ขออนุญาติรีวิวเผื่อเพื่อนๆพี่ๆที่ต้องการข้อมูลเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง หวังว่าจะเป็นประโยชน์ได้บ้างไม่มากก็น้อย เพราะเราเองก็เป็นคนนึงที่ได้หาข้อมูลดีดีจากบลูแพลนเนต แถมยังได้คูปองส่วนลดจากคุณป้าซิ่งด้วย ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ ขอออกตัวก่อนนะคะว่า ไม่เคยเขียนรีวิวอะไรมาก่อน ผิดพลาดประการใดก็ชี้แจงด้วยนะคะ หวังแค่ว่ารีวีวของเราจะเป็นประโยชน์แก่ มือใหม่หัดเที่ยวแบบเราได้บ้างค่ะ
เราเป็นคนหนึ่งที่เคยคิดว่า ญี่ปุ่น แค่คิดจะไปก็ยากแล้ว! แต่ความคิดนั้นก็ได้หายไป เมื่อเพื่อนสนิทเราได้ไปเรียนต่อและมีหอพักอยู่แถวๆชินจูกุ เลยคิดว่า ถ้ามีโอกาสต้องไปหาเพื่อนสักครั้ง เลยวางแผนจองตั๋วเครื่องบินไว้ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน เพื่อที่จะไปช่วงก่อนคริสมาสตร์ถึงปีใหม่ เพราะเป็นช่วงที่เพื่อนเราไม่มีเรียนและพอจะพาเที่ยวได้บ้าง อีกอย่างคือไหนๆก็ไปแล้วก็อยู่ยาวให้คุ้มค่าเครื่องบินหน่อย อีกทั้งยังอยากเห็นว่าคนญี่ปุ่นเค้าทำอะไรกันบ้างในช่วงเทศกาลแบบนี้ เลยไปรวมแล้ว 13วัน ตั้งแต่วันที่ 22ธค.56-3มค.57 ค่ะ นอกจากเพื่อนสนิทที่อยู่ที่นั่นอยู่แล้ว ก็มีเพื่อนเราจากเมืองไทยไปด้วยอีกคน เรียกได้ว่า พาเพื่อนไปรู้จักเพื่อนเลยก็ว่าได้ค่ะ
บอกตามตรงว่าแม้จะจองตั๋วล่วงหน้าไว้นานถึง2เดือน แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เรายุ่งมากๆ ทั้งยังมีเรียน มีสอบต่างๆนานา แทบไม่มีเวลาอ่านรีวิว หรือหาข้อมูลอะไรนักเลยแต่แม้จะมีเวลาบ้างที่จะเปิดอ่านกระทู้ต่างๆ เปิดหลายหน้าต่างขึ้นมาดูวางแผนเที่ยว รับข้อมูลเยอะแยะมากมายแต่กลั่นกรองไม่ได้นักเลย เหนื่อยใจจริงๆ หรือหันมาอ่านหนังสือนำเที่ยวญี่ปุ่นที่ซื้อมาตอนงานหนังสือเดือนตค. ก็ไม่ได้เข้าหัวเลย ยิ่งได้เห๋็นเส้นมาม่าของสายรถไฟต่างๆด้วยแล้วนั้น ก็ลมจับ อ่านไม่รุ้เรื่องจริงๆค่ะ คิดแล้วก็ ถอนหายใจ... แต่ไงก็ต้องไป จองตั๋วแล้ว สัญญากับเพื่อนไว้แล้วนี่นา และแล้วก็เหลือเวลาไม่มากแต่ยังไม่มีแผนเลยว่าวันไหนจะไปที่ไหนบ้าง ลองลิสรายการที่เทียวที่เราอยากไปตอนแรกที่เคยมาถามในบลูก็คนละทิศละทางเลยจริงๆ แถมยังจำกัดงบแค่ 3หมื่นอีก คิดแล้วกลุ้ม หลังจากได้คำแนะนำจากพี่ๆบลู ก็เลือกอยู่แค่คันโตค่ะ ด้วยความที่งบจำกัด เวลาเตรียมตัวมีน้อย เลยไม่ได้จองที่พักที่อื่น ต้องกลับมาพักหอเพื่อนที่ชินจูกุอย่างเดียวตลอดทริปค่ะ
