นักวิชาการจอมดึงเสื้อที่เห็นแก่ตัวและดูถูกคนอื่น

กระทู้สนทนา
ระยะนี้ได้ยินบ่อยมากกับเรื่อง ระดับการศึกษา กับ สิทธิ์ในระบอบ ปชต. แนวๆว่าคนที่มีการศึกษาสูงกว่าควรมีสิทธิ์ที่เหนือกว่า คล้ายๆว่า ประเทศไทยไม่พร้อมกับ ปชต.เต็มใบ เพราะยังมีคนที่มีการศึกษาต่ำ จนถึงไร้การศึกษาเยอะ โดยเฉพาะชาวต่างจังหวัด

ดูแล้วมันคล้ายสมัยเจ้าขุนมูลนาย ที่เิกิดมาพร้อมยศถาบรรดาศักดิ์ก็เลยมีทรัพย์สินที่ดินมากกว่า ไพร่ทาส ไม่ต้องสร้างทุกอย่างด้วยน้ำมือตัวเองก็มีกินมีใช้ไปทั้งชาติ ขณะที่คนรุ่นใหม่เค้าสร้างเนื้อสร้างตัวจากศูนย์  บางคนติดลบด้วยซ้ำ

ผู้คนส่วนหนึ่งยังยึดโยงกับระบอบเดิม กลัวที่จะเปลี่ยนแปลง เรียกได้ว่าเป็น  "จอมดึงเสื้อ" ไม่อยากเห็นคนอื่นก้าวหน้าไปกว่าตนเอง คอยดึงคนอื่นให้อยู่เท่าเดิม ไม่ให้โอกาศคนอื่นได้ลองผิดลองถูก เรียนรู้และพัฒนาตนเอง อยา่กเข้าไปจัดการปัญหาทุกอย่าง
ด้วยตัวเอง เพราะกลัวว่าตัวเองอยู่นอกพื้นที่ที่ปลอดภัย (Comfort Zone)   จึงดูถูกคนอื่นที่คิดต่าง คนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง ว่าไร้การศึกษา โง่เขลาเบาปัญหา หารู้ไม่ว่าภูมิปัญหาพื้นบ้านบางอย่าง หรือ องค์ความรู้บางอย่าง มหาลัยไม่ได้ช่วยให้คิดแบบนั้นได้เลย

ครุ่นคิดสงสัย ทำไมคนส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็น คนมีการศึกษาสูง เป็นถึง อาจารย์ นักวิชาการ ด็อกเตอร์ทั้งหลาย จึงเห็นคนไม่เท่ากัน

ทำให้นึกถึงสมัยเรียน ป.ตรี เพื่อนคนนึง ตั้งใจเรียนมาก เรียกได้ว่าเรียนเก่ง จนสามารถได้เกียรตินิยม แต่เส้นทางที่ได้รางวัลนี้มาช่างอ้างว้างและโดดเดี่ยว วันๆเอาแต่อ่านหนังสือ ไม่มีโอกาสเรียนรู้สิ่งอื่นๆรอบตัว

ครั้งหนึ่งก่อนสอบ ผมถามเพื่อนผมว่า โจทย์ข้อนี้ทำไง คำตอบคือ ถ้ากรูบอกยิ้มก็ได้เยอะกว่ากรูดิ เล่นเอาผมอึ้ง จนไม่ไปเรียนหลายวัน เพราะเบื่อบรรยากาศการแข่งกันเรียน และ เห็นแก่ตัว เพื่อนผมไม่ดีเหรอ ผมคิดว่า เป็นที่ระบบไม่ดีมากกว่า

ระบบการศึกษาและระบบจ้างงาน สอนให้คนแข่งขัน ชิงดี ชิงเด่น ใครได้เกียรตินิยม ได้เกรดสูง ยิ่งได้งานดีๆเงินเยอะๆ นักศึกษาแข่งกันเองในคลาส ตัดเกรดกันเอง โดยอ้างอิงจากค่า mean ใครอยากได้เกรดดีต้องอยู่เหนือ mean ไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ  สร้างความเห็นแก่ตัว ทำงานเป็นทีมไม่เป็น และเห็นตัวเองเป็นศุนย์กลาง เปลี่ยนได้แล้วครับ สอนให้ทำงานเป็นทีมมากๆ มีเป้าหมายร่วม ไม่ใช่ของใครของมัน เพิ่มชั่วโมงการฝึกงาน และงานที่หลากหลายมากขึ้น จะได้เรียนรู้การทำงานกับคนหลายๆแบบ

ตอนทำงานในบริษัท พวกเราต้องทำงานเป็นทีม มีเป้าหมายร่วมกัน (ยกเว้นบางงาน เช่น ศิลปินวาดภาพ) ด็อกเตอร์หลายๆคน ทำงานกับคนอื่นไม่ได้ เพราะไม่คุ้นเคยกับการทำงานแบบนี้ เวลาทำงานไม่ได้ตามเป้าหมายร่วม ก็มองคนอื่นว่าด้อยกว่า โง่กว่า ไม่เคารพนับถือผู้อื่น ทั้งด้านความคิดและฐานะทางสังคม

นี่แหละมั้ง สาเหตุของความแตกแยกทางด้านความคิดของทุกวันนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่