กลับมาอีกแล้ว!!
ครั้งนี้เดินทางไปญี่ปุ่นมาเมื่อ 24 ธ.ค. - 4 ม.ค. ค่ะ
ไปกับสายการบิน Air China เจ้าเก่า.. (เพราะราคาถูกสุด...)
ครั้งนี้ลองซื้อผ่านเว็บของ Air China โดยตรงดู
ตอนแรกแพลนไว้ 24 ธ.ค. - 1 ม.ค. (ซื้อตั๋วแล้วในราคา 16xxx บาท)
แต่เนื่องจากข่าวลือของบริษัท
บอกว่า หยุดถึงวันที่ 3 ม.ค.
จึงทำการเลื่อนตั๋วจากกลับวันที่ 1 ม.ค.
เป็นกลับวันที่ 4 ม.ค.
โดยมีค่าใช้จ่ายการเลื่อนตั๋วทั้งสิ้น 5020 บาท
ทางสายการบินบอกให้ไปจ่ายที่เคาน์เตอร์เช็คอินที่สนามบินในวันเดินทาง
ก็โอเค
ตัดมาที่เย็นวันที่ 23 ธ.ค.
หลังจากเลิกงานแล้วก็กลับห้องไปตรวจของใส่กระเป๋า
ก่อนจะออกเดินทางมายังสนามบินสุวรรณภูมิ
มาถึงสนามบินเวลา 20:40 น.
เคาน์เตอร์เช็คอินของ Air China อยู่ที่ Row U เช่นเดิม
บิน 01:05 AM เพราะฉะนั้น เคาน์เตอร์จะเปิดให้เช็คอินได้เวลา 10:00 PM
พอได้เวลาเช็คอินก็ไปต่อแถว และแล้วตั๋วที่เลื่อนก็เริ่มออกฤทธิ์ตรงนี้นี่เอง
เพราะกราวด์บอกว่า ยังเห็นชื่อเราอยู่บนไฟลท์วันที่ 1 ม.ค. อยู่
เราก็เลยบอกว่า ทำเรื่องเลื่อนวันกลับไว้แล้ว
ทางสายการบินบอกให้มาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์เช็คอิน
ทางกราวด์มี 2 ทางเลือกให้เลือกคือ
1. จ่ายที่นี่ แล้วเก็บใบเสร็จไว้ให้ดี (ถ้าหายต้องจ่ายใหม่ที่ฮาเนะดะ)
2. จ่ายที่ฮาเนะดะตอนขากลับวันที่ 4 ในสกุลเงินเยน
เราก็เลยเลือกจะจ่ายที่สุวรรณภูมิ เพราะกลัวจะไม่ได้กลับ T3T
จ่ายเสร็จก็ได้รับบอร์ดดิ้งพาสปกติ
หลังจากนั้นก็มานั่งเอ้อระเหยอยู่ในเล้าจน์ KING POWER
ซึ่งเล้าจน์กับเกทนั้น... อยู่คนละฝากฝั่งเลยทีเดียว
ประเด็นคือจะเข้ามาชาร์ตแบตโทรศัพท์ T^T
บรรยากาศภายในเล้าจน์ก็มีคนประปราย
อยู่ในเล้าจน์ยัน 00:30
เค้าเรียก Boarding ตอน 00:25
ดูจากบอร์ดที่โชว์เค้ายังขึ้น Boarding อยู่..
ที่นี้เดินหลงไปเกท D!!!!!!!!!!!!!!!!!
ต้องเดินกลับมาจนกระทั่งเจอเกท E
ระหว่างทางที่เดินโซนเกท E เหลือบไปเห็นบอร์ด ขึ้นสถานะว่า
"FINAL CALL" !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
อีนี่ รีบวิ่งเลยจ้าาาาา วิ่งแบบไม่คิดชีวิต จนกระทั่งถึงเกท E9
กราวด์ยืนถือใบเสร็จที่ต้องนำไปยื่นให้ฮาเนะดะตอนขากลับรอแล้ว
ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "มาแล้วๆ"
อีนี่ หอบแฮ่กๆ จะตาย
ขอโทษค่ะ!!!
