เห็นคุณปาตีร์ โพสไว้ที่เฟสบุค เลยขออนุญาตเอามาให้แฟนละครได้อ่านกัน
*****
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา อาตี๋สืบสาย อาหนูช่าง อากงและสมาชิกวิมานมะพร้าวก็เช่นกัน ทุก
"ตัวละคร" ต่างพบกับบทสรุปที่ชอบๆ และสมควรแก่การกระทำ ได้คิด ได้เรียนรู้ แต่ตัวละครบางตัวก็ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยแม้กระทั่งตอนใกล้ตาย อคติก็ยังบดบังหัวใจทำให้มองไม่เห็นความจริงที่ถูกต้อง ได้แก่ ทรงเดชหรือไอ้ส่งเดช
ส่วนตัวละครที่เราจะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนที่สุดของเรื่องนี้คงจะเป็น
"สืบสาย" อาตี๋น้อยผู้อ่อนด้อยประสบการณ์ ที่ผ่านวิกฤติการณ์ต่างๆ แต่ด้วยความช่วยเหลืออย่างสุดหัวใจของ
"จุลลา" ผู้หญิงที่รักและคนอื่นๆที่ต่างก็รักสืบสาย ทำให้เค้าได้เรียนรู้ ปรับปรุง แก้ไข เปลี่ยนแปลงและพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้อีกครั้ง แล้วสืบสายก็กลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวที่ทำให้ผีบรรพบุรุษอย่างอากง พ่อแม่ จุลลาที่เป็นทั้งคนรักและเพื่อน ผู้ใต้บังคับบัญชา ไว้วางใจและอุ่นใจที่จะวางปาล์มโปรดักส์ไว้ในมือสืบสาย เหตุผลสั้นๆที่สืบสายสามารถยืนหยัดเอาชนะมาได้เพราะสืบสายมีหัวใจของอากง...หัวใจที่ไม่เคยยอมแพ้ หัวใจที่มีแต่ความดี และหัวใจแห่งความอ่อนเยาว์ ที่พูดถึงความอ่อนเยาว์ เพราะอากงเป็นผีที่ forever young ซึ่งคนเขียนบทได้รับสารจากบทประพันธ์โดย
"แก้วเก้า" จากนั้นก็ได้นำมาต่อยอด สร้างแนวความคิดและความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร จนกลายมาเป็นบทละครโทรทัศน์ ที่ต้องให้เห็นการกระทำและคำพูดอันเป็นการสื่อสารสารเหล่านั้นอย่างเป็นรูปธรรม
ถึงอากงจะแก่จนตายกลายเป็นผี แต่ก็ยังขี้เล่น ขี้เหงา ขี้เอาแต่ใจ ขี้งอน ขี้อำ ขี้ๆๆๆๆ...เหมือนเด็ก...ในร่างผู้ใหญ่ และในทัศนคติของคนเขียนบทมองว่า เพราะความเป็นเด็กในหัวใจ ทำให้เราตื่นตัว อยากหาประสบการณ์ อยากผจญภัย อยากตื่นขึ้นมาทุกเช้าแล้วออกไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทดลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ลองผิดลองถูกได้ ล้มแล้วก็ยังมีแรงลุก และ บลาๆๆๆ...อากงเป็นอย่างนี้และได้ถ่ายทอดมันให้แก่สืบสายผ่านทางดีเอ็นเอ และคำสอนที่สืบสายไม่เคยลืม มันเป็นสายสัมพันธ์จากรุ่นสู่รุ่น เป็นแง่งาม เป็นมรดกทางจิตใจและปัญญาจากคนรุ่นก่อนสู่คนรุ่นใหม่ที่ไม่ควรปฏิเสธหรือดูถูก
"จุลลา" เธอคือหยิน ไม่ใช่หยางสำหรับสืบสาย...เพราะเธอแมนกว่าสืบสายในหลายๆครั้ง..ฮาาาาา คนเขียนบทตั้งใจสร้างคอนเซ็ปท์ของความเป็นหญิงที่บึกบึน อยู่ด้วยแล้วอุ่นใจให้กับจุลลา แต่ในขณะเดียวกันก็แข็งนอกอ่อนใน มีทั้งความแข็งแกร่ง ความอ่อนโยน ความบ้าบิ่น ดื้อดึง และขวยอาย ไร้สติ ปัญญาอ่อน หลากหลายในร่างเดียว เมื่อสืบสายได้รู้จักจุลลาก็เหมือนกับเดินเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตอารมณ์มนุษย์ มีหลายชั้นหลายแคตตากอรี่ ละลานตา เลือกไม่ถูกว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะ สุดท้ายสืบสายก็ต้องกลับมาตั้งสติซะเอง...ไม่ต้องเลือก เอามันทั้งหมดนี่แหละ ทั้งดีและไม่ดี เพราะสืบสายมีเซ้นส์ว่า ทุกอย่างของจุลลาคือ...
