........... เมื่อช่วงเย็นวันที่ 4 ธันวาคม น้าชายผมประสปอุบัติเหตุ โดยขับขี่มอเตอไซค์ มาถึงตรง 4 แยกพาดถนน4เลนส์
หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งมีจราจร 2 นายทำหน้าทีอยู่ แต่คนนึงโบกมือให้น้าผมข้าม ส่วนอีกคนนึง ยืนอยู่เกือบกลางเลนส์
เพื่อที่จะโบกหรือจะเรียก รถยนต์จากถนนเพชรเกษม ซึ่งขณะนั้นมีรถVIGO ติดลูกกรงบรรทุกผักมาจากทาง กทม. เมื่อเห็นตำรวจจึงได้ชะลอรถลงเล็กน้อย แต่จราจรคนนี้ ได้โบกมือให้ผ่านไป เขาจึงเร่งคันเร่งต่อ ประกอบกับ เป็นนาทีที่จราจรฝั่งตรงข้ามนั้นได้โบกให้น้าชายผมข้ามพอดี น้าชายจึงข้ามจากเลนที่ มีจราจรที่โบกรถส่งผัก ตรงนั้นมีรถตำรวจจอดบังอยู่ริมถนน รถส่งผักจึงไม่เห็น น้าชายผมก็ไม่เห็น เห็นเพียงเเต่ว่าฝั่งนู้น ให้ข้ามก็ข้าม เพราะนึกว่าจราจรกลางเลนส์คนนั้นจะให้รถผักหยุด จึงชนกันด้วยความเร็ว...
หลังจากนั้น น้าชายผมได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงก่อนส่งต่อโรงพยาบาลหัวหิน และเสียชีวิตเนื่องจากเสียเลือดมากเกินไป
ในเวลา ตี3 ของเช้าวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งร้อยเวรได้ออกมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่กลับไม่ลงบันทึกประจำวัน ทั้งๆ ที่เป็นอุบัติที่เกิดขึ้นขณะมีการปฏิบัติหน้าที่ของ ตำรวจจราจรแท้ๆ ญาติๆได้ตามไปดู รถของผู้ที่ขับชน ที่โรงพัก แต่กลับไม่พบรถคันดังกล่าวเเล้ว มีแต่รถของผู้เสียชีวิต
และไม่พบกับร้อยเวรด้วย จึงต้องพยายามติดตามเรื่องร้อยเวรให้มาลงบันทึกประจำวันซึ่งก็เป็นวันที่ 6 ธันวาคม ช่วงบ่าย เขาถึงมาลงให้
ในขณะที่จัดงานศพอยู่นั้น ทางผู้ชนหรือคู่กรณีก็ไม่มีการเยียวยาศพ หรือพวงหรีด และไม่ติดต่อมาเลย มีนายก อบต. ประสานงานไปที่ร้อยเวร
ได้เบอร์โทรศัพท์ของผู้ชนมาจากร้อยเวร นายกจึงได้คุยกับผู้ชน ซึ่งผู้ชนบอกว่า เขาพร้อมชดใช้ เเละช่วยเหลือทุกๆอย่าง แต่เขาอ้างว่าติดงานอยู่ที่ อีสาน ยังไม่สามารถมาคุยได้ หลังจากเสร็จสิ้นงานศพเป็นเวลา 7 วัน ทางเราได้ติดต่อไปที่ร้อยเวรอีกครั้ง แต่ทางร้อยเวรกลับบอกว่าติดราชการที่ขอนเเก่น เรื่องจึงยังไม่คืบหน้าอีก ผมจึงรอหลังจากนั้น 1 สัปดาห์ นายก อบต. ได้โทรไปติดตามเรื่อง เเละนัดวัน ให้พี่สาวผู้ตาย เเละ ร้อยเวรมาตกลงกัน โดยมีนายก อบต. เป็นผู้ประสานงาน และได้ตกลงกันว่า ทางฝ่ายผู้ตาย..