เป็นประสบการไฟนอลคอลล์ที่เข็ดเลย ต่อไปนี้จะไม่เอ้อระเหยเกินเวลา Boarding แล้ว
เกือบไม่ทันนนน
กระจกมัวมากจึงไม่ได้ถ่ายช่วงเทคออฟ
พอเครื่องบินไต่มาได้ระดับแล้ว สาวหมวยก็เริ่มเสิร์ฟเครื่องดื่ม และอาหาร
In Flight Meal วันนี้ รู้สึกจะมี หมี่ฟ่าน(ข้าว) กับนู๊ดเดิ้ล
เลยเอานู๊ดเดิ้ลมาแทน...
รสชาติโอเคนะ นึกถึงชายสี่หมี่เกี๊ยวเลย ทุกอย่างอร่อยหมด
(แต่ขนมปังก็ยังคงแข็งปาหัวหมาแตกเหมือนเดิม...)
กินเสร็จก็หลับสิครัช เพราะฤทธิ์ยาแก้เมาเครื่อง
มาตื่นอีกทีก็ใกล้จะแลนดิ้งที่ปักกิ่งแล้ว
ได้เวลาโบกมือลาตี๋ Boeing 777 แล้ว ขอบคุณที่มาส่งนะ!!
เดินตามป้าย Transfer ไปเรื่อยๆ
ตอนแรกเห็นแถวนี้แล้วตกใจ ในภาพคือ ทางผ่านเข้าประเทศ หรือตม. นั่นเอง(นะคิดว่า)
ส่วนเรามาต่อแถวอยู่ข้างๆ ป้ายนี้...
ช่องนี้สำหรับเราผู้ซึ่งมาต่อเครื่อง
หลังจากผ่านด่านในรูปด้านบนมา
จะเป็นทางลงเพื่อไปสแกนกระเป๋า Carry On และสแกนร่าง
สำหรับคนที่อยากเล่น Wifi ระหว่างรอต่อเครื่อง
ให้เอา Passport ไปยื่นที่เคาน์เตอร์ Information หลังสแกนร่าง
เค้าจะให้พาสเวิร์ดสำหรับเล่นไวไฟสนามบินฟรีมา
ขาสั้น... พร้อมอากาศ -9 องศา ณ สนามบินปักกิ่ง
ออกจากห้องน้ำก็เดินหาเกทที่โชว์ไว้ที่บอร์ด (ลืมถ่ายรูปบอร์ดมา)
เวลา 08:11 AM (ในภาพเป็นเวลาไทย) แอบส่องลำข้างๆ
แล้วเจอกันขากลับบบบ สนามบินปักกิ่ง!!!
เหมือนเดิม พอเครื่องไต่ระดับมาได้สักพัก แอร์ก็เริ่มเสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหาร
คราวนี้มีให้เลือกระหว่าง ข้าวต้มแบบจีน และ ออมเล็ตแบบเวสเทิร์น
เนื่องจากกลัวอะไรแบบจีนเหลือเกิน จึงเอาออมเล็ตมาแทน...
หน้าตาก็ดี... รสชาติก็โอเคนะ แต่เลี่ยนไปหน่อย
ตามธรรมเนียมกินเสร็จแล้วก็นอน แต่ไฟล์ทนี้ไม่ได้กินยาแก้เมาแล้ว
ตื่นมาอีกทีก็เจอสิ่งนี้
สวัสดี Mt. Fuji!!!!
ไม่นานเครื่องก็แลนด์ดิ้งลงจอดที่สนามบินฮาเนะดะ
ขอบคุณค่ะหมวยยยยย
ครั้งนี้สำหรับ Air China เราว่า ไม่เลวร้ายนะ อาหารก็โอเคขึ้น เยอะ!
แอร์สาวหมวยก็เลิกทำหน้าดุแล้ว (แต่ยังพูดภาษาจีนใส่เราอยู่...)
เต็ม 10 ให้ 9 ละกันนะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------
ทีนี้มาถึง Haneda ตอน 12:50
ลุ้นระทึกเหมือนกันนะ ช่วงผ่านตม.ญี่ปุ่นแบบไม่ต้องใช้วีซ่า
เพราะเราก็ ผู้หญิง... เดินทางคนเดียว
เลยค่อนข้างเตรียมหลักฐานหนักแน่นพอสมควร
ทั้งๆ ที่เคยไปมาแล้ว 2 ครั้ง
(เราเตรียมใบรับรองว่ามีงานมีการทำอยู่ในประเทศไทยนะ,ใบจองโรงแรม,แผนการท่องเที่ยว,ใบเสร็จตั๋วคอนเสิร์ต)
ตม.ถามว่า มากี่วัน เราก็ตอบไปตามความจริงคือ 12 วัน พร้อมกับยื่นเอกสารทั้งหมดที่เอ่ยมาให้
เค้ารับไปดู และพิจารณาอยู่สักพัก...