"ใช่"
และอีกหลายตัวละครที่ไม่ได้กล่าวถึงณ ที่นี้ เพราะเกรงว่าพื้นที่จะไม่พอ ขอพูดรวมๆว่า....ตัวละครทุกตัวที่ปรากฏในบทโทรทัศน์ ล้วนเป็นตัวละครที่มีในบทประพันธ์ แต่บางตัวก็ไม่มี หรือมีก็ไม่ได้ถูกพูดถึงมากนัก ต้องเอามาขยายต่อ เช่น คุณเลขาครรชิต เจ๊บีผู้จัดการส่วนตัวยัยข้าวเหนียวบูด เจ้าที่น้อย เจ๊อ้อยคนขายข้าว ลำยอง ลีลา มะขวิด เสี่ยจ๋าย คิตตี้ลูกสาวเสี่ยจ๋าย และหมอผีไฮเทคที่ถูกจ้างมาให้ทำลายผีอากง....ตัวละครเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ตัวละครหลักได้มีคนสื่อสารด้วย เป็นตัวสะท้อนการกระทำของตัวละครหลัก เป็นตัวปัญหาเพิ่มเติม และเป็นสีสันให้กับเรื่อง ตามเส้นเรื่องที่ได้มีการปรับให้มีความเป็นดราม่ามากขึ้น บางสถานการณ์ในบทประพันธ์ก็ถูกปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยและจิตใจผู้คนในสังคมที่มีความซับซ้อนขึ้น แต่เส้นเรื่องทั้งหมดที่เพิ่ม ลด ขยาย ขยับ หรือขยี้ อันปรากฏให้เห็นในบทโทรทัศน์ คนเขียนบทตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะเคารพโครงเรื่องในบทประพันธ์ และดำเนินเรื่องให้ตรงตามเส้นหลักที่ "แก้วเก้า" ได้วางเอาไว้อย่างดีงามแล้ว เพราะ
"วิมานมะพร้าว" คือนวนิยายขึ้นหิ้งที่คนเขียนบทเองก็รักมาก จึงถือเป็นความรับผิดชอบส่วนตัวที่จะต้องทำให้ดีที่สุดไม่ให้เสีย "บทประพันธ์"
ในทุกชิ้นงานย่อมมีบทเรียนให้เรียนรู้เกิดขึ้นเสมอ บทละครโทรทัศน์เรื่องนี้ก็เช่นกัน บางอย่างที่ตัดสินใจเลือกใช้วิธีแบบนี้ก็ดูจะได้ผลดี แต่บางอย่างก็ไม่ใช่ บางอย่างมาช้าเกินไป บางอย่างก็ขาด บางอย่างก็เกิน ทุกตอนที่ออกอากาศ คนเขียนบทตั้งใจดูทุกตอนไม่เคยพลาด ให้เวลากับความฟินอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะให้เวลากับช่วงจับผิดงานตัวเอง เพื่อบันทึกเป็นข้อควรจำนำไปใช้ปรับปรุงงานของตัวเองในชิ้นต่อไป ถ้าจะให้คะแนนตัวเองสำหรับงานเขียนบทละครโทรทัศน์เรื่องนี้...ขอให้ 6/10 เพราะตัวเองรู้สึกว่า มีคำว่า...มันน่าจะแบบนั้น...มันน่าจะแบบนี้ เกิดขึ้นบ่อยเกินไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคนดูจะให้คะแนนเท่าไหร่ (แอบหวังอย่าให้ตก ฮาาา)
