5 สิ่งที่ต้องเจอเมื่อเธอ 'อกหัก'

5 สิ่งที่ต้องเจอเมื่อเธอ 'อกหัก'
#นายอุ๊ย!!

ภาพยนตร์ค่าย GTH เรื่องหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า ทุกเจ็ดปี "ความรัก" มักมีการเปลี่ยนแปลง ผมเองก็เพิ่งผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตมา ตอนอายุ 27 ปี

ครับ ตอนนี้ผมกลับมาโสดอีกครั้ง

เอ๊ะ แต่เดี๋ยวนะ

เจ็ดหนึ่งเจ็ด

เจ็ดสองสิบสี่

เจ็ดสามยี่สิบเอ็ด

เจ็ดสี่ยี่สิบแปด

อิห่านฟ้า ธรรมชาติหารเลขให้กรุผิด นี่มันเร็วไปปีนึง!!

อย่างไรก็ตาม ความรักก็ได้ผ่านไปแล้ว คงทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจยอมรับและเตรียมตัวออกเดินทางใหม่อีกครั้ง การจากลาไม่ได้มีไว้ให้ร้องไห้ ฟูมฟาย คร่ำครวญถึง แต่มีไว้เพื่อให้เราพบสิ่งใหม่ ๆ ที่ดีกว่า

ผมเชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้น

เอาล่ะครับ วันนี้ผมจะมาเล่าถึง "5 สิ่งที่ต้องเจอเมื่อเธออกหัก" ประสบการณ์ตรงสด ๆ ร้อน ๆ ร้อนมาก ร้อนผะผ่าว จะเป็นอะไรบ้าง เชิญชมได้เลยครับ



1. ฟังเพลงเพราะขึ้น

ในช่วงเวลาปกติคนเราฟังเพลง "ด้วยหู" แต่เวลาอกหัก เราจะฟังเพลง "ด้วยใจ"

หลายเพลงไม่เคยพิจารณาเนื้อร้อง ดูแต่นางเอกเอ็มวี แต่พอมาฟังตอนอกหัก ทำไมมันช่างไพเราะเหลือเกิน คนแต่งมันรู้ใจเราได้ยังไง มันแต่งมาเพื่อชีวิตของเราเลยนี่นา

ช่วงที่ผ่านมา ผมจะชอบฟังเพลงเป็นพิเศษ (แน่นอนว่าใน Youtube ไม่เคยซื้อแผ่น ทั้งแผ่นแท้ แผ่นผี) อย่างอกหักครั้งนี้จะชอบเพลง "เข้ากันไม่ได้" ของ Synkornize

"ลืมตา เพื่อจะพบว่าไม่มีเธอ"

เฮ้ย แค่เริ่มประโยคมันก็ Meaningful แล้วล่ะ

ตบขาอ่อนดังฉาด แต่งได้โดนใจจริง ๆ

เวลานั่งรถตู้ไปทำงานหรือนั่งรถตู้กลับบ้านก็จะนั่งฟังเพลง ถึงแม้บรรยากาศในรถตู้จะไม่ค่อยเข้ากับสุนทรียภาพสักเท่าไร แต่อารมณ์อกหักมันทำให้เพลงเพราะขึ้นจริง ๆ

ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอกครับที่รู้สึกอย่างนี้ ลองสังเกตดู คนอกหักมักจะชอบโพสเพลงบน Facebook เคยมีเพื่อนอกหักมั้ย มันจะชอบโพสเพลงเต็มไปหมด เราเข้ามาทีนี่งงมากว่านี่ Facebook หรือเวบคลื่นวิทยุชุมชน ทำไมมันมีเพลงอะไรต่อมิอะไรมากมายขนาดนี้

อกหักแล้วฟังเพลงเพราะขึ้นจริง ๆ ครับ

ไม่เชื่อลองดู ^^



2. เพื่อนแท้จะปรากฎกาย

ดังสุภาษิตไทยว่าไว้ "เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตาย...อย่าลืมไปเผา"

เวลาคนเรามีแฟน เรามักจะไม่ค่อยสนใจเพื่อนเท่าไร เพื่อนจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ค่อยติดตาม เวลาเพื่อนนัดกินข้าว เราก็มักจะบิดพริ้ว "เฮ้ย ไม่ว่าง วันนี้ต้องไปฉลองกับแฟนครบรอบ 37 วันที่ได้รู้จักกัน" หรือ "เฮ้ย ไม่ว่าง วันนี้ครบรอบ 100 วันที่เราไปปล่อยปลาดุกด้วยกัน"

