ขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติ (ลัทธิฉวยโอกาส) (Counter Revolutionary Movement)
โดย อาจารย์วันชัย พรหมภา
การปฏิวัติ เป็นกฎของการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติของสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ หรือสังคม เป็นการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งไม่ดีไปสู่สิ่งที่ดีกว่า นักปฏิวัติ คือ ผู้ที่รู้ว่าธรรมชาติ ย่อมมีกฎ เกณฑ์ และรู้ว่าสังคมมนุษย์ต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่การรู้ว่าสังคมต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเดียว ไม่พอ จะต้องรู้ว่าในกระบวนการเปลี่ยนแปลงนั้น มีลักษณะพิเศษชนิดหนึ่งเรียกว่า “ปฏิปักษ์ปฏิวัติ” (Counter Revolution) หรือ “ปฏิวัติซ้อน” อยู่ด้วย
ปฏิวัติซ้อน คือ ปัญหาของการปฏิวัติ เป็นความผิดถูกในขบวนปฏิวัติ แต่เป็นปรากฏการณ์ ภายใน มิใช่ปรากฏการณ์ภายนอก ฉะนั้น จึงเข้าใจยาก ซึ่งการจะเข้าใจได้ต้องอาศัย ความรู้ทางทฤษฏี เท่านั้น เพราะเป็นปัญหาของความคิดที่เรียกว่า “แนวความคิด” (Line of Thought) ซึ่งเป็นแนวความ คิดที่ต่างกับแนวปฏิวัติ ปัญหานี้เป็นปัญหาสำคัญที่สุดของการปฏิวัติ เพราะเป็น ปัญหาชี้ขาดของการ ปฏิวัติ ดังนั้น นักปฏิวัติเงื่อนไขแรกที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องเข้าใจว่า ในการปฏิวัตินั้น ย่อมต้องมีการ ปฏิวัติซ้อน และในขบวนการปฏิวัติจึงมีทั้งฝ่ายถูกและฝ่ายผิดร่วมกันอยู่ คือมีทั้งฝ่ายปฏิวัติจริง และ ฝ่ายปฏิวัติปลอม มิใช่ว่าในขบวนการปฏิวัติแล้ว ต้องมีแต่นักปฏิวัติเพียงอย่างเดียว ถ้าเข้าใจว่าใน ขบวนการปฏิวัติย่อมเป็นฝ่ายถูกทั้งหมดก็จะเป็นการเข้าใจผิดพลาดอย่างแรงและความเข้าใจผิดพลาดนี้จะนำไปสู่ความผิดพลาดถึงขั้น ล้มเหลวของการปฏิวัติ และความ ฉิ...หายล่มจมของขบวนการ ปฏิวัติทั้งขบวนด้วย
เพื่อความเข้าใจในปัญหานี้ จะต้องทำความเข้าใจกับขบวนการเมือง (Political Movement) ที่สำคัญคือ ขบวนการเผด็จการ และ ขบวนการประชาธิปไตย
ขบวนการเผด็จการ เป็นขบวนการล้าหลัง (Back Ward) ขบวนการประชาธิปไตย เป็น ขบวนการก้าวหน้า (Progressive) นัยหนึ่ง ขบวนการเผด็จการเป็นขบวนการปฏิกิริยา (Reactionary) ขบวนการประชาธิปไตยเป็นขบวนการปฏิวัติ (Revolutionary)
ในขบวนการปฏิวัติยังสามารถแยกออกได้เป็น 2 ชนิด คือ การปฏิวัติประชาธิปไตย (Democratic Revolution) และ การปฏิวัติสังคมนิยม (Socialist Revolution) เหตุที่จัดขบวนการ ปฏิวัติสังคมนิยมอยู่ในขบวนการปฏิวัติประชาธิปไตย เพราะขบวนการปฏิวัติสังคมนิยม ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถทำการปฏิวัติสังคมนิยม จึงต้องเข้าร่วมทำการปฏิวัติประชาธิปไตย กับขบวนการ ประชาธิปไตยก่อน แต่ก็เป็นปัญหาเพียงด้านภารกิจเท่านั้น มิใช่จุดหมายปลายทาง
ขบวนการปฏิวัตินั้น นอกจากจะจำแนกเป็นขบวนการปฏิวัติประชาธิปไตย และขบวนการ ปฏิวัติสังคมนิยมแล้ว ยังจำแนกเป็น ขบวนการปฏิวัติ (Revolutionary Movement) และ ขบวนการ ปฏิวัติซ้อน (Counter Revolutionary Movement) อีกด้วย