ขอค่าใช้จ่ายที่ได้รักษาจาก โรงพยาบาลก่อนหน้าจะเสียชีวิตเเละค่าจัดงานพิธีศพ เป็นเงิน สามเเสนห้าหมื่นบาท ...ซึ่งผู้ชนก็ตอบตกลง แต่หลังจากนั้นร้อยเวรได้เรียกบุตรชายของผู้ตายซึ่งมีอายุ11 ปี เข้าไปในห้องโดยไม่ให้ญาติฝ่ายผู้ตายรับรู้ โดย ผู้ชนได้ยัดเงินใส่มือเด็กมา หนึ่งหมื่นสองพันบาท โดยบอกเด็กว่า นี้เป็นการช่วยเหลืองานศพ โดยมีร้อยเวรกับนายก อบต เซ็นชื่อเป็นพยานรับรู้ แต่ก็ไม่ให้ญาติผู้ตายเข้าไปด้วย
....เช้าวันรุ่งขึ้น เวลา10.00 น. ร้อยเวรได้โทรเเจ้ง อบต.ให้บอกกับญาติผู้ตายว่า ชดใช้ให้ได้เเค่สองเเสนห้าหมื่นบาทเท่านั้น ทั้งๆที่เมื่อวานตกลงที่ สามเเสนห้าหมื่นบาท ร้อยเวรบอกว่าถ้ามากกว่าสองเเสนห้า สารวัตรใหญ่จะไม่ทำเรื่องให้ ......ญาติผู้ตายจึงยอมไม่รับเงินจำนวนนั้น และได้เดินทางไปร้องเรียน สำนักงานตำรวจภูธรภาค 7 ให้ตรวจสอบร้อยเวรที่ทำคดีนี้ เนื่องจากทางญาติผู้ตายสงสัยในการปฏิบัติหน้าที่
ว่ามีการกินนอกกินในกับคดีนี้หรือไม่ ..... หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบไปถึง 1เดือน ร้อยเวรท่านนี้จึงรีบโทรเเจ้งญาติผู้ตายมาว่าให้นำบัตรประชาชน เเละใบมรณะบัตรผู้ตาย มาให้เขา ....ด่วนที่สุด จึงอยากเรียนถามทุกท่านที่สันทัดในเหตุการณ์แบบนี้ ว่า
1.เหตุใดร้อยเวรถึงปล่อยให้ผู้ชนนำรถออกไปได้โดยที่ยังไม่มีการตรวจสภาพรถ
และยังไม่ได้ลงบันทึกประจำวัน อีกทั้งยังไม่มีการตกลงของคู่กรณี(ผู้ตาย)อีกด้วย ?
2.ทำไมร้อยเวรจึงต้องรีบร้อน...จะเอาบัตรประชาชน เเละใบมรณะบัตรผู้ตาย รวมถึงทะเบียนรถของผู้ตาย ทั้งๆที่นิ่งเฉยมาถึง เดือนกว่า?
3.อยากทราบว่าเราควรให้บัตรประชาชน เเละใบมรณะบัตรผู้ตาย รวมถึงทะเบียนรถของผู้ตาย หรือไม่ เพราะยังไม่มีการเรียกผู้ที่ไปร้องเรียนไว้ที่ภาค7 ไปสอบปากคำเเต่อย่างใด?
4.คดีนี้ ร้อยเวรจะมีความผิดหรือไม่...?
5.ทางครอบครัวเราไม่ได้ห็นเเก่เงินที่มากกว่าหรืออะไรนะครับ แต่เรา เอะใจในการปฏิบัติหน้าที่ของร้อยเวรจึงไม่รับเงินดังกล่าวมา
มีโอกาสไหมที่เราจะไม่ได้อะไรเลย ? คือถ้าไม่ได้เงินเเต่ร้อยเวรถูกตรวจสอบวินัยร้ายแรงก็ยังพอจะรู้สึกว่ายุติธรรม
6.คดีนี้จะมีความได้เปรียบเสียเปรียบกับใครเเละในทิศทางใดบ้าง?
7.อยากขอคำเเนะนำจากทุกๆท่านว่าผมควรทำอย่างไรต่อไปครับ เพราะผมไม่ไว้ใจร้อยเวรท่านนี้เลย?