และแล้วก็จวนเจียนเวลา มีเวลาเตรียมตัวแบบทุกอย่างเข้าหัวจริงๆก็ 2 วันก่อนไปค่ะ บอกตัวเองเลยว่า ต้องหาข้อมูลไรบ้าง ไม่ได้นั่งอ่านรีวิวไปเรื่อยๆอย่างที่ผ่านมาแล้วเอามาปรับใช้กะทริปเราเองไม่ได้ อ่านไปเยอะแค่ไหนก็ไม่ช่วยอ่ะไรค่ะ แต่ขอบอกตามตรงนะคะว่าเวลาเตรียมตัวแค่นี้ ไม่พอ ซึ่งทำให้เราพลาดอะไรไปหลายอย่างค่ะ ทางที่ดีเราคิดว่าน่าจะใช้เวลาเตรียมตัวอย่างน้อยๆ 10วันก่อนไป สิ่งที่น่าจะต้องเตรียม
อันดับแรกๆ ติดต่อเรื่องซื้ออินเตอร์เนตซิมค่ะ เท่าที่อ่านในบลูก็มีหลากหลายยี่ห้อ ณ ตอนนั้นเราเลือ B-mobileซึ่งเท่าที่อ่านข้อมูลคือต้องสั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน แต่เรามารู้ตัวว่าไม่มีเนตโทรศัพก็เหลือแค่2วัน ไม่ทันค่ะ เลยคิดว่าจะไปซื้อที่ Bic camera ที่โน่นตามที่อ่านในรีวิว แต่ก็อดค่ะ เพราะนาโนซิม มีขายเฉพาะออนไลน์ ส่วนไมโครซิมแบบที่ไอโฟน4อย่างเราใช้ก็ใช้ไม่ได้เพราะเครื่องเราใช้ios7อยากบ้าค่ะ(จากที่ถามที่ร้านมาค่ะ) ดังนั้นตลอดทริป 13วันของเรา เลยเป็นทริปที่ไร้สัญญานโทรศัพท์ค่ะ อาศัยไวไฟฟรีตลอดการเดินทาง
ต่อมาก็เป็นเสื้อผ้า ซึ่งไปหน้าหนาวแบบนี้ ไม่ต้องเอาไปครบทุกวัน เพราะใส่ซ้ำได้สบายค่ะ เน้นเอาเสื้อกันหนาว ฮีทเทค หรือจะไปซื้อใหม่ที่โน่นก็ดี uniqlo H&Mปกติก็ถูกกว่าไทยค่ะ แถวช่วงนี้ลดแลกแจกแถมกันแยะเลย เตรียมอุปกรณ์กันหนาวต่างๆ ทั้งถุงน่อง ถุงมือ ถุงเท้าเอาไปหลายคู่หน่อยก็ดี อ่อแนะนำถุงเท้าแยกนิ้วเอาไปใช้น่าจะเวิร์มากค่ะ เพระาเราเดินทั้งวัน ใส่ถุงน่องทับด้วยถุงเท้า เป็นอะไรที่ทรมานเท้ามากค่ะ นิ้วแทบจะแยกไม่ออก รองเท้าบูทก็บีบ เหนือยจะเดินค่ะ อุปกรณ์อาบน้ำ แปรงฟัน ครีมทาผิว ลิปมัน*
กระเป๋าเดินทางเราเลือกใช้อย่างใหญ่เลย สายการบินที่เราใช้คือ ไชน่าอีสเทิร์น ได้ 2 ใบๆละ 23 กก.ค่ะ ขาไปเราเลยเอากระเป๋าไปเผื่อด้วย ส่วนกระเป๋าข้ึนเครื่องเราเอาเป้กะกระเป๋าสะพายใส่ของจำพวกพาสปอต,หนังสือนำเที่ยว,เอกสารต่างๆ กระเป๋าเงิน โทรศัพท์ กล้อง ค่ะ
เอกสารที่เราเตรียมมีแค่ที่อยู่กะหน้าเพื่อน บัตรนศเพื่อนเราเผื่อตม.ขอดู และก็มีแพลนเที่ยวคร่าวๆค่ะ
วัน สถานที่
อา22 นาริตะ/ชินจูกุ
จ 23 โตเกียว อิมพีเรียล
อัง24 คามาคุระ/โยโกฮาม่า
พ 25 นิกโก้
พฤ26 คาวากูจิโกะ
ศ 27 ดิสนีย์แลนด์
ส 28 โอไดบะ
อา29 อาซะกุซะ โตเกียวทาวเวอร์ ชิบูย่า
จ 30 ...
