แหล่งข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/pol/381283
วันที่ 7 พ.ย. 56 คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานประสานงานมวลชนพรรค เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปฏิรูปประเทศไทยของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า หลังจากที่คณะทำงานออกเดินสายพบปะรับฟังความคิดเห็นจากผู้อาวุโสและฝ่ายต่างๆ ของบ้านเมืองแล้ว จึงได้จัดทำข้อสรุปเบื้องต้นและจะนำเสนอคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาใน 3 เรื่องเร่งด่วน ที่จะกำหนดเป็นนโยบายวาระประชาชนและวาระประเทศต่อไป คือ
1.การปรับโครงสร้างอำนาจรัฐกับภาคประชาสังคม ลดอำนาจรัฐเพิ่มอำนาจประชาชน แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความยากจน การคอร์รัปชัน และกระบวนการทางยุติธรรม เช่น การปฏิรูประบบรัฐตำรวจและอัยการ เป็นต้น
2.โครงสร้างการปฏิรูปพลังงานและทรัพยากรของประเทศ
3.การแก้ปัญหาคดีคอร์รัปชัน โดยเสนอให้ไม่มีอายุความ หรือมีอายุความที่สูงขึ้นตามลำดับความร้ายแรงของคดี ชงปฏิรูปสีกากีให้อำนาจท้องถิ่นดูแลแทนส่วนกลาง
ตอนนี้ ตามที่ปชป. ได้แถลงออกมา ยังไม่มีรูปธรรมที่ชัดเจนใด ใช้เวลายาวนานนับตั้งแต่ได้ตั้งรัฐบาลในค่ายทหารขึ้นมา เพิ่งจะมาได้ข้อสรุปตอนนี้
https://www.facebook.com/Abhisit.M.Vejjajiva/posts/10151966814806144 แบบนี้เองที่ทำให้ประชาธิปัตย์กลายเป็นพรรคที่ไม่เคยทันการณ์ในการแก้ปัญหาของประเทศเลย พอคุณทักษิณเข้ามาและเน้นผลลัพท์ จนละเลยไม่ไตร่สวนเหตุที่มา รูปแบบการทำงานจึงตรงกันข้ามกับประชาธิปัตย์จนกลายเป็นความขัดแย้งไม่อาจรวมกันบริหารประเทศได้
ถ้าหากคิดช้าแบบนี้ผมช่วยให้เอาไหม ในเรื่อง ๓ วาระของประเทศนั้น
ข้อที่ ๑ เปิดให้มีการใช้ประชาธปไตยทางตรง โดยเปลี่ยนการเลือกตั้งวันที่ ๒ กพ. นี้ ที่มีท่าทางนองเลือดแน่นอน และต่อให้ผ่า่นไปได้ ก็จะโดนโจมตีทั้งบนดินและใต้ดินต่อไปจนไม่อาจทำงานโดยสะดวก ครั้งนี้เราต้องแปลงวิกฤตเป็นโอกาส จากเลือกตั้งนองเลือดให้กลายเป็นประชามติที่จะเป็นศักราชใหม่ของประชาธิปไตย ทันสมัยกว่าอเมริกา (โดยท่านสามารถอ่านรายละเอียดในกระทู้
http://pantip.com/topic/31425326) เพราะเมื่อเกิดประชาธิปไตยทางตรงขึ้นมาจริงๆ อำนาจของทหารของกลุ่มที่คุมกำลังพลจะถูกลดลงเพราะการเพิ่มขึ้นของสส.สภาเขตอันมีรากฐานจากสภากองร้อย ที่ได้รับการติดยศเป็นนายพล ลงคิดดู นายพลที่จะถูกควบคุมด้วยคะแนนนิยมแต่คุมกำลังพลที่มีมติเอกฉันท์ถึง ๒๖๒,๑๔๔ นาย และในจำนวนนี้จะมีทั้งพวกจ่า นายสิบ ถึง ๓๒,๗๖๘ นาย ร้อยเวร ๒,๐๔๘ นาย ทำหน้าที่ทั้งด้านดูแลความสงบ และป้องกันประเทศไปพร้อมกัน ผมว่าสภากองร้อยนี่แหละที่น่ากลัวพิลึก