ผมเพียงต้องการคำเเนะนำจากหลายๆความเห็น เพราะ น้องชายผมอายุ11ปี ซึ่งเจ็บช้ำจากการที่ต้องสูญเสียพ่อ...ในวันพ่อเเห่งชาติ
เเล้วยังต้องมาเจอกับเหตุการณ์และร้อยเวรแบบนี้อีก
ขอบคุณมากครับ....ที่สละเวลาอ่าน และให้คำเเนะนำครับ
เจอร้อยเวรแบบนี้ กับเหตุการณ์นี้ ขอคำเเนะนำทุกท่านว่าผมควรทำอย่างไรต่อไปดีครับ
หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งมีจราจร 2 นายทำหน้าทีอยู่ แต่คนนึงโบกมือให้น้าผมข้าม ส่วนอีกคนนึง ยืนอยู่เกือบกลางเลนส์
เพื่อที่จะโบกหรือจะเรียก รถยนต์จากถนนเพชรเกษม ซึ่งขณะนั้นมีรถVIGO ติดลูกกรงบรรทุกผักมาจากทาง กทม. เมื่อเห็นตำรวจจึงได้ชะลอรถลงเล็กน้อย แต่จราจรคนนี้ ได้โบกมือให้ผ่านไป เขาจึงเร่งคันเร่งต่อ ประกอบกับ เป็นนาทีที่จราจรฝั่งตรงข้ามนั้นได้โบกให้น้าชายผมข้ามพอดี น้าชายจึงข้ามจากเลนที่ มีจราจรที่โบกรถส่งผัก ตรงนั้นมีรถตำรวจจอดบังอยู่ริมถนน รถส่งผักจึงไม่เห็น น้าชายผมก็ไม่เห็น เห็นเพียงเเต่ว่าฝั่งนู้น ให้ข้ามก็ข้าม เพราะนึกว่าจราจรกลางเลนส์คนนั้นจะให้รถผักหยุด จึงชนกันด้วยความเร็ว...
หลังจากนั้น น้าชายผมได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงก่อนส่งต่อโรงพยาบาลหัวหิน และเสียชีวิตเนื่องจากเสียเลือดมากเกินไป
ในเวลา ตี3 ของเช้าวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งร้อยเวรได้ออกมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่กลับไม่ลงบันทึกประจำวัน ทั้งๆ ที่เป็นอุบัติที่เกิดขึ้นขณะมีการปฏิบัติหน้าที่ของ ตำรวจจราจรแท้ๆ ญาติๆได้ตามไปดู รถของผู้ที่ขับชน ที่โรงพัก แต่กลับไม่พบรถคันดังกล่าวเเล้ว มีแต่รถของผู้เสียชีวิต
และไม่พบกับร้อยเวรด้วย จึงต้องพยายามติดตามเรื่องร้อยเวรให้มาลงบันทึกประจำวันซึ่งก็เป็นวันที่ 6 ธันวาคม ช่วงบ่าย เขาถึงมาลงให้
ในขณะที่จัดงานศพอยู่นั้น ทางผู้ชนหรือคู่กรณีก็ไม่มีการเยียวยาศพ หรือพวงหรีด และไม่ติดต่อมาเลย มีนายก อบต. ประสานงานไปที่ร้อยเวร
ได้เบอร์โทรศัพท์ของผู้ชนมาจากร้อยเวร นายกจึงได้คุยกับผู้ชน ซึ่งผู้ชนบอกว่า เขาพร้อมชดใช้ เเละช่วยเหลือทุกๆอย่าง แต่เขาอ้างว่าติดงานอยู่ที่ อีสาน ยังไม่สามารถมาคุยได้ หลังจากเสร็จสิ้นงานศพเป็นเวลา 7 วัน ทางเราได้ติดต่อไปที่ร้อยเวรอีกครั้ง แต่ทางร้อยเวรกลับบอกว่าติดราชการที่ขอนเเก่น เรื่องจึงยังไม่คืบหน้าอีก ผมจึงรอหลังจากนั้น 1 สัปดาห์ นายก อบต. ได้โทรไปติดตามเรื่อง เเละนัดวัน ให้พี่สาวผู้ตาย เเละ ร้อยเวรมาตกลงกัน โดยมีนายก อบต. เป็นผู้ประสานงาน และได้ตกลงกันว่า ทางฝ่ายผู้ตาย..