อัง31 ...
พ 1 ฮาราจุกุ ศาลเมจิ
พฤ2 ชินจูกุ โตเกียว
ศ 3 เตรียมตัวกลับ
... คือคิดไม่ออกเลยค่ะ 55
และแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางค่ะ เราเดินทางด้วยสายการบินไชน่าอีสเทิร์น MU548เวลา01.55ไปต่อเครื่องที่เซี่ยงไฮ้ไปนาริตะค่ะ ซึ่งเคาเตอร์เชคอินสายการบินนี้ อยุ่ที่ประตู10 เราก็ถึงสนามบินสุวรรณภูมิตอนสี่ทุ่มกว่าๆเพื่อรอเชคอิน แต่คงมาเร็วไปเคาเตอร์ยังไม่เปิดค่ะ ก็เลยเดินเล่น พลางๆกับดูจออัพเดทเคาเตอร์เชคอินด้วยค่ะ ทำใจไว้ อ่านมาเยอะที่ว่า ทั้งเลท ทั้งแคนเซิล กลัวจริงๆค่ะสายการบินนี้ และแล้วก็จริงค่ะ เลทตามคาด! ไฟท์บินเลื่อนไปเป็น 02.30ค่ะ เอาแล้ว...ฮ่าๆสนุกแล้วล่ะค่ะ สักพักก็เปิดให้เชคอิน เจอผู้โดยสารชาวจีนเป็นส่วนใหญ่เลยค่ะ แต่ก็มิได้โช้งเช้งอะไรนัก โอเคอยู่ค่ะ หลังจากเชคอินเสร็จก็เข้าห้องน้ำ เดินเข้าเกท ตรวจร่างกายขาออก ตรวจแยะจริงค่ะ ถอดแม้แต่รองเท้า ต้องผูกใหม่นานเชียว เห้อ...ผ่านด่านต่างๆออกมาก็เจอ Dutyfreeค่ะ ขาออกนี่ ของแปลกๆเก๋ๆเยอะเชียว อยากจะสอยกลับบ้าน แต่ก็หวังว่าขาเข้าจะมีแบบนี้อีกค่ะ...เนื่องจากเหลือเวลาอีกนานโขเราเลยขอรหัสไวไฟของสุวรรณภูมิมาเล่น นั่งรออยู่หน้าเกทE ตามระบุในBoarding pass
ซึ่งยังไม่ถึงเวลา ไวไฟที่ขอมาก็เล่นไม่ได้ เซงจิตจริงๆ เลยนั่งๆนอนๆส่องชาวบ้านไปเรื่อย ทั้งๆที่ก็จวนเจียนเวลาแล้วทำไมยังไม่มีเพื่อนร่วมเดินทางมานั่งรออย่างเราบ้างนะ คนคุ้นๆหน้าที่รอต่อแถวเชคอินเมื่อกี้ก็เห็นเดินดุ่มๆไปไหนกันหมด น่าสงสัยๆ เรารอจนไม่ไหวจะรอ มันพิกลเกินไปแล้ว เลยเดินไปดูจออีกรอบ ตามคาดรอบสอง! เปลี่ยนเกทค่ะ เห้อจะแจคพอตไปถึงไหน...ดีนะทันเวลาค่ะ สุดท้ายก็ได้ขึ้นเครื่องซะทีค่ะ (ดีนะ ทำใจมาแล้ว...)
