ท่านที่เคารพรักครับ " การจะปฏิวัติหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลสร้างเงื่อนไข หรืออยู่ที่กองทัพ หรือพลทหารคนถือปืน แต่อยู่ที่ "คนที่อยู่เบื้องหลังทหารที่ถือปืน" ว่าจะสั่งให้ทำหรือเปล่า "
คำพูดนี้ของพัลลภที่พูดในฐานะทหารที่ช่ำชองกลยุทธ์ใต้ดิน รู้ประวัติศาสตร์การเมือง การชิงอำนาจมายาวนาน เรานำมาช่วยคลี่ผ้าม่านอันมืดดำที่ปกคลุมการเมืองสารขัณฑ์ประเทศแห่งนี้ออก
คลี่ผ้าม่านบังตาออก ทำให้เห็นการเมืองในมุมมองของ " ทหาร " ทำให้เห็นภาพการเมืองเวลานี้ชัดเจนขึ้น ทำให้เห็นทหารเปลือยกายล่อนจ้อนมากขึ้น เพราะทหารคิดแบบทหาร ทหารคิดว่า " อำนาจชี้ขาด " อยู่ที่กระบอกปืนเท่านั้น
ทหารเท่านั้นที่กุมอำนาจทางการเมือง และทหารเท่านั้น ที่เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ทหารเท่านั้นที่ตวาดได้ คำรามได้
จริงหรือ ? จริงหรือ ? และจริงหรือ ?
ย้อนอดีตไป 14 ตุลา 16 รำลึกถึงขณะที่ประชาชนออกมาเดินขบวนชุมนุมกัน จนเกิดโศกนาฏกรรมทางการเมือง จอมพลถนอม จอมพลประภาส หาได้สะทกสะท้านไม่ แต่ที่ต้อง ลาออกและเลือกเนรเทศตัวเองออกไปเมืองนอก ก็เพราะมี " อำนาจชี้ขาด " มาจากทหารบางกลุ่ม
จวบจนได้รับ "สัญญาณ " จึงกลับเข้ามา
ย้อนอดีตไป 6 ตุลา 19 รำลึกถึงโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นอีกครั้ง การจราจลมีแววยืดเยื้อยาวนานเรื้อรังต่อไป แต่สงัด และ เกรียงศักดิ์ ใช้ " อำนาจชี้ขาด " รัฐประหาร กักตัวเสนีย์นายกฯสมัยนั้นหนึ่งคืน โดยอ้างว่าหากไม่ปฏิวัติ ทหารอีกฝ่ายก็จะทำ
หลังการรัฐประหารแล้ว ผู้พิพากษาอาวุโส ธานินทร์ ได้รับพระบรมราชโองการ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยการเสนอของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ในวันที่ 8 ตุลาคม
ต่อมา รัฐบาลสั่งห้ามเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ตลอดจนเรื่องราวของเหตุการณ์โดยเด็ดขาด ไม่อยากให้ประชาชนทราบตื้นลึก หนาบางความจริงเบื้องหลัง มหาดไทยเวลานั้นถึงกับสั่งห้ามพิมพ์หนังสือพิมพ์ขาย 3 วัน
ย้อนอดีตไป 17 -20 พฤษภา 35 รำลึกถึงถนนราชดำเนิน วันคืนที่โค่นล้มสุจินดา การที่สุจินดาหมดอำนาจนั้นไม่ได้มาจากการชุมนุมที่ราชดำเนินเท่านั้น การชุมนุมที่ราชดำเนินโดนปราบไปหมด แม้จะเริ่มมีการรวมกลุ่มที่รามคำแหงขึ้นใหม่ แต่กองบัญชาการทหารของ รุ่น 5 ที่สวนรื่นฤดีเวลานั้น ยังไม่มีอะไรที่ส่อว่าจะถอยเลย
หากแต่มี " อำนาจสุดยอดชี้ขาด " บางอย่าง ที่ทหารรุ่นต่อรุ่น กระทำกันเองลับหลัง จนสุจินดาต้องยอมลาออกไป
