกแบบภายใต้หลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศเอาไว้ค่ะ เ้น้นสำหรับผู้อ่านที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศ หรือเป็นภาษาที่ 2 ฝึกอ่าน เพื่อสร้างคลังศัพท์ และคลังไวยากรณ์โดยเฉพาะ ตามหลักการ ดังนี้
1. มีการควบคุมจำนวนคำศัพท์หลัก (headword) ในเล่ม
2. กำหนดจำนวนคำในเล่ม (word count) ให้เหมาะกับระดับความรู้ของผู้อ่าน
3. ควบคุมหัวข้อไวยากรณ์ที่ใช้ในเล่ม ให้สอดคล้องกับความยากของคำศัพท์
หนังสืออ่านนอกเวลาจึงมีการแบ่งเป็น level ค่ะ โดยเอาคำศัพท์ และไวยากรณ์ทั้งหมด มาซอยเป็นก้อน ๆ ไล่จากง่ายเป็นยาก และเขียนเนื้อเรื่องหนังสือโดยใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ตามหัวข้อที่กำหนดเท่านั้น ดังนั้น เมื่ออ่านแล้วจะเห็นคำศัพท์ซ้ำไปซ้ำมา ในโครงสร้างประโยคแบบเดิม ๆ ทำให้ผู้อ่านทำความเข้าใจคำศัพท์ และเนื้อเรื่องได้ไม่ยากนัก และเริ่มต้นพัฒนาภาษาอังกฤษได้ค่ะ
เราถึงมีคำเรียกชื่อหนังสือกลุ่มนี้ว่า graded readers ไงคะ (graded = แบ่งเป็นระดับ + readers = หนังสือสำหรับฝึกอ่าน) ตามชื่อเลย
ข้อดี คือ หนังสือนอกเวลาจะช่วยสร้างคลังศัพท์ และไวยากรณ์ให้เรา โดยไม่ต้องท่องค่ะ เพียงแค่อ่านให้มากพอ และถี่พอเท่านั้นเอง
หนังสืออ่านนอกเวลาแต่ละชุด ส่วนใหญ่จะมี 2 ช่วง คือ ชุดสำหรับเด็กเล็ก กับชุดสำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่
1. ชึดเด็กเล็ก บรรจุคำศัพท์ ประมาณ 100-1,000 คำศัพท์ (frequently used words) ส่วนใหญ่ แบ่งออกเป็น 3-4 level
2. ชุดเด็กโต-ผู้ใหญ่ บรรจุคำศัพท์ ประมาณ 400-3,000 คำศัพท์ (frequently used words) ส่วนใหญ่ แบ่งออกเป็น 5-6 level
เมื่อตะลุยอ่านให้ัครบทั้ง series ก็จะได้คำศัพท์ตามนั้นเลย แถมได้ grammar มาด้วย เพราะเราเห็นศัพท์พร้อมโครงสร้างการใช้งาน ไม่ต้องท่อง !!!
ถ้าจะอ่านนิยายทั่วไป ที่ผู้แต่งเป็นเจ้าของภาษา เขียนเพื่อให้ผู้อ่านที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่อ่าน จะไม่มีการควบคุมการใช้คำศัพท์และำไวยากรณ์แบบนี้ค่ะ เพราะเขาถือว่า คนอ่านเป็นเจ้าของภาษารู้เรื่องอยู่แล้ว เหมือนเรา่อ่านนิยายไทยนั่นแล
มีการวิจัยเก็บข้อมูลเฉลี่ยเอาไว้ด้วยว่า ถ้าจะอ่านหนังสือนิยายภาษาอังกฤษทั่วไปให้รู้เรื่อง โดยไม่ต้องเปิดพจนานุกรม ผู้อ่านต้องมีความรู้คำศัพท์ประมาณ 70,000 คำ (เอิ่ม....)
ถ้าอ่านหนังสืออ่านนอกเวลา จะใช้ความรู้ศัพท์เพียง 100-3,000 คำ (frequently used words) เท่านั้น ก็อ่านเข้าใจได้เลย
การสร้างคลังศัพท์ 3,000 ถ้าไม่ใช่ด้วยการอ่านหนังสืออ่านอกเวลาแบบนี้ แล้วท่องเอาเอง โอกาสจำได้ทั้งหมดนี่ยากมากเลยนะคะ ที่สำคัญ 3,000 frequently used words นี้ ฝรั่งเขาวิจัยมาแล้วค่ะว่า เป็นคำกลุ่มที่มีอัตราการใช้ถี่ที่สุด ในภาษาอังกฤษที่ใช้สื่อสารกันในชีวิตประจำวัน มีคำกลุ่มนี้อยู่ด้วยประมาณ 90% ถ้าเรามีไว้ในครอบครอง หากินได้แน่นอนค่ะ ^ ^
ขอให้สนุกกับการอ่านภาษาอังกฤษนะค้า ไม่ยากอย่างที่คิดเลยค้า
แสดงความคิดเห็น
แนะนำหนังสือภาษาอังกฤษไว้อ่านนอกเวลา สำหรับคนเพิ่งเริ่มฝึกหน่อยค่ะ
พี่ๆมีแนะนำมั๊ยคะ ส่วนตัวหนูชอบเกี่ยวกับ อาหาร ขนม เป็นพิเศษ ตอนนี้มีหนังสือเรื่องthe sharper your knife the less you cry
แต่เป็นฉบับแปลเป็นไทย ถ้าซื้อฉบับอังกฤษมาจะโอเคมั๊ยคะ
ปล.ไม่ค่อยชอบแนวแฟนตาซีกับชีวประวัติเท่าไหร่ แนวโรแมนติกก็ได้(เรทก็ได้นะคะ >////////< )
หรือพวกแนวเล่าเรื่องก็ได้ค่ะ