เที่ยวบินเราต้องถึงเซี่ยงไฮ้ 07.00ค่ะ กลัวเลทจริงเลยเห้อชีวิต แม้จะทำใจมาแล้วแต่ก็แอบเครียดค่ะ กลัวต้องวิ่งโล่ไปต่อเครื่อง ยังดีค่ะที่เราได้ที่นั่งริมหน้าต่างสองที่พอดี ที่นั่งแคบไปหน่อยแต่ก็พอไหวค่ะ บินแล้วเย้ ไฟท์นี้เราได้อาหารรอบดึกเป็นข้าวหน้าเนื้อค่ะ พลาดไปหน่อย รู้งี้สั่งออมเลตน่าจะเวิร์คกว่า เหอๆ กินเสร็จก็นอนต่อค่ะ ไม่นานก็ถึงระคะ สนามบินปูด้ง เซี่ยงไฮ้... อย่างตรงเวลาค่ะ สายการบินนี้ ชนะเลิศค่ะ พออลงจอดปุ๊ปเราก็เห็นเพื่อนร่วมเดินทางควักเสื้อกันหนาวออกมากันยกใหญ่ ออกไปถึงไปรู้ค่ะ หนาวจับใจเลย ฮ่าๆ ดีนะแบกเสื้อขึ้นเครื่องมาเหมือนกัน ส่วนเพื่อนเราไม่ได้พกไปค่ะเลยแบ่งๆกันใส่ประทังชีวิต เราลงไปนั่งShuttle busเพื่อไปยังสนามบินค่ะ เดินไปต่อแถวรอtransit ตรวจร่างกายขาออก ซึ่งจนท.จีนนี่ ยิ้มไม่เป็นกันสักคนเลยค่ะ กลัวจริง เสร็จเรียบร้อยก็ไปนั่งรอหน้าเกทค่ะ เราเดินสำรวจdutyfree กันเล็กน้อยเพราะพอจะมีเงินหยวนอยู่บ้าง ซึ่งก็ไม่ได้สอยอะไรมาเลยค่ะ ไม่นานก็ได้เวลาข้ึนเครื่องไปต่อแล้วค่ะ
แล้วจะมารีวิวต่อนะคะ
Review JAPAN --Kanto Trip-- เที่ยวไร้แพลน ไร้เนต ไปกะหนังสือ2เล่ม ด้วยงบ3หมื่น
เราเป็นคนหนึ่งที่เคยคิดว่า ญี่ปุ่น แค่คิดจะไปก็ยากแล้ว! แต่ความคิดนั้นก็ได้หายไป เมื่อเพื่อนสนิทเราได้ไปเรียนต่อและมีหอพักอยู่แถวๆชินจูกุ เลยคิดว่า ถ้ามีโอกาสต้องไปหาเพื่อนสักครั้ง เลยวางแผนจองตั๋วเครื่องบินไว้ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน เพื่อที่จะไปช่วงก่อนคริสมาสตร์ถึงปีใหม่ เพราะเป็นช่วงที่เพื่อนเราไม่มีเรียนและพอจะพาเที่ยวได้บ้าง อีกอย่างคือไหนๆก็ไปแล้วก็อยู่ยาวให้คุ้มค่าเครื่องบินหน่อย อีกทั้งยังอยากเห็นว่าคนญี่ปุ่นเค้าทำอะไรกันบ้างในช่วงเทศกาลแบบนี้ เลยไปรวมแล้ว 13วัน ตั้งแต่วันที่ 22ธค.56-3มค.57 ค่ะ นอกจากเพื่อนสนิทที่อยู่ที่นั่นอยู่แล้ว ก็มีเพื่อนเราจากเมืองไทยไปด้วยอีกคน เรียกได้ว่า พาเพื่อนไปรู้จักเพื่อนเลยก็ว่าได้ค่ะ