ที่ผ่านมา เราได้คนเดือนตุลา เราได้คนเดือนพฤษภา แต่ทหารก็มีวีรชนของเขาเหมือนกัน ในขณะที่ความคืบหน้า ของบรรดาคนเดือนตุลา ที่พยายามสร้างรูปปั้นตั้งแต่ปี 17 แต่กว่าที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาจะปรากฏเป็นรูปธรรมดังที่เห็น หนทางก็เต็มไปด้วยอุปสรรคนานัปการ จนมาเสร็จเอาปี 2544
28 ปีเต็มๆที่ล่าช้า โดนถ่วง เจอปัญหามาโดยตลอด
แต่สำหรับทหารต่อทหารแล้ว การคืนยศ ทหารทุกๆคนผ่านฉลุยหมด ยิ่งเกิดเหตุการณ์ใดที่ประชาชนล้มตาย หรือทหารคนใดทำการปฏิวัติ จะได้รับการนิรโทษกรรมอย่างรวดเร็วทันที ไม่มีใครกล้าแอะ กล้าค้าน ไม่ว่าอาจารย์ นักวิชาการ ดารา
ที่ผ่านมาในสายตาประชาชน จะมองจอมพลถนอม อย่างไรก็ตาม แต่สำหรับกองทัพแล้ว จัดงานเชิดชูเกียรติให้เสมอๆ ลูกศิษย์ลูกหา แต่ละคนก็สืบทอดอำนาจกันมา ไม่ว่า เกียงศักดิ์ เปรม ชาติชาย อาทิตย์ นักการเมืองอย่างนายชวน หลีกภัย เมื่อแหยมเข้าไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกลาโหม ก็ยังต้อง อนุมัติแต่งตั้ง จอมพลถนอม หนึ่งใน 3 ทรราช เป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ตามการชงเสนอของทหาร
เอากรณีล่าสุดทุกวันนี้ บังสนธิ ทหารที่ปฏิวัติท่านทักษิณ หลังเกษียณแล้วยังอาศัยอยู่ในค่ายทหารอย่างกินอิ่ม นอนอุ่น ไม่มีเหลือบริ้นไร ไต่ตอมได้ เพราะอย่างนี้ มุมมองทางการเมืองของทหาร จึงแตกต่างออกไปจากประชาชน เราไม่มีสำนวนกำลังภายในของท่านโกวเล้งให้พูด เราไม่มีสำนวนท่านกิมย้งให้พูด แต่หากพูดตามสำนวนเซียนพนัน คงต้องพูดว่า ทหารทำการปฏิวัติ มีแต่เจี๊ยะ กับเจ๊า ไม่มีเจ๊ง
จริงหรือ ? จริงหรือ ? และจริงหรือ ?
แต่ที่แน่ๆ ทหารไม่เจ๊ง แต่ประเทศเจ๊ง
เวลานี้ไพ่ตายในมือของเทือกมี 2 ใบ คือ ประธาน กปปส. และคนที่จะมารับตำแหน่งนายกฯคนดีศรีสุเทพ สองคนนี้คือคนอยู่เบื้องหลังทหาร ที่รอใช้ " อำนาจ " หากเกิดการ ยึดอำนาจสำเร็จ การต่อสายใช้บริการทีมงานมือที่มองไม่เห็น การดีลกันระหว่าง ทีมงาน บิ๊ก ป.เฒ่า กับ บิ๊ก ป.อ้วนเตี้ย โดยมี บิ๊ก ป. หัวเถิก และบิ๊ก ป. ตาเหล่ หน้าเข้มร่วมสามัคคีกันนั้น
หากนายกฯไม่ใช่ ป. อ้วนเตี้ย ถือว่าที่ผ่านมาล้มเหลว และเสียที เสียรู้ บิ๊ก ป.เฒ่าจนได้ เพราะบิ๊ก ป. เฒ่า ก็มีคนของตัวเองในใจ ที่รอเวลาเป็นตาอยู่ตอนจบ
ในมุมกลับกัน ประดาคนเหล่านี้ฝ่ายหนึ่งพร้อมจะแอบหายไปกับสายลม แสงแดด และฝ่ายหนึ่งพร้อมจะแอบหายเข้ากลีบเมฆ หากการปฏิวัติไม่เกิดขึ้น อันเป็นวัฒนธรรมการเมืองแบบไทยๆ ที่ " ไอ้โม่ง " ไม่เคยเปิดเผยตัว