เราจึงยื่น Exchange Order JR PASS ให้อีก เค้าก็รับไปดู
ไม่นานเค้าก็ติดสติ๊กเกอร์ลงในพาสปอร์ตแล้วบอกเราว่า
"HAVE A NICE CHRISTMAS!"
มาถึงด่านศุลกากร... โดนเปิดกระเป๋าอีกแล้ว T{}T
พอเปิดเสร็จก็ไม่มีอะไร เค้าก็ปล่อยเราออกมา
ยังพอมีเวลา(เยอะเลย)
กว่าจะขึ้นเครื่องไปอากิตะอีกทีก็ 18:35
เลยไปแลก JRPASS (โดยกำหนดวันที่เริ่มใช้คือวันที่ 27 ธ.ค.)
เสร็จจึงนั่งรถไฟไปยังอาคาร Domestic เพื่อไปรับ Pocket Wifi ที่สั่งไว้
และเช็คอิน
เพิ่งรู้นะว่า พอไปถึง ก็เช็คอินได้เลย ไม่ต้องรอเช็คก่อนขึ้นเครื่อง 2 ชม.
เสร็จแล้วก็หาอะไรกินแถวนั้น ก่อนจะเข้าเกทไปรอขึ้นเครื่อง
ขั้นตอนก็ต้องแสกนร่างเหมือนกัน เสร็จก็เดินมายังเกทและนั่งรอ
สวย...
พอใกล้เวลาบอร์ดดิ้ง เหมือนที่จอโชว์ว่า
"ไฟลท์นี้อาจจะกลับมาฮาเนะดะ เนื่องจากหิมะตกหนักที่อากิตะ"
เราก็เอาแล้ววว ชีวิตนี้ไม่เคยเจอหิมะะะะ จะโดนแคนเซิ่ลไฟลท์มั้ย
สุดท้ายก็เรียกบอร์ดหลังจากเลทไป 30 นาที
ได้ตั๋ว Class J นั่งแต่กับลุงแก่ๆ นักธุรกิจ
ที่นั่งสบายมาก ปรับเบาะ ปรับที่วางขาได้
ตอนเครื่องไต่ระดับ
ไฟล์ทสั้นๆ 1 ชม. แบบนี้ เสิร์ฟแค่เครื่องดื่มนะฮ้าา
อากาศหนาวๆ แบบนี้เราจึงรับ คอนซอมเม่ ซุปมากิน 2 แก้ว
เสร็จก็ยังไม่ทันหลับค่ะ เค้าก็ประกาศว่าเดี๋ยวจะแลนดิ้งที่สนามบินอากิตะแล้ว
JAL ครั้งนี้จองตั๋ว SAKITOKU Advanced Purchase Fare เที่ยวเดียว ราคา 12560 เยน
หรือราวๆ 41xx บาท เพื่อแลกกับการไม่ต้องนั่งรถไฟไต่ระดับขึ้นมาอากิตะ
วันที่ 24 ธันวาเป็นวันเดินทางค่ะ
จากสนามบินอากิตะ ออกมากดตั๋วรถบัสราคา 900 เยน เพื่อเข้าตัวเมือง
เราลงที่ป้าย Hokuto Ginkou ซึ่งใช้เวลาจากสนามบินมาประมาณ 45 นาที
บรรยากาศข้างทาง ตื่นตาตื่นใจคนไม่เคยเห็นหิมะอย่างเรามากกกกก
พอลงจากรถก็ถามคนขับว่ากระเป๋าดิฉันที่อยู่ใต้รถละคะ?
เค้าบอกว่า ลงไปเปิดได้เลย
โอเค ก็เอาตั๋วใส่ไปในกล่องหน้ารถ ใกล้ๆ กับช่องเก็บตังค์
ลงไปเปิดช่องเก็บของใต้รถ...