บอกตามตรงว่าแม้จะจองตั๋วล่วงหน้าไว้นานถึง2เดือน แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เรายุ่งมากๆ ทั้งยังมีเรียน มีสอบต่างๆนานา แทบไม่มีเวลาอ่านรีวิว หรือหาข้อมูลอะไรนักเลยแต่แม้จะมีเวลาบ้างที่จะเปิดอ่านกระทู้ต่างๆ เปิดหลายหน้าต่างขึ้นมาดูวางแผนเที่ยว รับข้อมูลเยอะแยะมากมายแต่กลั่นกรองไม่ได้นักเลย เหนื่อยใจจริงๆ หรือหันมาอ่านหนังสือนำเที่ยวญี่ปุ่นที่ซื้อมาตอนงานหนังสือเดือนตค. ก็ไม่ได้เข้าหัวเลย ยิ่งได้เห๋็นเส้นมาม่าของสายรถไฟต่างๆด้วยแล้วนั้น ก็ลมจับ อ่านไม่รุ้เรื่องจริงๆค่ะ คิดแล้วก็ ถอนหายใจ... แต่ไงก็ต้องไป จองตั๋วแล้ว สัญญากับเพื่อนไว้แล้วนี่นา และแล้วก็เหลือเวลาไม่มากแต่ยังไม่มีแผนเลยว่าวันไหนจะไปที่ไหนบ้าง ลองลิสรายการที่เทียวที่เราอยากไปตอนแรกที่เคยมาถามในบลูก็คนละทิศละทางเลยจริงๆ แถมยังจำกัดงบแค่ 3หมื่นอีก คิดแล้วกลุ้ม หลังจากได้คำแนะนำจากพี่ๆบลู ก็เลือกอยู่แค่คันโตค่ะ ด้วยความที่งบจำกัด เวลาเตรียมตัวมีน้อย เลยไม่ได้จองที่พักที่อื่น ต้องกลับมาพักหอเพื่อนที่ชินจูกุอย่างเดียวตลอดทริปค่ะ
และแล้วก็จวนเจียนเวลา มีเวลาเตรียมตัวแบบทุกอย่างเข้าหัวจริงๆก็ 2 วันก่อนไปค่ะ บอกตัวเองเลยว่า ต้องหาข้อมูลไรบ้าง ไม่ได้นั่งอ่านรีวิวไปเรื่อยๆอย่างที่ผ่านมาแล้วเอามาปรับใช้กะทริปเราเองไม่ได้ อ่านไปเยอะแค่ไหนก็ไม่ช่วยอ่ะไรค่ะ แต่ขอบอกตามตรงนะคะว่าเวลาเตรียมตัวแค่นี้ ไม่พอ ซึ่งทำให้เราพลาดอะไรไปหลายอย่างค่ะ ทางที่ดีเราคิดว่าน่าจะใช้เวลาเตรียมตัวอย่างน้อยๆ 10วันก่อนไป สิ่งที่น่าจะต้องเตรียม
อันดับแรกๆ ติดต่อเรื่องซื้ออินเตอร์เนตซิมค่ะ เท่าที่อ่านในบลูก็มีหลากหลายยี่ห้อ ณ ตอนนั้นเราเลือ B-mobileซึ่งเท่าที่อ่านข้อมูลคือต้องสั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน แต่เรามารู้ตัวว่าไม่มีเนตโทรศัพก็เหลือแค่2วัน ไม่ทันค่ะ เลยคิดว่าจะไปซื้อที่ Bic camera ที่โน่นตามที่อ่านในรีวิว แต่ก็อดค่ะ เพราะนาโนซิม มีขายเฉพาะออนไลน์ ส่วนไมโครซิมแบบที่ไอโฟน4อย่างเราใช้ก็ใช้ไม่ได้เพราะเครื่องเราใช้ios7อยากบ้าค่ะ(จากที่ถามที่ร้านมาค่ะ) ดังนั้นตลอดทริป 13วันของเรา เลยเป็นทริปที่ไร้สัญญานโทรศัพท์ค่ะ อาศัยไวไฟฟรีตลอดการเดินทาง