เวลานี้สถานะการณ์ การวางกำลังคนของฝ่ายรัฐบาลอยู่ในระดับเตรียมตัวต้านรัฐประหารอย่างแท้จริง เช็คข่าวกันเกาะติดนาทีต่อนาที ต่างจังหวัดเตรียมพร้อมการออกเดินทางด่วนแบบเคลื่อนที่เร็ว การวางคนเสื้อแดงไว้ชั้นนอกเมืองหลวงแบบเตรียมพร้อมตีโอบเข้ามาทุกทิศทางนั้น เหมือนยุทธวิธีปิดล้อมทางทหาร
ส่วนการปิดกรุงเทพฯ 7 จุดนั้น คำว่า " ปิด " ก็ไม่ต่างกับการ " ยึด " ที่มั่น ชัยภูมิที่ได้เปรียบในสงคราม การยึดเส้นทางลำเลียงขนส่งเสบียง การยึดเส้นทางสัญจร การยึดและปิดที่มั่นด้านการข่าวของฝ่ายตรงข้าม การยึดสักสิบวัน ยี่สิบวันแฝงความหมายชัดเจน
หากหลับตาลงคิด ความเคลื่อนไหวทั้งสองฝ่าย เราจะเห็นภาพรางๆว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้
ด้วยข่าวสารที่รวดเร็วและการเตรียมพร้อมที่เข้มแข็งของรัฐบาล จากขุมกำลังทหารแตงโมในกองทัพ ที่ทำงานใต้ดินและเติบโตมาในระยะสองปี ในยุค ศอฉ. ที่ผ่านมา ไม่ใช่ขุมกำลังที่จะประมาทได้อีกแล้ว กองทัพไม่ใช่มีเพียงบูรพาพยัคฆ์ยังมีเส้นสายทหารของสุจินดา เส้นสายทหารรุ่น 7 ของพัลลภ เส้นสายทหารของชวลิต เส้นสาย ตบ .10 รุ่นท่านทักษิณ ยังมีวงศ์เทวัญที่ไม่ธรรมดา ยังมีทหารเรือ ทหารอากาศ ที่เป็นรุ่น 13 รุ่นเดียวกับผู้นำตำรวจ ยังมีตำรวจ
ที่สำคัญยังมีพลังประชาชน ที่ต่อต้านการปฏิวัติที่เวลานี้ กระแส จุดติดพรึบแล้ว ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
ในกองทัพบกนั้น รู้กันดีว่า มีการวางทายาทอำนาจของ 3 ป. ยาวนาน ตารางเริ่มจาก โด่ง ที่เกษียณ 58 ต่อด้วย อิ๊ด เกษียณปี 61 ต่อด้วย เข้ ที่มีอายุราชการถึงปี 62 ต่อด้วย ตู่น้อย แกนนำ ตท.20 ยังเติร์กแห่ง ทบ.
การไม่ได้รับความเป็นธรรม เริ่มจากตั้งแต่การกวาดล้างแบบหวาดระแวงในกองทัพตั้งแต่ยุค คมช. สืบทอดมาถึงปัจจุบัน ทำให้ทหารฝ่าย วงศ์เทวัญสู้ เพราะหากไม่ทำ เส้นทางการเติบโต มีแต่จะตีบตัน
ด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นไม่มนุษย์ ไม่มีใครอยากถูกดอง ถูกกดหัว ถูกข้ามหัว อย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมอยู่ร่ำไป
และ ตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา องค์ประกอบการปฏิวัติ สามอย่างคือ ทหาร โหร ระเบิด เวลานี้มีสองอย่างแล้ว คือ ทหาร โหร รออย่างเดียวคือระเบิด ยกตัวอย่างในอดีต มีระเบิดกลางเมืองหาดใหญ่เมื่อวันเสาร์ที่ 16 กันยายน ท้าทายอำนาจรัฐ สร้างความไม่เชื่อมั่นต่อรัฐบาล
พอ 19 กันยา ก็ปฏิวัติ
หากเกิดปฏิวัติขึ้นครั้งนี้ อะไรๆที่คาใจ ก็จะได้รับการชำระสะสางกันเสียที ทั้งจากฝ่ายที่คิดว่า ปฏิวัติครั้งก่อนไม่สะเด็ดน้ำ และทั้งจากฝ่ายท่านทักษิณ ที่คิดวิธีรับมือ ไม่ให้ซ้ำรอยเดิม รวมไปถึงฝ่ายที่โดนกระทำ โดนย่ำยีมาตลอดที่ผ่านๆมา
บทสรุปเวลานี้จึงพูดตามสำนวนกำลังภายนอก ตามพี่ๆทุกๆท่านในเวบบอร์ดที่ว่า