ขบวนการปฏิวัติซ้อน โดยรูปแบบเป็นขบวนการปฏิวัติ ไม่ใช่ขบวนการปฏิกิริยา เป็นขบวน การก้าวหน้า ไม่ใช่ขบวนการล้าหลัง แต่โดยเนื้อแท้ต่างกับขบวนการปฏิวัติ เพราะมีแนวทางและ นโยบายส่งเสริมแก่ระบอบเผด็จการ แต่มีเจตนารมณ์ประชาธิปไตย เช่นเดียวกับขบวนการ ประชาธิปไตย ฉะนั้น บทบาทของขบวนการปฏิวัติซ้อน คือ เป็นหลักค้ำของระบอบเผด็จการ และทำลายประชาธิปไตย เพราะว่า ขบวนการณ์เหล่านี้ไม่มีการนำของตนเอง หากแต่ต้องอาศัย การนำของขบวนการอื่นๆ เช่น การนำของพรรคคอมมิวนิสต์บ้าง การนำของพรรคเผด็จการบ้าง
ระบอบเผด็จการ ความจริงหาได้มีความเข้มแข็งแต่อย่างใดไม่ เพราะเป็นอำนาจของคน ส่วนน้อย แต่ที่ระบอบเผด็จการสามารถดำรงอยู่ได้นั้น ก็เพราะบทบาทของขบวนการปฏิวัติซ้อน หรือประชาธิปไตยปลอมนี่เอง ฉะนั้น ขบวนการประชาธิปไตยปลอม จึงเป็นอุปสรรคของการปฏิวัติ ประชาธิปไตยอย่างที่สุด เพราะเป็นปฏิปักษ์ปฏิวัติที่คอยปกป้องระบอบเผด็จการ การปฏิวัติจะเป็นไป ได้หรือไม่ จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับการต่อสู้ระหว่าง ขบวนการเผด็จการ กับ ขบวนการประชาธิปไตย เป็น สำคัญ แต่ขึ้นอยู่กับการต่อสู้ระหว่างขบวนการประชาธิปไตย กับขบวนการประชาธิปไตยปลอมเป็น สำคัญ และเหตุที่การปฏิวัติประชาธิปไตยบ้านเราล้มเหลวมาตลอดก็เพราะสาเหตุตรงจุดนี้นั่นเอง
ในสถานการณ์ปฏิวัติยังมาไม่ถึงปัญหานี้จะไม่ค่อยมี แต่ถ้าสถานการณ์ปฏิวัติใกล้จะมาถึง ความขัดแย้งของขบวนการปฏิวัติซ้อนจะแสดงบทบาทปฏิปักษ์ปฏิวัติอย่างรุนแรง ในสถานการณ์ เช่นนี้ ถ้าขบวนการปฏิวัติประชาธิปไตยไม่สามารถขจัดขบวนการปฏิวัติซ้อนให้หมดสิ้นได้ การปฏิวัติ ก็จะล้มเหลว และฝ่ายปฏิวัติก็จะถูกทำลายหรือไม่ก็จะได้รับความเสียหายอย่างที่สุด
ขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติ (ลัทธิฉวยโอกาส) (Counter Revolutionary Movement)
การปฏิวัติ เป็นกฎของการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติของสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ หรือสังคม เป็นการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งไม่ดีไปสู่สิ่งที่ดีกว่า นักปฏิวัติ คือ ผู้ที่รู้ว่าธรรมชาติ ย่อมมีกฎ เกณฑ์ และรู้ว่าสังคมมนุษย์ต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่การรู้ว่าสังคมต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเดียว ไม่พอ จะต้องรู้ว่าในกระบวนการเปลี่ยนแปลงนั้น มีลักษณะพิเศษชนิดหนึ่งเรียกว่า “ปฏิปักษ์ปฏิวัติ” (Counter Revolution) หรือ “ปฏิวัติซ้อน” อยู่ด้วย
ปฏิวัติซ้อน คือ ปัญหาของการปฏิวัติ เป็นความผิดถูกในขบวนปฏิวัติ แต่เป็นปรากฏการณ์ ภายใน มิใช่ปรากฏการณ์ภายนอก ฉะนั้น จึงเข้าใจยาก ซึ่งการจะเข้าใจได้ต้องอาศัย ความรู้ทางทฤษฏี เท่านั้น เพราะเป็นปัญหาของความคิดที่เรียกว่า “แนวความคิด” (Line of Thought) ซึ่งเป็นแนวความ คิดที่ต่างกับแนวปฏิวัติ ปัญหานี้เป็นปัญหาสำคัญที่สุดของการปฏิวัติ เพราะเป็น ปัญหาชี้ขาดของการ ปฏิวัติ ดังนั้น นักปฏิวัติเงื่อนไขแรกที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องเข้าใจว่า ในการปฏิวัตินั้น ย่อมต้องมีการ ปฏิวัติซ้อน และในขบวนการปฏิวัติจึงมีทั้งฝ่ายถูกและฝ่ายผิดร่วมกันอยู่ คือมีทั้งฝ่ายปฏิวัติจริง และ ฝ่ายปฏิวัติปลอม มิใช่ว่าในขบวนการปฏิวัติแล้ว ต้องมีแต่นักปฏิวัติเพียงอย่างเดียว ถ้าเข้าใจว่าใน ขบวนการปฏิวัติย่อมเป็นฝ่ายถูกทั้งหมดก็จะเป็นการเข้าใจผิดพลาดอย่างแรงและความเข้าใจผิดพลาดนี้จะนำไปสู่ความผิดพลาดถึงขั้น ล้มเหลวของการปฏิวัติ และความ ฉิ...หายล่มจมของขบวนการ ปฏิวัติทั้งขบวนด้วย