และเดินฝ่าหิมะ... เพื่อไปยังโรงแรม
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
ขอจบรีวิวสายการบินทั้งสองเท่านี้ค่ะ
[CR] 24/12/2556 AIR CHINA CA980 BKK - HND / JAPAN AIRLINES HND - AXT
ครั้งนี้เดินทางไปญี่ปุ่นมาเมื่อ 24 ธ.ค. - 4 ม.ค. ค่ะ
ไปกับสายการบิน Air China เจ้าเก่า.. (เพราะราคาถูกสุด...)
ครั้งนี้ลองซื้อผ่านเว็บของ Air China โดยตรงดู
ตอนแรกแพลนไว้ 24 ธ.ค. - 1 ม.ค. (ซื้อตั๋วแล้วในราคา 16xxx บาท)
แต่เนื่องจากข่าวลือของบริษัท
บอกว่า หยุดถึงวันที่ 3 ม.ค.
จึงทำการเลื่อนตั๋วจากกลับวันที่ 1 ม.ค.
เป็นกลับวันที่ 4 ม.ค.
โดยมีค่าใช้จ่ายการเลื่อนตั๋วทั้งสิ้น 5020 บาท
ทางสายการบินบอกให้ไปจ่ายที่เคาน์เตอร์เช็คอินที่สนามบินในวันเดินทาง
ก็โอเค
ตัดมาที่เย็นวันที่ 23 ธ.ค.
หลังจากเลิกงานแล้วก็กลับห้องไปตรวจของใส่กระเป๋า
ก่อนจะออกเดินทางมายังสนามบินสุวรรณภูมิ
มาถึงสนามบินเวลา 20:40 น.
เคาน์เตอร์เช็คอินของ Air China อยู่ที่ Row U เช่นเดิม
บิน 01:05 AM เพราะฉะนั้น เคาน์เตอร์จะเปิดให้เช็คอินได้เวลา 10:00 PM
พอได้เวลาเช็คอินก็ไปต่อแถว และแล้วตั๋วที่เลื่อนก็เริ่มออกฤทธิ์ตรงนี้นี่เอง
เพราะกราวด์บอกว่า ยังเห็นชื่อเราอยู่บนไฟลท์วันที่ 1 ม.ค. อยู่
เราก็เลยบอกว่า ทำเรื่องเลื่อนวันกลับไว้แล้ว
ทางสายการบินบอกให้มาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์เช็คอิน
ทางกราวด์มี 2 ทางเลือกให้เลือกคือ
1. จ่ายที่นี่ แล้วเก็บใบเสร็จไว้ให้ดี (ถ้าหายต้องจ่ายใหม่ที่ฮาเนะดะ)
2. จ่ายที่ฮาเนะดะตอนขากลับวันที่ 4 ในสกุลเงินเยน
เราก็เลยเลือกจะจ่ายที่สุวรรณภูมิ เพราะกลัวจะไม่ได้กลับ T3T
จ่ายเสร็จก็ได้รับบอร์ดดิ้งพาสปกติ
หลังจากนั้นก็มานั่งเอ้อระเหยอยู่ในเล้าจน์ KING POWER
ซึ่งเล้าจน์กับเกทนั้น... อยู่คนละฝากฝั่งเลยทีเดียว
ประเด็นคือจะเข้ามาชาร์ตแบตโทรศัพท์ T^T
บรรยากาศภายในเล้าจน์ก็มีคนประปราย
อยู่ในเล้าจน์ยัน 00:30
เค้าเรียก Boarding ตอน 00:25
ดูจากบอร์ดที่โชว์เค้ายังขึ้น Boarding อยู่..
ที่นี้เดินหลงไปเกท D!!!!!!!!!!!!!!!!!
ต้องเดินกลับมาจนกระทั่งเจอเกท E
ระหว่างทางที่เดินโซนเกท E เหลือบไปเห็นบอร์ด ขึ้นสถานะว่า
"FINAL CALL" !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
อีนี่ รีบวิ่งเลยจ้าาาาา วิ่งแบบไม่คิดชีวิต จนกระทั่งถึงเกท E9
กราวด์ยืนถือใบเสร็จที่ต้องนำไปยื่นให้ฮาเนะดะตอนขากลับรอแล้ว
ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "มาแล้วๆ"
อีนี่ หอบแฮ่กๆ จะตาย
ขอโทษค่ะ!!!