ส่วนใหญ่เพื่อนก็จะเอือมระอา ไม่ค่อยอยากยุ่งตอนเรามีแฟนเท่าไร

แต่พออกหัก เพื่อนแท้จะเข้ามาทักเราเสมอ

"เฮ้ย เป็นไงบ้าง"
  
"เป็นไง ไหวเปล่าวะ"
  
"สมน้ำหน้า กูบอกแล้ว"
  
อันหลังออกแนวเลว

ถึงแม้ตอนมีแฟนเราจะเย็นชากับเพื่อนอย่างไร แต่พอเราเสียใจ เพื่อนแท้จะเข้ามาปลอบเราเป็นคนแรก

อย่างผมเอง มีอยู่วันนึงผมโพสบน Facebook ประมาณว่าเลิกกับแฟนแล้ว แล้วก็เข้านอน ตื่นเช้ามาตกใจมาก มีคนมากด Like ร้อยกว่าคน

แหม่ ชอบใจอะไรกันขนาดนั้น รู้สึกมีคนมาร่วมยินดีมากมายเลยทีเดียว

ผมมีเพื่อนหลายกลุ่ม เพื่อนที่โรงเรียน เพื่อนที่มหาวิทยาลัย เพื่อนที่ค่าย เพื่อนที่บัญชี เพื่อนที่เรียนโท เพื่อนที่ทำงาน เพื่อนที่บล็อก เพื่อนของเพื่อน เพื่อนที่ไม่รู้จัก ฯลฯ (เพื่อนที่ไม่รู้จัก เมิงยังนับถือเป็นเพื่อนอีกเนอะ) พอเห็นผมเศร้า ๆ ต่างคนก็ต่างชวนผมไปกินข้าว
  
"เฮ้ย อุ๊ย พรุ่งนี้ว่างเปล่า นัดกัน ๆ"
  
"มะรืนกินข้าวมั้ย"
  
"อาทิตย์นี้กินข้าวเปล่า"
  
"วันเสาร์กินข้าวกัน"
  
ฯลฯ
  
อิห่าน!! กูอกหัก!! กูไม่ได้หิว!!

มีเพื่อนอยู่กลุ่มนึงนัดผมกินข้าวใน theme อกหัก เงื่อนไขคือคนที่มากินข้าวครั้งนี้ต้องอกหักเท่านั้น ตอนแรกรวบรวมได้ 3-4 คน กำลังพอดี ตอนหลังก็มีเพื่อนขอมาจอยเพิ่มขึ้น
  
"อ้าว มีแฟนแล้วนี่"
  
"กูเคยอกหักตอนอายุ 18"
  
"อ้าว ไอ้นี่ก็มีแฟนแล้ว"
  
"กูมีแฟน แต่กูก็อยากเจอเพื่อนนะ"
  
สรุป ปาร์ตี้ใน theme อกหักของผม มีผู้ร่วมงานสิริรวมสิบกว่าคน คนอกหักตาม theme เป็นคนกลุ่มน้อยมีอยู่ 2-3 คน ที่เหลือก็คละเคล้ากันไป มีแฟน แฟนไม่มา แฟนไม่รู้ เกย์ ตุ๊ด ทอม ดี้ มั่วกันไปหมด

โอเค ในวาระดิถีที่กรูอกหัก พวกเมิงก็นัดสังสรรค์รวมรุ่นกันเลย

ผมตัดสินใจไม่ไปปาร์ตี้ theme อกหักนี้ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าพวกมันนัดกันรึเปล่า อยากทำอะไร เชิญ
  
แต่ผมไม่ค่อยได้ไปกับเพื่อน ๆ หรอกครับ ผมชอบเลียแผลใจเงียบ ๆ คนเดียวมากกว่า เรียนรู้ที่จะรักเอง ก็ต้องเรียนรู้ที่จะเจ็บเอง ไว้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ค่อยไปสนุกกับเพื่อน ๆ เหมือนเดิม

ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่ผมกล่าวถึงและไม่ได้กล่าวถึงที่ให้กำลังใจเสมอมา ตอนนี้ผมก็ไม่ได้เศร้าสร้อยอะไรแล้วล่ะ ชีวิตนี้ก็เจ็บมามาก เจ็บอีกครั้งคงไม่เป็นไร

