วันที่ 9 ม.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการทำงานของศอ.รส. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผบช.ประจำตร. แถลงว่า ในฐานะผู้รับผิดชอบการรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุมประท้วงการปิดกรุงเทพฯ ในวันที่ 13 ม.ค. ตนขอเรียนถึงความห่วงใยในฐานะผู้ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ตามที่ทราบกันในเหตุการณ์ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เมื่อ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จอดอยู่ในสนามกีฬาฯ ถูกทุบทำลาย และมีการรื้อค้นเอาทรัพย์สิน อาวุธยุทโธปกรณ์ของทางราชการไปจำนวนหนึ่ง
เท่าที่สำรวจได้ในส่วนอาวุธปืนที่ถูกลักไป จำนวน 27 กระบอก เป็นของหลวง 21 กระบอก ของส่วนตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 กระบอก โดยเป็นปืนลูกซองยาว 6 กระบอก ที่กองร้อยควบคุมฝูงชนมีไว้ใช้ยิงกระสุนยาง หากนำเอาไปใช้ยิงกระสุนลูกซองจะมีอันตรายถึงชีวิต เป็นอาวุธปืนยิงแก๊สน้ำตา 12 กระบอก อาวุธปืนสั้นลูกโม่ขนาด .38 ของทางราชการ 3 กระบอก สำหรับปืนส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 กระบอก แยกเป็นปืนสั้น 9 ม.ม. 2 กระบอก ขนาด .380 จำนวน 1 กระบอก และขนาด .45 จำนวน 2 กระบอก และปืนอัดลม 1 กระบอก
ปืนสั้นขนาด 9 มม. ที่ติดตามและจับกุมได้คืนมาแล้ว 1 กระบอก โดยเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 2 ม.ค. สน.บวรมงคล จับกุมนายสุระ ขาวเนตร พร้อมอาวุธปืนของพ.ต.อ.ชูเกียรติ วงศ์สิทธิกร รอง ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ที่โดนลักไป โดยจับกุมได้ที่ป้ายรถประจำทางหน้าตลาดพงษ์ทรัพย์ ข.บางยี่ขัน ข.บางพลัด กทม.
พล.ต.ท.โสภณ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น พบหัวและปลอกกระสุนปืนที่เก็บได้ ซึ่งพิสูจน์ทราบว่ายิงมาจากนอกรั้ว เป็นอาวุธปืนสั้น 4 ชนิด คือ ขนาด .32 ขนาด .38 ขนาด 9 มม. และขนาด .45 ในจำนวนนี้ตรวจพบว่ายิงมาจากอาวุธปืน 16 กระบอก ซึ่งหมายความว่าเป็นอาวุธปืนที่ถูกทุบรถลักเอาไป 27 กระบอก รวมกับอาวุธปืนที่ใช้ในวันเกิดเหตุที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นอีก 16 กระบอก รวมเป็น 43 กระบอก นอกเหนือจากนี้อีกหลายคดีที่เกิดก่อนหน้านี้ ซึ่งจะมีการใช้อาวุธปืนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ตนขอชี้ให้เห็นว่าความรุนแรงจะเป็นอย่างไร
พล.ต.ท.โสภณ ระบุว่า ขอฝากเรียนไปถึงพี่น้องประชาชนว่า ความโชติช่วงชัชวาลย์ที่เราอยากเห็นในสังคมไทย ต้องไม่ใช้เปลวไฟมาจากเชิงตะกอนที่เผาศพพี่น้องผู้ชุมนุม และไม่ใช่เปลวไฟที่เผาศพเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย ขอให้มาร่วมมือกันยุติและลดความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รักษาความสงบเรียบร้อยนั้น จะเน้นการตั้งจุดตรวจบริเวณโดยรอบ เพื่อจับกุมอาวุธปืนวัตถุระเบิดที่อาจจะนำเข้ามาในที่ชุมนุมแล้วก่อเหตุ กราบขออภัยในเบื้องต้นหากพี่น้องไม่ได้รับความสะดวกบ้างที่จะต้องตรวจค้นยานพาหนะ และฝากพี่น้องประชาชน หากพบเห็นใครมีอาวุธปืนในลักษณะดังกล่าวขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันจะสามารถลดหรือยุติความรุนแรงลงให้การชุมนุมเป็นไปโดยความสงบ
.....................................................................................................................
ที่มา
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE9USTFOekkwT1E9PQ==&subcatid=
...................