เป็นประสบการไฟนอลคอลล์ที่เข็ดเลย ต่อไปนี้จะไม่เอ้อระเหยเกินเวลา Boarding แล้ว
เกือบไม่ทันนนน
กระจกมัวมากจึงไม่ได้ถ่ายช่วงเทคออฟ
พอเครื่องบินไต่มาได้ระดับแล้ว สาวหมวยก็เริ่มเสิร์ฟเครื่องดื่ม และอาหาร
In Flight Meal วันนี้ รู้สึกจะมี หมี่ฟ่าน(ข้าว) กับนู๊ดเดิ้ล
เลยเอานู๊ดเดิ้ลมาแทน...
รสชาติโอเคนะ นึกถึงชายสี่หมี่เกี๊ยวเลย ทุกอย่างอร่อยหมด
(แต่ขนมปังก็ยังคงแข็งปาหัวหมาแตกเหมือนเดิม...)
กินเสร็จก็หลับสิครัช เพราะฤทธิ์ยาแก้เมาเครื่อง
มาตื่นอีกทีก็ใกล้จะแลนดิ้งที่ปักกิ่งแล้ว
ได้เวลาโบกมือลาตี๋ Boeing 777 แล้ว ขอบคุณที่มาส่งนะ!!
เดินตามป้าย Transfer ไปเรื่อยๆ
ตอนแรกเห็นแถวนี้แล้วตกใจ ในภาพคือ ทางผ่านเข้าประเทศ หรือตม. นั่นเอง(นะคิดว่า)
ส่วนเรามาต่อแถวอยู่ข้างๆ ป้ายนี้...
ช่องนี้สำหรับเราผู้ซึ่งมาต่อเครื่อง
หลังจากผ่านด่านในรูปด้านบนมา
จะเป็นทางลงเพื่อไปสแกนกระเป๋า Carry On และสแกนร่าง
สำหรับคนที่อยากเล่น Wifi ระหว่างรอต่อเครื่อง
ให้เอา Passport ไปยื่นที่เคาน์เตอร์ Information หลังสแกนร่าง
เค้าจะให้พาสเวิร์ดสำหรับเล่นไวไฟสนามบินฟรีมา
ขาสั้น... พร้อมอากาศ -9 องศา ณ สนามบินปักกิ่ง
ออกจากห้องน้ำก็เดินหาเกทที่โชว์ไว้ที่บอร์ด (ลืมถ่ายรูปบอร์ดมา)
เวลา 08:11 AM (ในภาพเป็นเวลาไทย) แอบส่องลำข้างๆ
แล้วเจอกันขากลับบบบ สนามบินปักกิ่ง!!!
เหมือนเดิม พอเครื่องไต่ระดับมาได้สักพัก แอร์ก็เริ่มเสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหาร
คราวนี้มีให้เลือกระหว่าง ข้าวต้มแบบจีน และ ออมเล็ตแบบเวสเทิร์น
เนื่องจากกลัวอะไรแบบจีนเหลือเกิน จึงเอาออมเล็ตมาแทน...
หน้าตาก็ดี... รสชาติก็โอเคนะ แต่เลี่ยนไปหน่อย
ตามธรรมเนียมกินเสร็จแล้วก็นอน แต่ไฟล์ทนี้ไม่ได้กินยาแก้เมาแล้ว
ตื่นมาอีกทีก็เจอสิ่งนี้
สวัสดี Mt. Fuji!!!!
ไม่นานเครื่องก็แลนด์ดิ้งลงจอดที่สนามบินฮาเนะดะ
ขอบคุณค่ะหมวยยยยย
ครั้งนี้สำหรับ Air China เราว่า ไม่เลวร้ายนะ อาหารก็โอเคขึ้น เยอะ!
แอร์สาวหมวยก็เลิกทำหน้าดุแล้ว (แต่ยังพูดภาษาจีนใส่เราอยู่...)
เต็ม 10 ให้ 9 ละกันนะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------
ทีนี้มาถึง Haneda ตอน 12:50
ลุ้นระทึกเหมือนกันนะ ช่วงผ่านตม.ญี่ปุ่นแบบไม่ต้องใช้วีซ่า
เพราะเราก็ ผู้หญิง... เดินทางคนเดียว
เลยค่อนข้างเตรียมหลักฐานหนักแน่นพอสมควร
ทั้งๆ ที่เคยไปมาแล้ว 2 ครั้ง
(เราเตรียมใบรับรองว่ามีงานมีการทำอยู่ในประเทศไทยนะ,ใบจองโรงแรม,แผนการท่องเที่ยว,ใบเสร็จตั๋วคอนเสิร์ต)
ตม.ถามว่า มากี่วัน เราก็ตอบไปตามความจริงคือ 12 วัน พร้อมกับยื่นเอกสารทั้งหมดที่เอ่ยมาให้
เค้ารับไปดู และพิจารณาอยู่สักพัก...