เพื่อความเข้าใจในปัญหานี้ จะต้องทำความเข้าใจกับขบวนการเมือง (Political Movement) ที่สำคัญคือ ขบวนการเผด็จการ และ ขบวนการประชาธิปไตย
ขบวนการเผด็จการ เป็นขบวนการล้าหลัง (Back Ward) ขบวนการประชาธิปไตย เป็น ขบวนการก้าวหน้า (Progressive) นัยหนึ่ง ขบวนการเผด็จการเป็นขบวนการปฏิกิริยา (Reactionary) ขบวนการประชาธิปไตยเป็นขบวนการปฏิวัติ (Revolutionary)
ในขบวนการปฏิวัติยังสามารถแยกออกได้เป็น 2 ชนิด คือ การปฏิวัติประชาธิปไตย (Democratic Revolution) และ การปฏิวัติสังคมนิยม (Socialist Revolution) เหตุที่จัดขบวนการ ปฏิวัติสังคมนิยมอยู่ในขบวนการปฏิวัติประชาธิปไตย เพราะขบวนการปฏิวัติสังคมนิยม ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถทำการปฏิวัติสังคมนิยม จึงต้องเข้าร่วมทำการปฏิวัติประชาธิปไตย กับขบวนการ ประชาธิปไตยก่อน แต่ก็เป็นปัญหาเพียงด้านภารกิจเท่านั้น มิใช่จุดหมายปลายทาง
ขบวนการปฏิวัตินั้น นอกจากจะจำแนกเป็นขบวนการปฏิวัติประชาธิปไตย และขบวนการ ปฏิวัติสังคมนิยมแล้ว ยังจำแนกเป็น ขบวนการปฏิวัติ (Revolutionary Movement) และ ขบวนการ ปฏิวัติซ้อน (Counter Revolutionary Movement) อีกด้วย
ขบวนการปฏิวัติซ้อน โดยรูปแบบเป็นขบวนการปฏิวัติ ไม่ใช่ขบวนการปฏิกิริยา เป็นขบวน การก้าวหน้า ไม่ใช่ขบวนการล้าหลัง แต่โดยเนื้อแท้ต่างกับขบวนการปฏิวัติ เพราะมีแนวทางและ นโยบายส่งเสริมแก่ระบอบเผด็จการ แต่มีเจตนารมณ์ประชาธิปไตย เช่นเดียวกับขบวนการ ประชาธิปไตย ฉะนั้น บทบาทของขบวนการปฏิวัติซ้อน คือ เป็นหลักค้ำของระบอบเผด็จการ และทำลายประชาธิปไตย เพราะว่า ขบวนการณ์เหล่านี้ไม่มีการนำของตนเอง หากแต่ต้องอาศัย การนำของขบวนการอื่นๆ เช่น การนำของพรรคคอมมิวนิสต์บ้าง การนำของพรรคเผด็จการบ้าง
ระบอบเผด็จการ ความจริงหาได้มีความเข้มแข็งแต่อย่างใดไม่ เพราะเป็นอำนาจของคน ส่วนน้อย แต่ที่ระบอบเผด็จการสามารถดำรงอยู่ได้นั้น ก็เพราะบทบาทของขบวนการปฏิวัติซ้อน หรือประชาธิปไตยปลอมนี่เอง ฉะนั้น ขบวนการประชาธิปไตยปลอม จึงเป็นอุปสรรคของการปฏิวัติ ประชาธิปไตยอย่างที่สุด เพราะเป็นปฏิปักษ์ปฏิวัติที่คอยปกป้องระบอบเผด็จการ การปฏิวัติจะเป็นไป ได้หรือไม่ จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับการต่อสู้ระหว่าง ขบวนการเผด็จการ กับ ขบวนการประชาธิปไตย เป็น สำคัญ แต่ขึ้นอยู่กับการต่อสู้ระหว่างขบวนการประชาธิปไตย กับขบวนการประชาธิปไตยปลอมเป็น สำคัญ และเหตุที่การปฏิวัติประชาธิปไตยบ้านเราล้มเหลวมาตลอดก็เพราะสาเหตุตรงจุดนี้นั่นเอง
ในสถานการณ์ปฏิวัติยังมาไม่ถึงปัญหานี้จะไม่ค่อยมี แต่ถ้าสถานการณ์ปฏิวัติใกล้จะมาถึง ความขัดแย้งของขบวนการปฏิวัติซ้อนจะแสดงบทบาทปฏิปักษ์ปฏิวัติอย่างรุนแรง ในสถานการณ์ เช่นนี้ ถ้าขบวนการปฏิวัติประชาธิปไตยไม่สามารถขจัดขบวนการปฏิวัติซ้อนให้หมดสิ้นได้ การปฏิวัติ ก็จะล้มเหลว และฝ่ายปฏิวัติก็จะถูกทำลายหรือไม่ก็จะได้รับความเสียหายอย่างที่สุด