" เอาสักที ซิว่ะ " ( ฮา )
ยิ่งลักษณ์ ยิ้มเย้ยยุทธจักร ตอน ปฏิวัติ รัฐประหาร ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา
คำพูดนี้ของพัลลภที่พูดในฐานะทหารที่ช่ำชองกลยุทธ์ใต้ดิน รู้ประวัติศาสตร์การเมือง การชิงอำนาจมายาวนาน เรานำมาช่วยคลี่ผ้าม่านอันมืดดำที่ปกคลุมการเมืองสารขัณฑ์ประเทศแห่งนี้ออก
คลี่ผ้าม่านบังตาออก ทำให้เห็นการเมืองในมุมมองของ " ทหาร " ทำให้เห็นภาพการเมืองเวลานี้ชัดเจนขึ้น ทำให้เห็นทหารเปลือยกายล่อนจ้อนมากขึ้น เพราะทหารคิดแบบทหาร ทหารคิดว่า " อำนาจชี้ขาด " อยู่ที่กระบอกปืนเท่านั้น
ทหารเท่านั้นที่กุมอำนาจทางการเมือง และทหารเท่านั้น ที่เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ทหารเท่านั้นที่ตวาดได้ คำรามได้
จริงหรือ ? จริงหรือ ? และจริงหรือ ?
ย้อนอดีตไป 14 ตุลา 16 รำลึกถึงขณะที่ประชาชนออกมาเดินขบวนชุมนุมกัน จนเกิดโศกนาฏกรรมทางการเมือง จอมพลถนอม จอมพลประภาส หาได้สะทกสะท้านไม่ แต่ที่ต้อง ลาออกและเลือกเนรเทศตัวเองออกไปเมืองนอก ก็เพราะมี " อำนาจชี้ขาด " มาจากทหารบางกลุ่ม
จวบจนได้รับ "สัญญาณ " จึงกลับเข้ามา
ย้อนอดีตไป 6 ตุลา 19 รำลึกถึงโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นอีกครั้ง การจราจลมีแววยืดเยื้อยาวนานเรื้อรังต่อไป แต่สงัด และ เกรียงศักดิ์ ใช้ " อำนาจชี้ขาด " รัฐประหาร กักตัวเสนีย์นายกฯสมัยนั้นหนึ่งคืน โดยอ้างว่าหากไม่ปฏิวัติ ทหารอีกฝ่ายก็จะทำ
หลังการรัฐประหารแล้ว ผู้พิพากษาอาวุโส ธานินทร์ ได้รับพระบรมราชโองการ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยการเสนอของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ในวันที่ 8 ตุลาคม
ต่อมา รัฐบาลสั่งห้ามเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ตลอดจนเรื่องราวของเหตุการณ์โดยเด็ดขาด ไม่อยากให้ประชาชนทราบตื้นลึก หนาบางความจริงเบื้องหลัง มหาดไทยเวลานั้นถึงกับสั่งห้ามพิมพ์หนังสือพิมพ์ขาย 3 วัน
ย้อนอดีตไป 17 -20 พฤษภา 35 รำลึกถึงถนนราชดำเนิน วันคืนที่โค่นล้มสุจินดา การที่สุจินดาหมดอำนาจนั้นไม่ได้มาจากการชุมนุมที่ราชดำเนินเท่านั้น การชุมนุมที่ราชดำเนินโดนปราบไปหมด แม้จะเริ่มมีการรวมกลุ่มที่รามคำแหงขึ้นใหม่ แต่กองบัญชาการทหารของ รุ่น 5 ที่สวนรื่นฤดีเวลานั้น ยังไม่มีอะไรที่ส่อว่าจะถอยเลย
หากแต่มี " อำนาจสุดยอดชี้ขาด " บางอย่าง ที่ทหารรุ่นต่อรุ่น กระทำกันเองลับหลัง จนสุจินดาต้องยอมลาออกไป
