ยาวนิดนึงนะครับเผื่อจะเป็นแนวทางของหลายๆคน
ผมอายุ 25 ครับ เริ่มต้นมีธุรกิจเป็นของตัวเองเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว ผมเปิดร้านซักอบรีดแถวๆแยกลำสาลีให้แฟนออกจากงานประจำมาทำส่วนผมยังทำงานประจำเพื่อป้องกันความเสี่ยงถ้าลูกค้ามาใช้บริการน้อย หลังจากเปิดร้านช่วงแรกๆเหนื่อยครับแฟนผมอยู่ร้านคนเดียวผมเลิกงานตอนเย็นต้องรีบกลับไปช่วยรีดผ้าไม่มีเวลาได้ไปเที่ยวไหนเลย รายได้จากร้านซักอบรีดก็พออยู่ได้ครับไม่ถือว่าขาดทุนแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมามีการชุมนุมที่สนามกีฬาราชมังทำให้ยอดร้านตกหวบ รายได้หายไปครึ่งต่อครึ่ง
หลังจากเปิดร้านได้ประมาณ 3 เดือนแม่ผมกลับจากต่างประเทศ ผมเลยให้แม่มาช่วยที่ร้านทำให้งานที่ร้านไม่เหนื่อยมากเหมือนก่อนแต่ก็ต้องมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นทำให้จากที่เคยหาร 2 กลายเป็นหาร 3 ทำให้รายรับที่เคยได้รับน้อยลง ผมจึงคุยกับแฟนกับแม่ว่าต้องหาอย่างอื่นทำเพิ่มขึ้นจากแค่ซักอบรีดเพราะถ้าจะทำแค่นี้คงอยู่ไม่ได้ แม่ผมแกเคยตัดเย็บเสื้อผ้าผมเลยคุยกับแกว่าจะรับซ่อมผ้า ตัดขากางเกง เปลี่ยนซิป ก็เลยลงทุนซื้อจักรอุตสาหกรรมมือสองมาเมื่อวานเพิ่งจะเริ่มทำวันแรก
พี่สาวผมทำงานที่ระยองแกเข้ามาหาแม่เสาร์-อาทิตย์ แกนำสลัดที่เค้าขายที่ระยองกล่องละ 30 บาท เป็นผักสลัดไฮโดรโปนิกส์ ปกติเค้าขายกล่องละ 35 แกซื้อมา 10 กล่องเลยได้ราคากล่องละ 30 นำมาขายหน้าร้านซักอบรีดเพื่อดูตลาดว่าคนจะซื้อไหม วางขายตั้งแต่สี่โมงเย็นจะถึงสามทุ่ม ขายหมดครับวันแรกกำไรกล่องละ 10 บาท ลูกค้าบางคนถามว่าขายทุกวันไหม หลังจากปิดร้านก็มานั่งคุยกับแม่และพี่สาวแม่ผมทำน้ำสลัดได้มีสูตรหลายสูตร ก็เลยตกลงกันว่าจะขายสลัดโดยจะทำเองทุกอย่างจะได้ลดต้นทุน ซึ่งผมมองว่าขายของกินยังไงก็ขายได้เพราะจากที่สังเกตุคนที่เดินเข้ามาในซอยจะต้องมีของกินติดไม้ติดมือเกือบทุกคนเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดีอย่างไรคนเราก็ต้องกิน ลืมบอกผมตั้งซื่อร้านสลัดว่า "สลัดป่ะ" อิอิ
อนาคตยังไม่รู้จะเป็นอย่างไร แต่ทุกวันนี้ผมแทบไม่มีเวลาไปเที่ยวไหนเลย ทะเลาะกับแฟนบ่อยขึ้นเพราะแฟนอยากไปเที่ยวเห็นเพื่อนๆไปเที่ยวกันก็อยากไป ผมก็บอกตลอดว่าตอนนี้เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจมันยังไม่นิ่งเมื่อไหร่ที่เรามีพร้อมทุกอย่างแล้วผมจะพาไปเที่ยวทุกที่ๆอยากไป แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่พาไปไหนเลย บางครั้งวันหยุดก็พาไปเที่ยวต่างจังหวัดแต่อาจจะไม่บ่อย (ผู้หญิงนี้เข้าใจยากนะครับ อิอิ) บางครั้งก็ท้อครับแต่มองดูภาระที่เราต้องรับผิดชอบจึงไม่ยอมถอยครับ ชีวิตไม่สิ้นก็ต้อนดิ้นรนต่อไปครับ
ปล. ผมเคยได้ยินคุณตันพูดว่า ทำธุรกิจอย่าทำอย่างเดียวหรือที่เดียวเพราะถ้าไปไม่รอดคือเจ๊งครับ แต่ถ้าทำหลายอย่างหรือหลายที่ๆหนึ่งเจ๊งเรายังมีอีกที่หนึ่งมารอบรับ