ต่อมาก็เป็นเสื้อผ้า ซึ่งไปหน้าหนาวแบบนี้ ไม่ต้องเอาไปครบทุกวัน เพราะใส่ซ้ำได้สบายค่ะ เน้นเอาเสื้อกันหนาว ฮีทเทค หรือจะไปซื้อใหม่ที่โน่นก็ดี uniqlo H&Mปกติก็ถูกกว่าไทยค่ะ แถวช่วงนี้ลดแลกแจกแถมกันแยะเลย เตรียมอุปกรณ์กันหนาวต่างๆ ทั้งถุงน่อง ถุงมือ ถุงเท้าเอาไปหลายคู่หน่อยก็ดี อ่อแนะนำถุงเท้าแยกนิ้วเอาไปใช้น่าจะเวิร์มากค่ะ เพระาเราเดินทั้งวัน ใส่ถุงน่องทับด้วยถุงเท้า เป็นอะไรที่ทรมานเท้ามากค่ะ นิ้วแทบจะแยกไม่ออก รองเท้าบูทก็บีบ เหนือยจะเดินค่ะ อุปกรณ์อาบน้ำ แปรงฟัน ครีมทาผิว ลิปมัน*
กระเป๋าเดินทางเราเลือกใช้อย่างใหญ่เลย สายการบินที่เราใช้คือ ไชน่าอีสเทิร์น ได้ 2 ใบๆละ 23 กก.ค่ะ ขาไปเราเลยเอากระเป๋าไปเผื่อด้วย ส่วนกระเป๋าข้ึนเครื่องเราเอาเป้กะกระเป๋าสะพายใส่ของจำพวกพาสปอต,หนังสือนำเที่ยว,เอกสารต่างๆ กระเป๋าเงิน โทรศัพท์ กล้อง ค่ะ
เอกสารที่เราเตรียมมีแค่ที่อยู่กะหน้าเพื่อน บัตรนศเพื่อนเราเผื่อตม.ขอดู และก็มีแพลนเที่ยวคร่าวๆค่ะ
วัน สถานที่
อา22 นาริตะ/ชินจูกุ
จ 23 โตเกียว อิมพีเรียล
อัง24 คามาคุระ/โยโกฮาม่า
พ 25 นิกโก้
พฤ26 คาวากูจิโกะ
ศ 27 ดิสนีย์แลนด์
ส 28 โอไดบะ
อา29 อาซะกุซะ โตเกียวทาวเวอร์ ชิบูย่า
จ 30 ...
อัง31 ...
พ 1 ฮาราจุกุ ศาลเมจิ
พฤ2 ชินจูกุ โตเกียว
ศ 3 เตรียมตัวกลับ
... คือคิดไม่ออกเลยค่ะ 55
และแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางค่ะ เราเดินทางด้วยสายการบินไชน่าอีสเทิร์น MU548เวลา01.55ไปต่อเครื่องที่เซี่ยงไฮ้ไปนาริตะค่ะ ซึ่งเคาเตอร์เชคอินสายการบินนี้ อยุ่ที่ประตู10 เราก็ถึงสนามบินสุวรรณภูมิตอนสี่ทุ่มกว่าๆเพื่อรอเชคอิน แต่คงมาเร็วไปเคาเตอร์ยังไม่เปิดค่ะ ก็เลยเดินเล่น พลางๆกับดูจออัพเดทเคาเตอร์เชคอินด้วยค่ะ ทำใจไว้ อ่านมาเยอะที่ว่า ทั้งเลท ทั้งแคนเซิล กลัวจริงๆค่ะสายการบินนี้ และแล้วก็จริงค่ะ เลทตามคาด! ไฟท์บินเลื่อนไปเป็น 02.30ค่ะ เอาแล้ว...