ที่ผ่านมา เราได้คนเดือนตุลา เราได้คนเดือนพฤษภา แต่ทหารก็มีวีรชนของเขาเหมือนกัน ในขณะที่ความคืบหน้า ของบรรดาคนเดือนตุลา ที่พยายามสร้างรูปปั้นตั้งแต่ปี 17 แต่กว่าที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาจะปรากฏเป็นรูปธรรมดังที่เห็น หนทางก็เต็มไปด้วยอุปสรรคนานัปการ จนมาเสร็จเอาปี 2544
28 ปีเต็มๆที่ล่าช้า โดนถ่วง เจอปัญหามาโดยตลอด
แต่สำหรับทหารต่อทหารแล้ว การคืนยศ ทหารทุกๆคนผ่านฉลุยหมด ยิ่งเกิดเหตุการณ์ใดที่ประชาชนล้มตาย หรือทหารคนใดทำการปฏิวัติ จะได้รับการนิรโทษกรรมอย่างรวดเร็วทันที ไม่มีใครกล้าแอะ กล้าค้าน ไม่ว่าอาจารย์ นักวิชาการ ดารา
ที่ผ่านมาในสายตาประชาชน จะมองจอมพลถนอม อย่างไรก็ตาม แต่สำหรับกองทัพแล้ว จัดงานเชิดชูเกียรติให้เสมอๆ ลูกศิษย์ลูกหา แต่ละคนก็สืบทอดอำนาจกันมา ไม่ว่า เกียงศักดิ์ เปรม ชาติชาย อาทิตย์ นักการเมืองอย่างนายชวน หลีกภัย เมื่อแหยมเข้าไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกลาโหม ก็ยังต้อง อนุมัติแต่งตั้ง จอมพลถนอม หนึ่งใน 3 ทรราช เป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ตามการชงเสนอของทหาร
เอากรณีล่าสุดทุกวันนี้ บังสนธิ ทหารที่ปฏิวัติท่านทักษิณ หลังเกษียณแล้วยังอาศัยอยู่ในค่ายทหารอย่างกินอิ่ม นอนอุ่น ไม่มีเหลือบริ้นไร ไต่ตอมได้ เพราะอย่างนี้ มุมมองทางการเมืองของทหาร จึงแตกต่างออกไปจากประชาชน เราไม่มีสำนวนกำลังภายในของท่านโกวเล้งให้พูด เราไม่มีสำนวนท่านกิมย้งให้พูด แต่หากพูดตามสำนวนเซียนพนัน คงต้องพูดว่า ทหารทำการปฏิวัติ มีแต่เจี๊ยะ กับเจ๊า ไม่มีเจ๊ง
จริงหรือ ? จริงหรือ ? และจริงหรือ ?
แต่ที่แน่ๆ ทหารไม่เจ๊ง แต่ประเทศเจ๊ง
เวลานี้ไพ่ตายในมือของเทือกมี 2 ใบ คือ ประธาน กปปส. และคนที่จะมารับตำแหน่งนายกฯคนดีศรีสุเทพ สองคนนี้คือคนอยู่เบื้องหลังทหาร ที่รอใช้ " อำนาจ " หากเกิดการ ยึดอำนาจสำเร็จ การต่อสายใช้บริการทีมงานมือที่มองไม่เห็น การดีลกันระหว่าง ทีมงาน บิ๊ก ป.เฒ่า กับ บิ๊ก ป.อ้วนเตี้ย โดยมี บิ๊ก ป. หัวเถิก และบิ๊ก ป. ตาเหล่ หน้าเข้มร่วมสามัคคีกันนั้น
หากนายกฯไม่ใช่ ป. อ้วนเตี้ย ถือว่าที่ผ่านมาล้มเหลว และเสียที เสียรู้ บิ๊ก ป.เฒ่าจนได้ เพราะบิ๊ก ป. เฒ่า ก็มีคนของตัวเองในใจ ที่รอเวลาเป็นตาอยู่ตอนจบ
ในมุมกลับกัน ประดาคนเหล่านี้ฝ่ายหนึ่งพร้อมจะแอบหายไปกับสายลม แสงแดด และฝ่ายหนึ่งพร้อมจะแอบหายเข้ากลีบเมฆ หากการปฏิวัติไม่เกิดขึ้น อันเป็นวัฒนธรรมการเมืองแบบไทยๆ ที่ " ไอ้โม่ง " ไม่เคยเปิดเผยตัว
เวลานี้สถานะการณ์ การวางกำลังคนของฝ่ายรัฐบาลอยู่ในระดับเตรียมตัวต้านรัฐประหารอย่างแท้จริง เช็คข่าวกันเกาะติดนาทีต่อนาที ต่างจังหวัดเตรียมพร้อมการออกเดินทางด่วนแบบเคลื่อนที่เร็ว การวางคนเสื้อแดงไว้ชั้นนอกเมืองหลวงแบบเตรียมพร้อมตีโอบเข้ามาทุกทิศทางนั้น เหมือนยุทธวิธีปิดล้อมทางทหาร