ข้อที่ ๒ เรื่องพลังงาน ประเทศเราเป็นประเทศน้ำหลากมากอยู่แล้วในฤดูฝน แต่น้ำที่เราสามารถกักเก็บได้ไว้ใช้ได้ไม่เท่าที่ควร เพราะตอนนี้การสร้างเขื่นที่จะใช้ภูเขาเป็นแนวกันนั้นมาถึงข้อจำกัดแล้ว ทางออกอีกทางหนึ่งที่จะสามารถเดืนไปได้ คือการสร้างลำคลองที่ลึกมากพอและมีการเชื่อมต่อกันเหมือนใยแมลงมุม ซึ่งการทำแบบนี้อำนาจรัฐไม่อาจจัดการได้ ต้องอาศัยประชาชนทุกคนในการบริหาร ผมเสนอให้กองทัพบกเอาอาวุธดินปีนที่มีอยู่มาใช้งาน ในการระเบิดหน้าดินมีความลึกไม่ต่ำกว่ากึ่งกลางลำไผ่ มูลดินที่เกิดจาการระเบิดก็เอามาสร้างคันดินด้านข้างทั้งสองฝัง จากนั้นเริ่มปลูกพืชตระกูลโตไวและคุมหน้าดินได้อย่าง ไผ่ และจามจุรี โดยไผ่จะเป็นพืชสำคัญที่จะถูกตัดลงมาสร้างแนวกันน้ำทั้งสองฝั่งก่อนที่น้ำจะกระทบกับคันดินโดยตรง หากเราสร้างระบบจัดการน้ำได้ดีพอ มันสามารถเอามาไหลเวียนเพื่อสร้างพลังงานได้ และยังใช้เป็นทางสัญจรอันจะเป็นแห่งท่องเทียวอีกแบบหนึ่ง อันจะไม่ใช่เมองเวนิส แต่เป็นประเทศเวนิสเลยต่างหาก
ข้อที่ ๓ การแก้ปัญหาคดีคอร์รัปชัน ผมไม่เชื่อว่าจะแก้ไขได้ ถ้ามีสถาบันที่เสียชีพไม่เสียสัตย์ขึ้นมา ค่อยน่าเชื่อถือหน่อย
พรรคประชาธิปัตย์เปิดพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศ
วันที่ 7 พ.ย. 56 คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานประสานงานมวลชนพรรค เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปฏิรูปประเทศไทยของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า หลังจากที่คณะทำงานออกเดินสายพบปะรับฟังความคิดเห็นจากผู้อาวุโสและฝ่ายต่างๆ ของบ้านเมืองแล้ว จึงได้จัดทำข้อสรุปเบื้องต้นและจะนำเสนอคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาใน 3 เรื่องเร่งด่วน ที่จะกำหนดเป็นนโยบายวาระประชาชนและวาระประเทศต่อไป คือ
1.การปรับโครงสร้างอำนาจรัฐกับภาคประชาสังคม ลดอำนาจรัฐเพิ่มอำนาจประชาชน แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความยากจน การคอร์รัปชัน และกระบวนการทางยุติธรรม เช่น การปฏิรูประบบรัฐตำรวจและอัยการ เป็นต้น
2.โครงสร้างการปฏิรูปพลังงานและทรัพยากรของประเทศ
3.การแก้ปัญหาคดีคอร์รัปชัน โดยเสนอให้ไม่มีอายุความ หรือมีอายุความที่สูงขึ้นตามลำดับความร้ายแรงของคดี ชงปฏิรูปสีกากีให้อำนาจท้องถิ่นดูแลแทนส่วนกลาง