แตกไลน์ธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ เพื่อรองรับกับสภาวะทางเศรษฐกิจ
ผมอายุ 25 ครับ เริ่มต้นมีธุรกิจเป็นของตัวเองเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว ผมเปิดร้านซักอบรีดแถวๆแยกลำสาลีให้แฟนออกจากงานประจำมาทำส่วนผมยังทำงานประจำเพื่อป้องกันความเสี่ยงถ้าลูกค้ามาใช้บริการน้อย หลังจากเปิดร้านช่วงแรกๆเหนื่อยครับแฟนผมอยู่ร้านคนเดียวผมเลิกงานตอนเย็นต้องรีบกลับไปช่วยรีดผ้าไม่มีเวลาได้ไปเที่ยวไหนเลย รายได้จากร้านซักอบรีดก็พออยู่ได้ครับไม่ถือว่าขาดทุนแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมามีการชุมนุมที่สนามกีฬาราชมังทำให้ยอดร้านตกหวบ รายได้หายไปครึ่งต่อครึ่ง
หลังจากเปิดร้านได้ประมาณ 3 เดือนแม่ผมกลับจากต่างประเทศ ผมเลยให้แม่มาช่วยที่ร้านทำให้งานที่ร้านไม่เหนื่อยมากเหมือนก่อนแต่ก็ต้องมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นทำให้จากที่เคยหาร 2 กลายเป็นหาร 3 ทำให้รายรับที่เคยได้รับน้อยลง ผมจึงคุยกับแฟนกับแม่ว่าต้องหาอย่างอื่นทำเพิ่มขึ้นจากแค่ซักอบรีดเพราะถ้าจะทำแค่นี้คงอยู่ไม่ได้ แม่ผมแกเคยตัดเย็บเสื้อผ้าผมเลยคุยกับแกว่าจะรับซ่อมผ้า ตัดขากางเกง เปลี่ยนซิป ก็เลยลงทุนซื้อจักรอุตสาหกรรมมือสองมาเมื่อวานเพิ่งจะเริ่มทำวันแรก
พี่สาวผมทำงานที่ระยองแกเข้ามาหาแม่เสาร์-อาทิตย์ แกนำสลัดที่เค้าขายที่ระยองกล่องละ 30 บาท เป็นผักสลัดไฮโดรโปนิกส์ ปกติเค้าขายกล่องละ 35 แกซื้อมา 10 กล่องเลยได้ราคากล่องละ 30 นำมาขายหน้าร้านซักอบรีดเพื่อดูตลาดว่าคนจะซื้อไหม วางขายตั้งแต่สี่โมงเย็นจะถึงสามทุ่ม ขายหมดครับวันแรกกำไรกล่องละ 10 บาท ลูกค้าบางคนถามว่าขายทุกวันไหม หลังจากปิดร้านก็มานั่งคุยกับแม่และพี่สาวแม่ผมทำน้ำสลัดได้มีสูตรหลายสูตร ก็เลยตกลงกันว่าจะขายสลัดโดยจะทำเองทุกอย่างจะได้ลดต้นทุน ซึ่งผมมองว่าขายของกินยังไงก็ขายได้เพราะจากที่สังเกตุคนที่เดินเข้ามาในซอยจะต้องมีของกินติดไม้ติดมือเกือบทุกคนเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดีอย่างไรคนเราก็ต้องกิน ลืมบอกผมตั้งซื่อร้านสลัดว่า "สลัดป่ะ" อิอิ
อนาคตยังไม่รู้จะเป็นอย่างไร แต่ทุกวันนี้ผมแทบไม่มีเวลาไปเที่ยวไหนเลย ทะเลาะกับแฟนบ่อยขึ้นเพราะแฟนอยากไปเที่ยวเห็นเพื่อนๆไปเที่ยวกันก็อยากไป ผมก็บอกตลอดว่าตอนนี้เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจมันยังไม่นิ่งเมื่อไหร่ที่เรามีพร้อมทุกอย่างแล้วผมจะพาไปเที่ยวทุกที่ๆอยากไป แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่พาไปไหนเลย บางครั้งวันหยุดก็พาไปเที่ยวต่างจังหวัดแต่อาจจะไม่บ่อย (ผู้หญิงนี้เข้าใจยากนะครับ อิอิ) บางครั้งก็ท้อครับแต่มองดูภาระที่เราต้องรับผิดชอบจึงไม่ยอมถอยครับ ชีวิตไม่สิ้นก็ต้อนดิ้นรนต่อไปครับ
ปล. ผมเคยได้ยินคุณตันพูดว่า ทำธุรกิจอย่าทำอย่างเดียวหรือที่เดียวเพราะถ้าไปไม่รอดคือเจ๊งครับ แต่ถ้าทำหลายอย่างหรือหลายที่ๆหนึ่งเจ๊งเรายังมีอีกที่หนึ่งมารอบรับ