ส่วนการปิดกรุงเทพฯ 7 จุดนั้น คำว่า " ปิด " ก็ไม่ต่างกับการ " ยึด " ที่มั่น ชัยภูมิที่ได้เปรียบในสงคราม การยึดเส้นทางลำเลียงขนส่งเสบียง การยึดเส้นทางสัญจร การยึดและปิดที่มั่นด้านการข่าวของฝ่ายตรงข้าม การยึดสักสิบวัน ยี่สิบวันแฝงความหมายชัดเจน
หากหลับตาลงคิด ความเคลื่อนไหวทั้งสองฝ่าย เราจะเห็นภาพรางๆว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้
ด้วยข่าวสารที่รวดเร็วและการเตรียมพร้อมที่เข้มแข็งของรัฐบาล จากขุมกำลังทหารแตงโมในกองทัพ ที่ทำงานใต้ดินและเติบโตมาในระยะสองปี ในยุค ศอฉ. ที่ผ่านมา ไม่ใช่ขุมกำลังที่จะประมาทได้อีกแล้ว กองทัพไม่ใช่มีเพียงบูรพาพยัคฆ์ยังมีเส้นสายทหารของสุจินดา เส้นสายทหารรุ่น 7 ของพัลลภ เส้นสายทหารของชวลิต เส้นสาย ตบ .10 รุ่นท่านทักษิณ ยังมีวงศ์เทวัญที่ไม่ธรรมดา ยังมีทหารเรือ ทหารอากาศ ที่เป็นรุ่น 13 รุ่นเดียวกับผู้นำตำรวจ ยังมีตำรวจ
ที่สำคัญยังมีพลังประชาชน ที่ต่อต้านการปฏิวัติที่เวลานี้ กระแส จุดติดพรึบแล้ว ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
ในกองทัพบกนั้น รู้กันดีว่า มีการวางทายาทอำนาจของ 3 ป. ยาวนาน ตารางเริ่มจาก โด่ง ที่เกษียณ 58 ต่อด้วย อิ๊ด เกษียณปี 61 ต่อด้วย เข้ ที่มีอายุราชการถึงปี 62 ต่อด้วย ตู่น้อย แกนนำ ตท.20 ยังเติร์กแห่ง ทบ.
การไม่ได้รับความเป็นธรรม เริ่มจากตั้งแต่การกวาดล้างแบบหวาดระแวงในกองทัพตั้งแต่ยุค คมช. สืบทอดมาถึงปัจจุบัน ทำให้ทหารฝ่าย วงศ์เทวัญสู้ เพราะหากไม่ทำ เส้นทางการเติบโต มีแต่จะตีบตัน
ด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นไม่มนุษย์ ไม่มีใครอยากถูกดอง ถูกกดหัว ถูกข้ามหัว อย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมอยู่ร่ำไป
และ ตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา องค์ประกอบการปฏิวัติ สามอย่างคือ ทหาร โหร ระเบิด เวลานี้มีสองอย่างแล้ว คือ ทหาร โหร รออย่างเดียวคือระเบิด ยกตัวอย่างในอดีต มีระเบิดกลางเมืองหาดใหญ่เมื่อวันเสาร์ที่ 16 กันยายน ท้าทายอำนาจรัฐ สร้างความไม่เชื่อมั่นต่อรัฐบาล
พอ 19 กันยา ก็ปฏิวัติ
หากเกิดปฏิวัติขึ้นครั้งนี้ อะไรๆที่คาใจ ก็จะได้รับการชำระสะสางกันเสียที ทั้งจากฝ่ายที่คิดว่า ปฏิวัติครั้งก่อนไม่สะเด็ดน้ำ และทั้งจากฝ่ายท่านทักษิณ ที่คิดวิธีรับมือ ไม่ให้ซ้ำรอยเดิม รวมไปถึงฝ่ายที่โดนกระทำ โดนย่ำยีมาตลอดที่ผ่านๆมา
บทสรุปเวลานี้จึงพูดตามสำนวนกำลังภายนอก ตามพี่ๆทุกๆท่านในเวบบอร์ดที่ว่า
" เอาสักที ซิว่ะ " ( ฮา )