ตอนนี้ ตามที่ปชป. ได้แถลงออกมา ยังไม่มีรูปธรรมที่ชัดเจนใด ใช้เวลายาวนานนับตั้งแต่ได้ตั้งรัฐบาลในค่ายทหารขึ้นมา เพิ่งจะมาได้ข้อสรุปตอนนี้ https://www.facebook.com/Abhisit.M.Vejjajiva/posts/10151966814806144 แบบนี้เองที่ทำให้ประชาธิปัตย์กลายเป็นพรรคที่ไม่เคยทันการณ์ในการแก้ปัญหาของประเทศเลย พอคุณทักษิณเข้ามาและเน้นผลลัพท์ จนละเลยไม่ไตร่สวนเหตุที่มา รูปแบบการทำงานจึงตรงกันข้ามกับประชาธิปัตย์จนกลายเป็นความขัดแย้งไม่อาจรวมกันบริหารประเทศได้
ถ้าหากคิดช้าแบบนี้ผมช่วยให้เอาไหม ในเรื่อง ๓ วาระของประเทศนั้น
ข้อที่ ๑ เปิดให้มีการใช้ประชาธปไตยทางตรง โดยเปลี่ยนการเลือกตั้งวันที่ ๒ กพ. นี้ ที่มีท่าทางนองเลือดแน่นอน และต่อให้ผ่า่นไปได้ ก็จะโดนโจมตีทั้งบนดินและใต้ดินต่อไปจนไม่อาจทำงานโดยสะดวก ครั้งนี้เราต้องแปลงวิกฤตเป็นโอกาส จากเลือกตั้งนองเลือดให้กลายเป็นประชามติที่จะเป็นศักราชใหม่ของประชาธิปไตย ทันสมัยกว่าอเมริกา (โดยท่านสามารถอ่านรายละเอียดในกระทู้ http://pantip.com/topic/31425326) เพราะเมื่อเกิดประชาธิปไตยทางตรงขึ้นมาจริงๆ อำนาจของทหารของกลุ่มที่คุมกำลังพลจะถูกลดลงเพราะการเพิ่มขึ้นของสส.สภาเขตอันมีรากฐานจากสภากองร้อย ที่ได้รับการติดยศเป็นนายพล ลงคิดดู นายพลที่จะถูกควบคุมด้วยคะแนนนิยมแต่คุมกำลังพลที่มีมติเอกฉันท์ถึง ๒๖๒,๑๔๔ นาย และในจำนวนนี้จะมีทั้งพวกจ่า นายสิบ ถึง ๓๒,๗๖๘ นาย ร้อยเวร ๒,๐๔๘ นาย ทำหน้าที่ทั้งด้านดูแลความสงบ และป้องกันประเทศไปพร้อมกัน ผมว่าสภากองร้อยนี่แหละที่น่ากลัวพิลึก
ข้อที่ ๒ เรื่องพลังงาน ประเทศเราเป็นประเทศน้ำหลากมากอยู่แล้วในฤดูฝน แต่น้ำที่เราสามารถกักเก็บได้ไว้ใช้ได้ไม่เท่าที่ควร เพราะตอนนี้การสร้างเขื่นที่จะใช้ภูเขาเป็นแนวกันนั้นมาถึงข้อจำกัดแล้ว ทางออกอีกทางหนึ่งที่จะสามารถเดืนไปได้ คือการสร้างลำคลองที่ลึกมากพอและมีการเชื่อมต่อกันเหมือนใยแมลงมุม ซึ่งการทำแบบนี้อำนาจรัฐไม่อาจจัดการได้ ต้องอาศัยประชาชนทุกคนในการบริหาร ผมเสนอให้กองทัพบกเอาอาวุธดินปีนที่มีอยู่มาใช้งาน ในการระเบิดหน้าดินมีความลึกไม่ต่ำกว่ากึ่งกลางลำไผ่ มูลดินที่เกิดจาการระเบิดก็เอามาสร้างคันดินด้านข้างทั้งสองฝัง จากนั้นเริ่มปลูกพืชตระกูลโตไวและคุมหน้าดินได้อย่าง ไผ่ และจามจุรี โดยไผ่จะเป็นพืชสำคัญที่จะถูกตัดลงมาสร้างแนวกันน้ำทั้งสองฝั่งก่อนที่น้ำจะกระทบกับคันดินโดยตรง หากเราสร้างระบบจัดการน้ำได้ดีพอ มันสามารถเอามาไหลเวียนเพื่อสร้างพลังงานได้ และยังใช้เป็นทางสัญจรอันจะเป็นแห่งท่องเทียวอีกแบบหนึ่ง อันจะไม่ใช่เมองเวนิส แต่เป็นประเทศเวนิสเลยต่างหาก
ข้อที่ ๓ การแก้ปัญหาคดีคอร์รัปชัน ผมไม่เชื่อว่าจะแก้ไขได้ ถ้ามีสถาบันที่เสียชีพไม่เสียสัตย์ขึ้นมา ค่อยน่าเชื่อถือหน่อย