สุดท้ายขอกราบความดีงามของบทประพันธ์ "วิมานมะพร้าว" ของ "แก้วเก้า" ที่เป็นต้นน้ำให้ทีมงานได้นำเสนอสาระบันเทิงที่มีคุณค่าทางจิตใจแก่ผู้ชม สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง7 พี่ธง พี่เก๋ (พี่ชายพี่สาวหัวใจมหาสมุทรแห่งพอดีคำ) พี่หนึ่ง ชัชวาล (ผู้กำกับคู่ทุกข์คู่ยาก) พี่ๆเพื่อนๆน้องๆทีมงานที่น่ารักและบึกบึนทุกคน กัลยาณมิตรข้างกาย และครอบครัว...
ส่งท้ายอีกครั้ง...ความดีที่ได้จากการทำงานเรื่อง "วิมานมะพร้าว" นี้ขอน้อมสักการะบูชาครู ความผิดพลาดหรือความไม่ถูกใจประการใดที่เกิดขึ้นคนเขียนบทขอรับเอาไว้เป็นความรับผิดชอบ และกราบขออภัยฝุดๆจากหัวใจ
ขอบพระคุณค่ะ จนกว่าเราจะพบกันอีก
ปาตีร์
*******
ปล. พี่ถล่มตัวจัง เราให้ 99.99 เต็ม 10 เลย หัก 0.1 พระนางกว่าจะเอ่ยปากบอกรักกันได้ ขาจิ้นฟินเวอร์ลุ้นแทบหมอนขาด ฮาาา
บทส่งท้ายละคร "วิมานมะพร้าว" จาก ปาตีร์ ผู้เขียนบทโทรทัศน์
*****
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา อาตี๋สืบสาย อาหนูช่าง อากงและสมาชิกวิมานมะพร้าวก็เช่นกัน ทุก "ตัวละคร" ต่างพบกับบทสรุปที่ชอบๆ และสมควรแก่การกระทำ ได้คิด ได้เรียนรู้ แต่ตัวละครบางตัวก็ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยแม้กระทั่งตอนใกล้ตาย อคติก็ยังบดบังหัวใจทำให้มองไม่เห็นความจริงที่ถูกต้อง ได้แก่ ทรงเดชหรือไอ้ส่งเดช
ส่วนตัวละครที่เราจะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนที่สุดของเรื่องนี้คงจะเป็น "สืบสาย" อาตี๋น้อยผู้อ่อนด้อยประสบการณ์ ที่ผ่านวิกฤติการณ์ต่างๆ แต่ด้วยความช่วยเหลืออย่างสุดหัวใจของ "จุลลา" ผู้หญิงที่รักและคนอื่นๆที่ต่างก็รักสืบสาย ทำให้เค้าได้เรียนรู้ ปรับปรุง แก้ไข เปลี่ยนแปลงและพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้อีกครั้ง แล้วสืบสายก็กลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวที่ทำให้ผีบรรพบุรุษอย่างอากง พ่อแม่ จุลลาที่เป็นทั้งคนรักและเพื่อน ผู้ใต้บังคับบัญชา ไว้วางใจและอุ่นใจที่จะวางปาล์มโปรดักส์ไว้ในมือสืบสาย เหตุผลสั้นๆที่สืบสายสามารถยืนหยัดเอาชนะมาได้เพราะสืบสายมีหัวใจของอากง...หัวใจที่ไม่เคยยอมแพ้ หัวใจที่มีแต่ความดี และหัวใจแห่งความอ่อนเยาว์ ที่พูดถึงความอ่อนเยาว์ เพราะอากงเป็นผีที่ forever young ซึ่งคนเขียนบทได้รับสารจากบทประพันธ์โดย "แก้วเก้า" จากนั้นก็ได้นำมาต่อยอด สร้างแนวความคิดและความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร จนกลายมาเป็นบทละครโทรทัศน์ ที่ต้องให้เห็นการกระทำและคำพูดอันเป็นการสื่อสารสารเหล่านั้นอย่างเป็นรูปธรรม