ผมอาจอนุบาลเรื่องความรัก แต่ปริญญาดุษฎีกิตติมศักดิ์ด้านความช้ำใจ  

ชีวิตคนเรามันสั้น กลับตัวได้ไวก็ไปต่อได้เร็วครับ



3. ดูดวง

โหราศาสตร์นั้นอยู่คู่กับมวลมนุษยชาติมาอย่างยาวนานหลายสหัสวรรษ ผมไม่ทราบเหมือนกันว่ามนุษย์เรามีอาชีพโหรคนแรกตั้งแต่เมื่อไรเพราะเกิดไม่ทัน แต่เท่าที่มีบันทึกไว้ ตั้งแต่สมัยพระพุทธกาลก็มีความเชื่อเรื่องโหราศาสตร์ มีการทำนายทายทักกันแล้ว

ผมเองเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องดูดวงนะ ผมเชื่อว่ามันดูได้จริง แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะดูได้ ไม่ใช่ว่าเดิน ๆ อยู่ข้างถนน เห็นคุณยายคนนึงถือสำรับไพ่ป๊อก ก็เข้าไปเช็คดวงถามว่าจะเปลี่ยนงานดีมั้ย มันไม่ใช่ อนาคตมันไม่ได้ตัดสินด้วยวิธีการอย่างนี้

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผมจะไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่พออกหัก หัวใจผมก็กลับอ่อนไหวไร้ที่พึ่ง จิตใจที่เคยแข็งแกร่งดั่งขุนเขากลายเป็นเพียงดอกหญ้าที่ปลิวไหวไปตามสายลม ชีวิตที่ไร้เป้าประสงค์อย่างนี้ ต้องหาคนนำทาง

ในที่สุด ผมก็ตัดสินใจไปปรึกษาหมอดู

สามทุ่มคืนฝนพรำ ผมยืนอยู่หน้ามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง หมอดูนั่งเรียงรายอยู่หน้าศาล เยอะกว่าที่ผมคิดไว้ ผมตัดสินใจเข้าไปตรวจดวงกับพี่ผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวภูมิฐาน พร้อมกับโพร่งระบายความในใจออกไปว่า
  
"ผมอกหักน่ะ พี่ ช่วยดูเรื่องความรักให้หน่อยได้มั้ย"
  
พี่ชายคนนั้นยิ้ม พร้อมกับหยิบกระดาษลักษณะคล้ายเมนูอาหาร แต่สิ่งที่อยู่บนนั้นไม่ใช่รายชื่ออาหาร แต่เป็นศาสตร์การทำนายดวงชะตาประมาณ 10 กว่าแบบ พร้อมราคามาให้ผมเลือก

ผมจำไม่ค่อยได้แล้วว่ามันมีอะไรบ้างเพราะมันมืด ๆ แต่มันมีหลายระดับ ตั้งแต่ดูลายมือ 100 บาท ดูไพ่ยิปซี 200 บาท ดูไพ่ยิปซีแบบพิเศษ 300 บาท ดูดวงโหราศาสตร์ไทย 300 บาท แล้วก็อะไรต่อมิอะไรจนถึง ดูลักขณา 500 บาท
  
ผมตัดสินใจเลือก "ดูดวงโหราศาสตร์ไทย 300 บาท" เพราะมันดูจาก วัน เดือน ปีเกิด เวลาตกฟาก น่าจะเฉพาะเจาะจงกับตัวเรามากที่สุด ดูน่าเชื่อถือมากกว่าเล่นเปิดไพ่ยิปซีหาความน่าจะเป็น นี่ชีวิตคนนะ ไม่ใช่เปิดป้ายรายการชิงร้อยชิงล้าน

ผมเขียนวัน เดือน ปีเกิด เวลาตกฟาก ให้กับพี่หมอดูคนนั้น พี่เขาก็กรอกข้อมูลของผมลงในคอมพิวเตอร์เพื่อประมวลผล แล้วก็มาเขียนอะไรขยุกขยิกบนแผ่นกระดาษ