ฮ่าๆสนุกแล้วล่ะค่ะ สักพักก็เปิดให้เชคอิน เจอผู้โดยสารชาวจีนเป็นส่วนใหญ่เลยค่ะ แต่ก็มิได้โช้งเช้งอะไรนัก โอเคอยู่ค่ะ หลังจากเชคอินเสร็จก็เข้าห้องน้ำ เดินเข้าเกท ตรวจร่างกายขาออก ตรวจแยะจริงค่ะ ถอดแม้แต่รองเท้า ต้องผูกใหม่นานเชียว เห้อ...ผ่านด่านต่างๆออกมาก็เจอ Dutyfreeค่ะ ขาออกนี่ ของแปลกๆเก๋ๆเยอะเชียว อยากจะสอยกลับบ้าน แต่ก็หวังว่าขาเข้าจะมีแบบนี้อีกค่ะ...เนื่องจากเหลือเวลาอีกนานโขเราเลยขอรหัสไวไฟของสุวรรณภูมิมาเล่น นั่งรออยู่หน้าเกทE ตามระบุในBoarding pass
ซึ่งยังไม่ถึงเวลา ไวไฟที่ขอมาก็เล่นไม่ได้ เซงจิตจริงๆ เลยนั่งๆนอนๆส่องชาวบ้านไปเรื่อย ทั้งๆที่ก็จวนเจียนเวลาแล้วทำไมยังไม่มีเพื่อนร่วมเดินทางมานั่งรออย่างเราบ้างนะ คนคุ้นๆหน้าที่รอต่อแถวเชคอินเมื่อกี้ก็เห็นเดินดุ่มๆไปไหนกันหมด น่าสงสัยๆ เรารอจนไม่ไหวจะรอ มันพิกลเกินไปแล้ว เลยเดินไปดูจออีกรอบ ตามคาดรอบสอง! เปลี่ยนเกทค่ะ เห้อจะแจคพอตไปถึงไหน...ดีนะทันเวลาค่ะ สุดท้ายก็ได้ขึ้นเครื่องซะทีค่ะ (ดีนะ ทำใจมาแล้ว...)
เที่ยวบินเราต้องถึงเซี่ยงไฮ้ 07.00ค่ะ กลัวเลทจริงเลยเห้อชีวิต แม้จะทำใจมาแล้วแต่ก็แอบเครียดค่ะ กลัวต้องวิ่งโล่ไปต่อเครื่อง ยังดีค่ะที่เราได้ที่นั่งริมหน้าต่างสองที่พอดี ที่นั่งแคบไปหน่อยแต่ก็พอไหวค่ะ บินแล้วเย้ ไฟท์นี้เราได้อาหารรอบดึกเป็นข้าวหน้าเนื้อค่ะ พลาดไปหน่อย รู้งี้สั่งออมเลตน่าจะเวิร์คกว่า เหอๆ กินเสร็จก็นอนต่อค่ะ ไม่นานก็ถึงระคะ สนามบินปูด้ง เซี่ยงไฮ้... อย่างตรงเวลาค่ะ สายการบินนี้ ชนะเลิศค่ะ พออลงจอดปุ๊ปเราก็เห็นเพื่อนร่วมเดินทางควักเสื้อกันหนาวออกมากันยกใหญ่ ออกไปถึงไปรู้ค่ะ หนาวจับใจเลย ฮ่าๆ ดีนะแบกเสื้อขึ้นเครื่องมาเหมือนกัน ส่วนเพื่อนเราไม่ได้พกไปค่ะเลยแบ่งๆกันใส่ประทังชีวิต เราลงไปนั่งShuttle busเพื่อไปยังสนามบินค่ะ เดินไปต่อแถวรอtransit ตรวจร่างกายขาออก ซึ่งจนท.จีนนี่ ยิ้มไม่เป็นกันสักคนเลยค่ะ กลัวจริง เสร็จเรียบร้อยก็ไปนั่งรอหน้าเกทค่ะ เราเดินสำรวจdutyfree กันเล็กน้อยเพราะพอจะมีเงินหยวนอยู่บ้าง ซึ่งก็ไม่ได้สอยอะไรมาเลยค่ะ ไม่นานก็ได้เวลาข้ึนเครื่องไปต่อแล้วค่ะ
แล้วจะมารีวิวต่อนะคะ