ถึงอากงจะแก่จนตายกลายเป็นผี แต่ก็ยังขี้เล่น ขี้เหงา ขี้เอาแต่ใจ ขี้งอน ขี้อำ ขี้ๆๆๆๆ...เหมือนเด็ก...ในร่างผู้ใหญ่ และในทัศนคติของคนเขียนบทมองว่า เพราะความเป็นเด็กในหัวใจ ทำให้เราตื่นตัว อยากหาประสบการณ์ อยากผจญภัย อยากตื่นขึ้นมาทุกเช้าแล้วออกไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทดลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ลองผิดลองถูกได้ ล้มแล้วก็ยังมีแรงลุก และ บลาๆๆๆ...อากงเป็นอย่างนี้และได้ถ่ายทอดมันให้แก่สืบสายผ่านทางดีเอ็นเอ และคำสอนที่สืบสายไม่เคยลืม มันเป็นสายสัมพันธ์จากรุ่นสู่รุ่น เป็นแง่งาม เป็นมรดกทางจิตใจและปัญญาจากคนรุ่นก่อนสู่คนรุ่นใหม่ที่ไม่ควรปฏิเสธหรือดูถูก
"จุลลา" เธอคือหยิน ไม่ใช่หยางสำหรับสืบสาย...เพราะเธอแมนกว่าสืบสายในหลายๆครั้ง..ฮาาาาา คนเขียนบทตั้งใจสร้างคอนเซ็ปท์ของความเป็นหญิงที่บึกบึน อยู่ด้วยแล้วอุ่นใจให้กับจุลลา แต่ในขณะเดียวกันก็แข็งนอกอ่อนใน มีทั้งความแข็งแกร่ง ความอ่อนโยน ความบ้าบิ่น ดื้อดึง และขวยอาย ไร้สติ ปัญญาอ่อน หลากหลายในร่างเดียว เมื่อสืบสายได้รู้จักจุลลาก็เหมือนกับเดินเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตอารมณ์มนุษย์ มีหลายชั้นหลายแคตตากอรี่ ละลานตา เลือกไม่ถูกว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะ สุดท้ายสืบสายก็ต้องกลับมาตั้งสติซะเอง...ไม่ต้องเลือก เอามันทั้งหมดนี่แหละ ทั้งดีและไม่ดี เพราะสืบสายมีเซ้นส์ว่า ทุกอย่างของจุลลาคือ..."ใช่"
และอีกหลายตัวละครที่ไม่ได้กล่าวถึงณ ที่นี้ เพราะเกรงว่าพื้นที่จะไม่พอ ขอพูดรวมๆว่า....ตัวละครทุกตัวที่ปรากฏในบทโทรทัศน์ ล้วนเป็นตัวละครที่มีในบทประพันธ์ แต่บางตัวก็ไม่มี หรือมีก็ไม่ได้ถูกพูดถึงมากนัก ต้องเอามาขยายต่อ เช่น คุณเลขาครรชิต เจ๊บีผู้จัดการส่วนตัวยัยข้าวเหนียวบูด เจ้าที่น้อย เจ๊อ้อยคนขายข้าว ลำยอง ลีลา มะขวิด เสี่ยจ๋าย คิตตี้ลูกสาวเสี่ยจ๋าย และหมอผีไฮเทคที่ถูกจ้างมาให้ทำลายผีอากง....ตัวละครเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ตัวละครหลักได้มีคนสื่อสารด้วย เป็นตัวสะท้อนการกระทำของตัวละครหลัก เป็นตัวปัญหาเพิ่มเติม และเป็นสีสันให้กับเรื่อง ตามเส้นเรื่องที่ได้มีการปรับให้มีความเป็นดราม่ามากขึ้น บางสถานการณ์ในบทประพันธ์ก็ถูกปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยและจิตใจผู้คนในสังคมที่มีความซับซ้อนขึ้น แต่เส้นเรื่องทั้งหมดที่เพิ่ม ลด ขยาย ขยับ หรือขยี้ อันปรากฏให้เห็นในบทโทรทัศน์ คนเขียนบทตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะเคารพโครงเรื่องในบทประพันธ์ และดำเนินเรื่องให้ตรงตามเส้นหลักที่ "แก้วเก้า" ได้วางเอาไว้อย่างดีงามแล้ว เพราะ "วิมานมะพร้าว" คือนวนิยายขึ้นหิ้งที่คนเขียนบทเองก็รักมาก จึงถือเป็นความรับผิดชอบส่วนตัวที่จะต้องทำให้ดีที่สุดไม่ให้เสีย "บทประพันธ์"
ในทุกชิ้นงานย่อมมีบทเรียนให้เรียนรู้เกิดขึ้นเสมอ บทละครโทรทัศน์เรื่องนี้ก็เช่นกัน บางอย่างที่ตัดสินใจเลือกใช้วิธีแบบนี้ก็ดูจะได้ผลดี แต่บางอย่างก็ไม่ใช่ บางอย่างมาช้าเกินไป บางอย่างก็ขาด บางอย่างก็เกิน ทุกตอนที่ออกอากาศ คนเขียนบทตั้งใจดูทุกตอนไม่เคยพลาด ให้เวลากับความฟินอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะให้เวลากับช่วงจับผิดงานตัวเอง เพื่อบันทึกเป็นข้อควรจำนำไปใช้ปรับปรุงงานของตัวเองในชิ้นต่อไป ถ้าจะให้คะแนนตัวเองสำหรับงานเขียนบทละครโทรทัศน์เรื่องนี้...ขอให้ 6/10 เพราะตัวเองรู้สึกว่า มีคำว่า...มันน่าจะแบบนั้น...มันน่าจะแบบนี้ เกิดขึ้นบ่อยเกินไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคนดูจะให้คะแนนเท่าไหร่ (แอบหวังอย่าให้ตก ฮาาา)
สุดท้ายขอกราบความดีงามของบทประพันธ์ "วิมานมะพร้าว" ของ "แก้วเก้า" ที่เป็นต้นน้ำให้ทีมงานได้นำเสนอสาระบันเทิงที่มีคุณค่าทางจิตใจแก่ผู้ชม สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง7 พี่ธง พี่เก๋ (พี่ชายพี่สาวหัวใจมหาสมุทรแห่งพอดีคำ) พี่หนึ่ง ชัชวาล (ผู้กำกับคู่ทุกข์คู่ยาก) พี่ๆเพื่อนๆน้องๆทีมงานที่น่ารักและบึกบึนทุกคน กัลยาณมิตรข้างกาย และครอบครัว...
ส่งท้ายอีกครั้ง...ความดีที่ได้จากการทำงานเรื่อง "วิมานมะพร้าว" นี้ขอน้อมสักการะบูชาครู ความผิดพลาดหรือความไม่ถูกใจประการใดที่เกิดขึ้นคนเขียนบทขอรับเอาไว้เป็นความรับผิดชอบ และกราบขออภัยฝุดๆจากหัวใจ
ขอบพระคุณค่ะ จนกว่าเราจะพบกันอีก
ปาตีร์
*******
ปล. พี่ถล่มตัวจัง เราให้ 99.99 เต็ม 10 เลย หัก 0.1 พระนางกว่าจะเอ่ยปากบอกรักกันได้ ขาจิ้นฟินเวอร์ลุ้นแทบหมอนขาด ฮาาา