หากเป็นคุณริว จิตสัมผัส ประโยคแรกที่ทักคงเป็น "คุณเคยทำแท้งมาใช่มั้ย" แต่นี่ไม่ใช่ ไม่ใช่กับหมอดูหน้าวัดหัวลำโพง ประโยคแรกของหมอดูที่ทักมาแม่นยำจนผมตกตะลึง

"คุณเป็นคนอาภัพเรื่องความรัก"

อิห่าน กรุเพิ่งบอกเมิงไปเมื่อห้านาทีที่แล้วว่าเพิ่งอกหักมา ถ้าทักว่าชีวิตคู่มีความสุขดี จะเอาไพ่ยิปซีปาหน้า

แต่ก็เอาเหอะ ถือว่าทายถูกละกัน (อ้าว เมิง เข้าขั้นงมงายนะ)

ว่าแล้วคุณหมอก็ร่ายยาว เรื่องครอบครัว การงาน ความรัก หมอดูบอกว่าคนที่เลิกไป ก็จะไม่กลับมาแล้ว แต่เนื้อคู่คนถัดของผมจะหุ่นนางแบบ ขาว สวย หมวย เอ็กซ์ เซ็กส์จัด

บร๊ะ ๆ ๆ ๆ ๆ บร๊ะเจ้าาาาาาาาาาา
  
ไม่รู้ว่าทำนาย ถูกต้อง รึเปล่า แต่ ถูกใจ ว่ะ

พี่ครับ พี่เอาไปเลย 500 ไม่ต้องทอน

ขาว สวย หมวย เอ๊กซ์ เซ็กส์จัด

อยากจะวิ่งขึ้นไปบนยอดเขาเอเวอร์เรสแล้วตะโกนดัง ๆ ว่า

แม่ครับ!! หนูทำได้!!

ดีใจอยู่ไม่กี่ชั่วโมง กลับมาบ้าน นั่งร้องไห้เหมือนเดิม

ชีวิตคนเราเมื่อเจอปัญหา ก็ต้องการที่พึ่งทางใจ สัญชาติญาณของมนุษย์คงถูกกำหนดมาอย่างนี้ มิน่า โหราศาสตร์ การทำนายดวงชะตา จึงอยู่คู่กับพวกเรามาหลายสหัสวรรษ

ที่จริง นาน ๆ ไปดูดวงที ก็สนุกดีเหมือนกันนะ ^^



4. ห้องสนทนาเฉพาะกิจ
  
เมื่อไรก็ตามที่เราเลิกกับแฟน มันจะมีคนกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย คลับคล้ายว่าจะเป็นวันมาฆบูชาแต่ก็ไม่ใช่ เมื่อก่อนอาจจะรวมกลุ่มกันใน MSN แต่เดี๋ยวนี้คงเป็นใน Facebook หรือ Line

ผมขอเรียกสิ่งนี้ว่า "ห้องสนทนาเฉพาะกิจ"

ทันทีที่เรื่องของเราเล็ดลอดออกไป มันจะมีเพื่อนของเราคนนึง สร้างห้องสนทนาขึ้นพร้อมกับลากเพื่อน ๆ คนอื่นเข้ามา

มันจะเริ่มบทสนทนาด้วยการทักทายกัน สวัสดี เป็นไงบ้าง โน่น นั่น นี่ อารัมภบทชักแม่น้ำทั้งห้า หลังจากนั้นจะมีคนนึง kick off เปิดบทสนทนาขึ้น

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ลองอุปมาเป็นกีฬาวอลเลย์บอล

เพื่อนคนแรกที่เปิดเรื่อง ผมขอเรียกมันว่า "ตัวตั้ง" หลังจากทักทายชักแม่น้ำกันเสร็จ ตัวตั้งก็จะเปิดเรื่องในทำนองว่า

"ช่วงนี้มีใครได้คุยกับอุ๊ยบ้างมั้ย"

หลังจากที่ประเด็นถูกเปิดขึ้น แม้จะไม่เห็นหน้า แต่ทุกคนในห้องสนทนาก็เผยอยิ้มพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

หลังจากนั้น จะมี "ตัวเซ็ต" วิ่งขึ้นมาหน้าเนตเพื่อเต็มเกม

"ไม่ได้คุยเลยอะ มีอะไรเหรอ ได้ข่าวว่ามันเลิกกับแฟน" (นี่ขนาดไม่ได้คุยกับกรูนะเนี่ย)