เราจึงยื่น Exchange Order JR PASS ให้อีก เค้าก็รับไปดู
ไม่นานเค้าก็ติดสติ๊กเกอร์ลงในพาสปอร์ตแล้วบอกเราว่า
"HAVE A NICE CHRISTMAS!"
มาถึงด่านศุลกากร... โดนเปิดกระเป๋าอีกแล้ว T{}T
พอเปิดเสร็จก็ไม่มีอะไร เค้าก็ปล่อยเราออกมา
ยังพอมีเวลา(เยอะเลย)
กว่าจะขึ้นเครื่องไปอากิตะอีกทีก็ 18:35
เลยไปแลก JRPASS (โดยกำหนดวันที่เริ่มใช้คือวันที่ 27 ธ.ค.)
เสร็จจึงนั่งรถไฟไปยังอาคาร Domestic เพื่อไปรับ Pocket Wifi ที่สั่งไว้
และเช็คอิน
เพิ่งรู้นะว่า พอไปถึง ก็เช็คอินได้เลย ไม่ต้องรอเช็คก่อนขึ้นเครื่อง 2 ชม.
เสร็จแล้วก็หาอะไรกินแถวนั้น ก่อนจะเข้าเกทไปรอขึ้นเครื่อง
ขั้นตอนก็ต้องแสกนร่างเหมือนกัน เสร็จก็เดินมายังเกทและนั่งรอ
สวย...
พอใกล้เวลาบอร์ดดิ้ง เหมือนที่จอโชว์ว่า
"ไฟลท์นี้อาจจะกลับมาฮาเนะดะ เนื่องจากหิมะตกหนักที่อากิตะ"
เราก็เอาแล้ววว ชีวิตนี้ไม่เคยเจอหิมะะะะ จะโดนแคนเซิ่ลไฟลท์มั้ย
สุดท้ายก็เรียกบอร์ดหลังจากเลทไป 30 นาที
ได้ตั๋ว Class J นั่งแต่กับลุงแก่ๆ นักธุรกิจ
ที่นั่งสบายมาก ปรับเบาะ ปรับที่วางขาได้
ตอนเครื่องไต่ระดับ
ไฟล์ทสั้นๆ 1 ชม. แบบนี้ เสิร์ฟแค่เครื่องดื่มนะฮ้าา
อากาศหนาวๆ แบบนี้เราจึงรับ คอนซอมเม่ ซุปมากิน 2 แก้ว
เสร็จก็ยังไม่ทันหลับค่ะ เค้าก็ประกาศว่าเดี๋ยวจะแลนดิ้งที่สนามบินอากิตะแล้ว
JAL ครั้งนี้จองตั๋ว SAKITOKU Advanced Purchase Fare เที่ยวเดียว ราคา 12560 เยน
หรือราวๆ 41xx บาท เพื่อแลกกับการไม่ต้องนั่งรถไฟไต่ระดับขึ้นมาอากิตะ
วันที่ 24 ธันวาเป็นวันเดินทางค่ะ
จากสนามบินอากิตะ ออกมากดตั๋วรถบัสราคา 900 เยน เพื่อเข้าตัวเมือง
เราลงที่ป้าย Hokuto Ginkou ซึ่งใช้เวลาจากสนามบินมาประมาณ 45 นาที
บรรยากาศข้างทาง ตื่นตาตื่นใจคนไม่เคยเห็นหิมะอย่างเรามากกกกก
พอลงจากรถก็ถามคนขับว่ากระเป๋าดิฉันที่อยู่ใต้รถละคะ?
เค้าบอกว่า ลงไปเปิดได้เลย
โอเค ก็เอาตั๋วใส่ไปในกล่องหน้ารถ ใกล้ๆ กับช่องเก็บตังค์
ลงไปเปิดช่องเก็บของใต้รถ...
และเดินฝ่าหิมะ... เพื่อไปยังโรงแรม
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
ขอจบรีวิวสายการบินทั้งสองเท่านี้ค่ะ