มองโลกในแง่ดีจะได้ไม่เครียดกัน การปิดกรุงเทพฯของ กปปส.นี่บางทีอาจจะส่งผลดีก็ได้นะครับ คือเป็นโอกาสให้คนกทม.ได้เรียนรู้การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น (ถ้าม๊อบรักษาคำพูดว่าจะเปิดเลนให้รถเมล์ และไม่ปิดรถไฟฟ้ากับรถไฟใต้ดินนะ) ช่วยกำจัดมลภาวะและประหยัดพลังงานได้มากทีเดียว และเมื่อได้ฟังรัฐมนตรีคมนาคมวางแผนแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มเที่ยวรถเมล์และเรือโดยสารให้มากขึ้น ตลอดจนจัดทำที่จอดรถให้ผู้ที่ต้องเดินทางมาจอดและมีบริการขนส่งไปยังท่ารถ และท่าเที่ยบเรือหลักๆ ก็น่าชื่นชมว่าแก้ปัญหาได้ดีมากทีเดียว
ในขณะเดียวกัน ทางกทม. (ถ้าจริงใจและเป็นกลางจริงอย่างที่พูด) ก็น่าจะใช้โอกาสนี้ซ่อมแซมปรับปรุงทางเท้าให้มีสภาพที่สมบูรณ์ และถือโอกาสทวงคืนทางเท้ากลับมาจากพวกนักฉวยโอกาสตั้งร้านบนทางเท้า (ไม่ใช่หาบเร่แผงลอยดังที่อ้างกัน) จัดระเบียบให้กทม. เป็นเมืองคนเดินปราศจากมลพิษ สนับสนุนให้สัญจรด้วยจักรยาน และขนส่งสารธารณะกันอย่างจริงจังก็น่าจะเป็นผลดีนะครับ
ปัญหามีไว้ให้เราแก้ไข เพียงแต่ใช้สติปัญญาไม่ใช้กำลังความรุนแรง บางทีปิดกรุงเทพฯอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เพียงแต่อาจจะไม่สะดวกสบายตามที่เคยชินกันแค่นั้นเอง
ปิดกรุงเทพฯ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส
ในขณะเดียวกัน ทางกทม. (ถ้าจริงใจและเป็นกลางจริงอย่างที่พูด) ก็น่าจะใช้โอกาสนี้ซ่อมแซมปรับปรุงทางเท้าให้มีสภาพที่สมบูรณ์ และถือโอกาสทวงคืนทางเท้ากลับมาจากพวกนักฉวยโอกาสตั้งร้านบนทางเท้า (ไม่ใช่หาบเร่แผงลอยดังที่อ้างกัน) จัดระเบียบให้กทม. เป็นเมืองคนเดินปราศจากมลพิษ สนับสนุนให้สัญจรด้วยจักรยาน และขนส่งสารธารณะกันอย่างจริงจังก็น่าจะเป็นผลดีนะครับ
ปัญหามีไว้ให้เราแก้ไข เพียงแต่ใช้สติปัญญาไม่ใช้กำลังความรุนแรง บางทีปิดกรุงเทพฯอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เพียงแต่อาจจะไม่สะดวกสบายตามที่เคยชินกันแค่นั้นเอง