ขอค่าใช้จ่ายที่ได้รักษาจาก โรงพยาบาลก่อนหน้าจะเสียชีวิตเเละค่าจัดงานพิธีศพ เป็นเงิน สามเเสนห้าหมื่นบาท ...ซึ่งผู้ชนก็ตอบตกลง แต่หลังจากนั้นร้อยเวรได้เรียกบุตรชายของผู้ตายซึ่งมีอายุ11 ปี เข้าไปในห้องโดยไม่ให้ญาติฝ่ายผู้ตายรับรู้ โดย ผู้ชนได้ยัดเงินใส่มือเด็กมา หนึ่งหมื่นสองพันบาท โดยบอกเด็กว่า นี้เป็นการช่วยเหลืองานศพ โดยมีร้อยเวรกับนายก อบต เซ็นชื่อเป็นพยานรับรู้ แต่ก็ไม่ให้ญาติผู้ตายเข้าไปด้วย
....เช้าวันรุ่งขึ้น เวลา10.00 น. ร้อยเวรได้โทรเเจ้ง อบต.ให้บอกกับญาติผู้ตายว่า ชดใช้ให้ได้เเค่สองเเสนห้าหมื่นบาทเท่านั้น ทั้งๆที่เมื่อวานตกลงที่ สามเเสนห้าหมื่นบาท ร้อยเวรบอกว่าถ้ามากกว่าสองเเสนห้า สารวัตรใหญ่จะไม่ทำเรื่องให้ ......ญาติผู้ตายจึงยอมไม่รับเงินจำนวนนั้น และได้เดินทางไปร้องเรียน สำนักงานตำรวจภูธรภาค 7 ให้ตรวจสอบร้อยเวรที่ทำคดีนี้ เนื่องจากทางญาติผู้ตายสงสัยในการปฏิบัติหน้าที่
ว่ามีการกินนอกกินในกับคดีนี้หรือไม่ ..... หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบไปถึง 1เดือน ร้อยเวรท่านนี้จึงรีบโทรเเจ้งญาติผู้ตายมาว่าให้นำบัตรประชาชน เเละใบมรณะบัตรผู้ตาย มาให้เขา ....ด่วนที่สุด จึงอยากเรียนถามทุกท่านที่สันทัดในเหตุการณ์แบบนี้ ว่า
1.เหตุใดร้อยเวรถึงปล่อยให้ผู้ชนนำรถออกไปได้โดยที่ยังไม่มีการตรวจสภาพรถ
และยังไม่ได้ลงบันทึกประจำวัน อีกทั้งยังไม่มีการตกลงของคู่กรณี(ผู้ตาย)อีกด้วย ?
2.ทำไมร้อยเวรจึงต้องรีบร้อน...จะเอาบัตรประชาชน เเละใบมรณะบัตรผู้ตาย รวมถึงทะเบียนรถของผู้ตาย ทั้งๆที่นิ่งเฉยมาถึง เดือนกว่า?
3.อยากทราบว่าเราควรให้บัตรประชาชน เเละใบมรณะบัตรผู้ตาย รวมถึงทะเบียนรถของผู้ตาย หรือไม่ เพราะยังไม่มีการเรียกผู้ที่ไปร้องเรียนไว้ที่ภาค7 ไปสอบปากคำเเต่อย่างใด?
4.คดีนี้ ร้อยเวรจะมีความผิดหรือไม่...?
5.ทางครอบครัวเราไม่ได้ห็นเเก่เงินที่มากกว่าหรืออะไรนะครับ แต่เรา เอะใจในการปฏิบัติหน้าที่ของร้อยเวรจึงไม่รับเงินดังกล่าวมา
มีโอกาสไหมที่เราจะไม่ได้อะไรเลย ? คือถ้าไม่ได้เงินเเต่ร้อยเวรถูกตรวจสอบวินัยร้ายแรงก็ยังพอจะรู้สึกว่ายุติธรรม
6.คดีนี้จะมีความได้เปรียบเสียเปรียบกับใครเเละในทิศทางใดบ้าง?
7.อยากขอคำเเนะนำจากทุกๆท่านว่าผมควรทำอย่างไรต่อไปครับ เพราะผมไม่ไว้ใจร้อยเวรท่านนี้เลย?
ผมเพียงต้องการคำเเนะนำจากหลายๆความเห็น เพราะ น้องชายผมอายุ11ปี ซึ่งเจ็บช้ำจากการที่ต้องสูญเสียพ่อ...ในวันพ่อเเห่งชาติ
เเล้วยังต้องมาเจอกับเหตุการณ์และร้อยเวรแบบนี้อีก
ขอบคุณมากครับ....ที่สละเวลาอ่าน และให้คำเเนะนำครับ