ลูกบอลค่อย ๆ ลอยขึ้น หลังจากนั้นก็ตบกันนัว

ที่ผมรู้ดีไม่ใช่อะไรนะ ผมนี่แหละ "ตัวตั้ง" มือวางอันดับหนึ่งของทีม

บางครั้งก็เป็น "ตัวเซ็ต"

บางครั้งก็ทั้งตั้งทั้งเซ็ต

ผมไม่รู้เหมือนกันว่าตอนที่ผมเลิกกับแฟน มีห้องสนทนาเฉพาะกิจนี้ถูกตั้งขึ้นมารึเปล่า

เคยทำคนอื่นไว้เยอะ พอเกิดกับตัวเลยรู้สึกร้อนตัวยังไงชอบกล



5. คำถาม

สิ่งสุดท้ายที่คุณต้องเจอเมื่ออกหัก ก็คือ "คำถาม"

นอกจากคำถามที่เฝ้าถามตัวเองแล้ว ก็ยังมีคำถามที่มาจากคนอื่นอีก

ผมเป็นคนที่ไม่ชอบคำถามที่ว่า "อ้าว เลิกกันทำไม"

คนอกหักมันเหมือนคนโดนมีดแทงหลัง ค่อย ๆ คลานต่ำมาอย่างทุรนทุราย เลือดไหลออกทีละน้อย การถามคำถามที่ว่า "อ้าว เลิกกันทำไม" มันเหมือนคุณเอาเท้าเหยียบมีดเล่มนั้นให้มิดด้าม ทะลุออกมาที่ท้อง และมีดหักใน (โอว ขนาดนั้น) มันสะเทือนใจจริง ๆ นะครับ

ผมไม่อยากจะตอบคำถามที่เขาถามกัน ว่าทำไมเธอไปจากฉันเพราะอะไร รักมากมายใคร ๆ ก็รู้ ทำไมตอนสุดท้ายถึงได้เลิกกัน (เมิงเอาให้จบเพลงเลยมั้ย)

ด้วยกลัวที่จะต้องตอบคำถาม ผมเลยโพสต์ข้อความบน Facebook บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้รับรู้ แต่ก็ไม่วายมีคนมา comment ว่า

"อ้าว เลิกกันเพราะว่าอะไรอะ"

อิห่าน เมิงนี่เอง ไอ้คนไทยที่อ่านหนังสือไม่เกิน 8 บรรทัด

หลังจากอกหักคืนนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นหัวหน้าก็ทักผมว่า

"เป็นไง เสาร์อาทิตย์ไปเที่ยวไหนกับแฟน"

"อ๋อ ไม่ได้ไปครับ ตอนนี้โสดแล้ว"

"ไม่เชื่ออะ บอกมาว่าไปไหน"

"ไม่ได้ไปครับ เลิกเลิกกันแล้ว"

"จริงอะ"
  
"จริงครับ"
  
"ผมไม่เชื่ออะ คุณจุ๋ม อุ๊ยเลิกกับแฟนจริงเหรอ"
  
"จริงค่ะ"
  
ตะหลึ่งตึ่งโปะ เหตุการณ์จบลงด้วยความกระอักกระอ่วนใจ

นอกจากนี้ก็ยังมีคำถามประเภท "ไง วันนี้ไม่พาแฟนมาด้วยเหรอ" "วันนั้นโพสต์รูปใน Facebook สวีทเชียวนะ" "แฟนไปไหนอะ" บลา ๆ ๆ

พุทโธ พุทถัง กะละมัง กะละหม้อ

ไม่ต้องถามหรอกครับว่าเขาเลิกกันเพราะว่าอะไร คนเราเลิกกันเพราะเขาไม่ได้รักกันเหมือนเดิมแล้ว จบ

ตอบคำถามนี่ไม่ค่อยเท่าไร แต่ตอบคำถามแล้วต้องยิ้มเพื่อให้คนอื่นเห็นว่าไม่เป็นไรนี่สิ เจ็บอะไรจริง



และนี่ก็คือ "5 สิ่งที่ต้องเจอเมื่อเธออกหัก"

ไว้พบกันอกหักครั้งหน้า

สวัสดีครับผม ^^

Credit: นายอุ๊ย!!

*** ติดตามเรื่องราวสนุก ๆ ได้ที่เพจ นายอุ๊ย!! นะครับ --> https://www.facebook.com/lovenaioui ***

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่