เดี๋ยวนะ ช่วงชุมนุม เห็นตำรวจบอกแถลงว่าไม่มีอาวุธจริง มีแต่โล่กับกระบอง
แต่ทำไมปืนหายเยอะแยะงี้ล่ะ ?????????? ปืนมาจากไหน ไหนบอกไม่มีไง
ศอ.รส. เผยอาวุธปืนจนท.หายไปจำนวนมาก หลังเกิดเหตุม็อบบุกปะทะสนามไทย-ญี่ปุ่น !
เท่าที่สำรวจได้ในส่วนอาวุธปืนที่ถูกลักไป จำนวน 27 กระบอก เป็นของหลวง 21 กระบอก ของส่วนตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 กระบอก โดยเป็นปืนลูกซองยาว 6 กระบอก ที่กองร้อยควบคุมฝูงชนมีไว้ใช้ยิงกระสุนยาง หากนำเอาไปใช้ยิงกระสุนลูกซองจะมีอันตรายถึงชีวิต เป็นอาวุธปืนยิงแก๊สน้ำตา 12 กระบอก อาวุธปืนสั้นลูกโม่ขนาด .38 ของทางราชการ 3 กระบอก สำหรับปืนส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 กระบอก แยกเป็นปืนสั้น 9 ม.ม. 2 กระบอก ขนาด .380 จำนวน 1 กระบอก และขนาด .45 จำนวน 2 กระบอก และปืนอัดลม 1 กระบอก
ปืนสั้นขนาด 9 มม. ที่ติดตามและจับกุมได้คืนมาแล้ว 1 กระบอก โดยเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 2 ม.ค. สน.บวรมงคล จับกุมนายสุระ ขาวเนตร พร้อมอาวุธปืนของพ.ต.อ.ชูเกียรติ วงศ์สิทธิกร รอง ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ที่โดนลักไป โดยจับกุมได้ที่ป้ายรถประจำทางหน้าตลาดพงษ์ทรัพย์ ข.บางยี่ขัน ข.บางพลัด กทม.
พล.ต.ท.โสภณ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น พบหัวและปลอกกระสุนปืนที่เก็บได้ ซึ่งพิสูจน์ทราบว่ายิงมาจากนอกรั้ว เป็นอาวุธปืนสั้น 4 ชนิด คือ ขนาด .32 ขนาด .38 ขนาด 9 มม. และขนาด .45 ในจำนวนนี้ตรวจพบว่ายิงมาจากอาวุธปืน 16 กระบอก ซึ่งหมายความว่าเป็นอาวุธปืนที่ถูกทุบรถลักเอาไป 27 กระบอก รวมกับอาวุธปืนที่ใช้ในวันเกิดเหตุที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นอีก 16 กระบอก รวมเป็น 43 กระบอก นอกเหนือจากนี้อีกหลายคดีที่เกิดก่อนหน้านี้ ซึ่งจะมีการใช้อาวุธปืนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ตนขอชี้ให้เห็นว่าความรุนแรงจะเป็นอย่างไร
พล.ต.ท.โสภณ ระบุว่า ขอฝากเรียนไปถึงพี่น้องประชาชนว่า ความโชติช่วงชัชวาลย์ที่เราอยากเห็นในสังคมไทย ต้องไม่ใช้เปลวไฟมาจากเชิงตะกอนที่เผาศพพี่น้องผู้ชุมนุม และไม่ใช่เปลวไฟที่เผาศพเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย ขอให้มาร่วมมือกันยุติและลดความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รักษาความสงบเรียบร้อยนั้น จะเน้นการตั้งจุดตรวจบริเวณโดยรอบ เพื่อจับกุมอาวุธปืนวัตถุระเบิดที่อาจจะนำเข้ามาในที่ชุมนุมแล้วก่อเหตุ กราบขออภัยในเบื้องต้นหากพี่น้องไม่ได้รับความสะดวกบ้างที่จะต้องตรวจค้นยานพาหนะ และฝากพี่น้องประชาชน หากพบเห็นใครมีอาวุธปืนในลักษณะดังกล่าวขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันจะสามารถลดหรือยุติความรุนแรงลงให้การชุมนุมเป็นไปโดยความสงบ
.....................................................................................................................
ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE9USTFOekkwT1E9PQ==&subcatid=
...................
เดี๋ยวนะ ช่วงชุมนุม เห็นตำรวจบอกแถลงว่าไม่มีอาวุธจริง มีแต่โล่กับกระบอง
แต่ทำไมปืนหายเยอะแยะงี้ล่ะ ?????????? ปืนมาจากไหน ไหนบอกไม่มีไง